ภาพคำเอ้ยและเพื่อนนักเรียนกฎหมายเพื่อคนไร้รัฐคนไร้สัญชาติเมื่อ ๗/๑๒/๒๕๕๒
…………………………….
ปัญหาความไร้รัฐไร้สัญชาติของคำเอ้ย
…………………………….
· แต่อย่างไรก็ตาม กระบวนการขจัดความไร้รัฐของคำเอ้ยและครอบครัวก็สำเร็จลงแล้วตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๗ แม้จะไม่ทราบแน่ว่า คำเอ้ยปรากฏตัวในทะเบียนราษฎรของรัฐพม่าแล้วหรือยัง แต่ก็ยืนยันว่า คำเอ้ยไม่ไร้รัฐ เพราะปรากฏตัวแล้วในทะเบียนราษฎรของรัฐไทยประเภท ท.ร.๓๘/๑ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๗ ในสถานะผู้ติดตามแรงงานต่างด้าว รัฐไทยยอมรับเป็นรัฐเจ้าของตัวบุคคลของคำเอ้ยแล้ว อย่างน้อยในสถานะของรัฐเจ้าของถิ่นอันเป็นภูมิลำเนาตามกฎหมายเอกชนของคำเอ้ย
· นอกจากนั้น คำเอ้ยควรจะต้องได้รับการบันทึกชื่อใน ท.ร.๓๘ ก. ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๘ โดยผลของยุทธศาสตร์เพื่อการจัดการสถานะและสิทธิของบุคคลตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๘ ในสถานะของ “บุคคลที่มีปัญหาสถานะบุคคลตามกฎหมายในสถาบันการศึกษาไทย” แต่วันนี้ ๑๔ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๑ แล้ว การเปลี่ยนสถานะของคำเอ้ยจากผู้ติดตามแรงงานต่างด้าว ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อคำเอ้ยน้อยกว่าการมีสถานะเป็นนักเรียนไร้สัญชาติในโรงเรียนไทย จึงต้องติดตามแล้วล่ะว่า อำเภอแม่อายปรับเลขประจำตัวประชาชนของคำเอ้ยจากคนที่ขึ้นต้นด้วยเลข ๐๐ เป็น ๐ แล้วหรือยัง ?
· แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเรารับฟังได้ว่า มารดาของคำเอ้ยได้รับการยอมรับโดยรัฐบาลพม่าแล้วว่า เป็นคนสัญชาติพม่า ดังจะเห็นว่า มารดาถือบัตรประจำตัวคนสัญชาติพม่า มารดาจึงไม่ไร้รัฐและไม่ไร้สัญชาติ มารดาจึงเป็นคนสองทะเบียนราษฎร กล่าวคือ มีชื่อทั้งในทะเบียนราษฎรของรัฐไทยและรัฐพม่า อันทำให้มีความแน่นอนที่คำเอ้ยจะสามารถใช้สิทธิในสัญชาติพม่าตามด้วยในอนาคต
· เพียงแต่เราไม่อาจทราบว่า คำเอ้ยได้รับการบันทึกชื่อในทะเบียนราษฎรของรัฐพม่าว่า มีสัญชาติพม่าหรือไม่ แต่เราก็คาดการณ์ว่า มีความเป็นไปได้ที่คำเอ้ยจะเข้าสู่ทะเบียนราษฎรของรัฐพม่าหากร้องขอ หรือหากมีความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่อง ความเป็นไปได้ก็จะเกิดขึ้นได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
· ปัญหาความไร้สัญชาติของคำเอ้ยในวันนี้ จึงไม่ยากที่จะแก้ไข เป็นเพียงความไร้สัญชาติโดยข้อเท็จจริง มิใช่ความไร้สัญชาติโดยข้อกฎหมาย
· เพียงสัญชาติพม่าที่จะได้รับนี้ จะเอื้อสุขแก่คำเอ้ยซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศไทยและศึกษาอยู่ในสถาบันการศึกษาไทยหรือไม่ ?
· นอกจากนั้น เราไม่แน่ใจว่า จะเกิดความสงบทางการเมืองในประเทศพม่าได้จริงหรือไม่ อันทำให้เกิดความเป็นไปได้ที่คำเอ้ยและครอบครัวจะอพยพกลับไปอาศัยในประเทศพม่า
· เราคาดว่า แม้คำเอ้ยจะได้รับการยอมรับว่า มีสัญชาติพม่าในอนาคต เราก็คาดการณ์ว่า คำเอ้ยและครอบครัวก็จะยังคงมีสถานะเป็น “คนเสมือนไร้สัญชาติ” อยู่ต่อไปในประเทศไทย
…………………………….
ข้อเสนอเพื่อการจัดการปัญหาที่ชอบด้วยกฎหมาย
…………………………….
1. ควรติดตามเรื่องการปรับเลขประจำตัวบุคคล ๑๓ หลัก ของคำเอ้ยที่ขึ้นต้นด้วย ๐๐ เป็น ๐ ทั้งนี้ ย่อมจะส่งผลเป็นการเปิดโอกาสให้คำเอ้ยได้มาซึ่งสิ่งรับรองสถานะความเป็นราษฎรไทย
2. ตลอดจน ควรติดตามเรื่องของบัตรประจำตัวบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนซึ่งกรมการปกครองย่อมจะต้องออกให้แก่คำเอ้ย
3. คำเอ้ยควรจะต้องร้องขอใช้สิทธิพิสูจน์สัญชาติพม่า ตามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหภาพพม่าว่าด้วยความร่วมมือในการจ้างแรงงาน ณ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๖ แต่กระบวนการพิสูจน์สัญชาติพม่าตามความตกลงนี้ยังไม่อาจเริ่มต้นขึ้นได้จริง ดังกรณีความตกลงระหว่างประเทศไทยกับประเทศลาว หรือกับประเทศกัมพูชา
4. คำเอ้ยควรจะต้องเรียนรู้กฎหมายและนโยบายอันจำเป็นสำหรับคนต่างด้าวในประเทศไทย อาทิ (๑) กฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว (๒) กฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจ (๓) กฎหมายว่าด้วยการถือครองทรัพย์สิน ฯลฯ
5. รัฐยังไม่มีหน้าที่จะให้สัญชาติไทยแก่คำเอ้ย แต่มีหน้าที่ที่จะต้องรับรองสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานแก่คำเอ้ย ปัญหาว่า อะไรคือปัญหาสิทธิมนุษยชนที่คำเอ้ยเผชิญอยู่ล่ะ ??!!
…………………………….
ภาพเมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๒
คำเอ้ยและนักเรียนห้อง ๕ ซึ่งเป็นคนใน ท.ร.๓๘/๑ กำลังเรียนกฎหมายเพื่อจัดการปัญหาความไร้สัญชาติของตนกับครูบอม อดิศร เกิดมงคล
ไม่มีความเห็น