คำเอ้ยเป็นแรงงานต่างด้าวเทียมเช่นกัน เพราะมิใช่ตัวแรงงานต่างด้าวเอง เป็นเพียงผู้ติดตามแรงงานต่างด้าว กล่าวคือเป็นบุตรของแรงงานจากพม่าที่มาขึ้นทะเบียนแรงงานกับกระทรวงแรงงานไทย แต่ก็ปฏิเสธว่า คำเอ้ยไม่มีสถานะเป็นแรงงานมิได้ เพราะคำเอ้ยถูกบันทึกในทะเบียนทะเบียนประวัติประเภท แรงงานต่างด้าวจากพม่า แม้ในชีวิตจริง เธอยังเป็นนักเรียน มิใช่คนทำงาน นอกจากนั้น เมื่อฟังว่าคำเอ้ยเป็นเยาวชนในสถาบันการศึกษาไทย กล่าวคือ โรงเรียนบ้านท่าตอน อันทำให้คำเอ้ยซึ่งยังดูเหมือนไร้สัญชาติโดยข้อเท็จจริง หรือเสมือนไร้สัญชาติ คำเอ้ยจึงตกเป็นบุคคลเป้าหมายของยุทธศาสตร์เพื่อการจัดการสถานะและสิทธิของบุคคลตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๘ อันทำให้คำเอ้ยมีสิทธิที่จะได้รับการบันทึกชื่อในทะเบียนราษฎรไทยในสถานะ “บุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน” และเปลี่ยนเลขประจำตัวบุคคล ๑๓ หลักที่ขึ้นต้นด้วยเลข ๐๐ เป็น ๐ ดังนั้น เราจึงจะต้องทราบว่า คำเอ้ยได้รับการปรับเลขประจำตัวบุคคลตามกฎหมายทะเบียนราษฎรไทยแล้วหรือยัง ??
…………………………….
ข้อเท็จจริงของคำเอ้ย
…………………………….
- เธอเกิดเมื่อพ.ศ. ๒๕๓๗ (ปรากฏตาม ท.ร.๓๘/๑) ปัจจุบันอายุ ๑๕
ปี
- สถานที่เกิด ก็คือ บ้านลม ตำบลบ้านลม อำเภอเชียงตุง
จังหวัดเชียงตุง ประเทศพม่า
- เธอติดตามนางนวลมารดาเข้ามาในประเทศไทยทางอำเภอแม่สาย
จังหวัดเชียงราย เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๕ ซึ่งคำเอ้ยมีอายุเพียง ๘ ปี
ในช่วงเวลาที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย
-
เมื่อมารดาได้แสดงตนเพื่อขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวกับกระทรวงแรงงานไทย
คำเอ้ยก็ได้ร้องขอขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวนี้ในสถานะของผู้ติดตามแรงงาน
เธอจึงมีเอกสารรับรองรายการทะเบียนประวัติของคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
(ท.ร.๓๘/๑) เช่นเดียวกับมารดา โดยเลขประจำตัวบุคคล ๑๓
หลักที่เธอได้รับ ก็คือ เลขประจำตัว ๑๓ หลักขึ้นต้นด้วย ๐๐
- ปัจจุบัน คำเอ้ยเรียนหนังสืออยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕
โรงเรียนบ้านท่าตอน
…………………………….
ข้อเท็จจริงของบิดาของคำเอ้ย
…………………………….
- บิดาชื่อนายยี่ นายใส่
- ปัจจุบัน นายยี่เสียชีวิตแล้ว
…………………………….
ข้อเท็จจริงของมารดาของคำเอ้ย
…………………………….
- มารดา ชื่อนางนวล นาใส่
- เธอเกิดเมือ พ.ศ.๒๕๑๗ ที่เชียงตุง ประเทศพม่า
- เข้ามาในไทย จากอำเภอแม่สาย เมือพ.ศ.๒๕๔๕
โดยเข้ามาอยู่บ้านเลขที่ ๓๘๕ บ้านท่าตอน
อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
- นวลมาอยู่ที่แม่สายได้ ๒ ปีก็ย้ายมาอยู่บ้านท่าตอน
อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
- ต่อจากนั้นได้ไปทำงานที่ฟาร์มวัวที่บ้าน ปงตำ
อำเถอไชยปราการ
- เธอร้องขอขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวใน พ.ศ.๒๕๔๗
จึงได้รับการบันทึกชื่อในทะเบียนประวัติตามกฎหมายไทยว่าด้วยการทะเบียนราษฎรประเภทแรงงานต่างด้าว
(ท.ร.๓๘/๑) เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๘
นวลได้รับการบันทึกในแบบรับรองการทะเบียนประวัติของคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษซึ่งอำเภอไชยปราการ
-
อำเภอไชยปราการออกบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยตามกฎหมายไทยว่าด้วยการทะเบียนราษฎรให้แก่นวล
โดยเลขประจำตัวบุคคล ก็คือ เลขประจำตัว ๑๓ หลักด้วยเลข ๐๐
-
แบบรับรองรายการทะเบียนประวัติของคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
(ท.ร.๓๘/๑) ที่อำเภอไชยปราการออกให้แก่นวลระบุว่า เธอมีสัญชาติพม่า
และอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ ๑๑ หมู่ ๒ ตำบลปงตำ
อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่
- ต้องตรวจสอบว่า นวลมีใบอนุญาตทำงานไหม ??
- นวลเล่าว่า มีมีบัตรประชาชนพม่า แต่ไม่ได้นำเข้ามาในไทย
…………………………….
จุดเกาะเกี่ยวระหว่างคำเอ้ยกับประเทศไทย
…………………………….
- เมื่อคำเอ้ยอาศัยอยู่จริงในประเทศไทยในปัจจุบัน
คำเอ้ยจึงมีจุดเกาะเกี่ยวกับประเทศไทยโดยหลักดินแดนภายหลังการเกิด
…………………………….
จุดเกาะเกี่ยวระหว่างคำเอ้ยกับประเทศพม่า
…………………………….
-
เมื่อคำเอ้ยเกิดในประเทศพม่า
คำเอ้ยจึงมีจุดเกาะเกี่ยวโดยการเกิดโดยหลักดินแดนกับประเทศพม่า
- แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อฟังว่า มารดามีสถานะเป็นคนสัญชาติพม่า
ย่อมเป็นคนในทะเบียนราษฎรของรัฐพม่า
คำเอ้ยจึงมีจุดเกาะเกี่ยวกับรัฐพม่าโดยการเกิดโดยหลักสืบสายโลหิตจากมารดา
- ในปัจจุบัน
คำเอ้ยไม่มีจุดเกาะเกี่ยวกับประเทศพม่าโดยหลักดินแดนเพราะไม่ได้อาศัยอยู่จริงในประเทศพม่า
…………………………….
สถานะบุคคลของคำเอ้ยตามกฎหมายพม่าว่าด้วยสัญชาติพม่า
…………………………….
- เราอาจชี้ได้ชัดเจนว่า
คำเอ้ยอาจมีสิทธิในสัญชาติพม่าโดยการเกิดโดยหลักสืบสายโลหิต
เพราะเมื่อมารดามีสถานะเป็นคนสัญชาติพม่า
และเป็นคนในทะเบียนราษฎรของรัฐพม่า
คำเอ้ยจึงมีจุดเกาะเกี่ยวกับรัฐพม่าโดยการเกิดโดยหลักสืบสายโลหิตจากมารดา
-
เมื่อคำเอ้ยเกิดในประเทศพม่า
เราก็ต้องชี้ว่า คำเอ้ยมีสัญชาติพม่าโดยหลักดินแดน
- เรายังไม่ทราบว่า
บุพการีของคำเอ้ยได้เพิ่มชื่อของคำเอ้ยในทะเบียนราษฎรของรัฐพม่า
ข้อเท็จจริงนี้ จึงเป็นเรื่องที่เราต้องสืบค้นต่อไป
…………………………….
สถานะบุคคลของคำเอ้ยตามกฎหมายไทยว่าด้วยสัญชาติไทย
…………………………….
- เราชี้ได้ชัดเจนว่า คำเอ้ยไม่มีสัญชาติไทยโดยการเกิดอย่างแน่นอน
เพราะคำเอ้ยมิได้เกิดในประเทศไทยและบุพการีก็ไม่มีสัญชาติไทยหรือเป็นคนต่างด้าวที่มีสิทธิอาศัยถาวรในไทย
-
แต่ภายหลังการเกิด
คำเอ้ยก็อาจร้องขอสิทธิในสัญชาติไทยภายหลังการเกิด
ซึ่งอาจจะเป็นสัญชาติไทยโดยการสมรส หากมีคู่สมรสเป็นคนสัญชาติไทย
หรืออาจจะเป็นสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ
หากคำเอ้ยแสดงให้ประจักษ์ถึงความกลมกลืนระหว่างคำเอ้ยและประเทศไทย
…………………………….
สถานะบุคคลตามกฎหมายไทยว่าด้วยคนเข้าเมือง
…………………………….
- เราไม่ทราบว่า มารดาของคำเอ้ยมีสิทธิอาศัยชั่วคราว
เนื่องจากเราไม่ทราบว่า นวลได้ร้องขอทำใบอนุญาตทำงานหรือไม่ ?
-
หากเราฟังข้อเท็จจริงได้ว่า
นวลมีใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายไทยว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว
เราก็ต้องชี้ว่า นวลย่อมมีสิทธิอาศัยชั่วคราว
และมีสถานะเป็นแรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนแรงงานอย่างถูกต้องตามมติคณะรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดระบบแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย
แต่อย่างไรก็ตาม
ความเป็นคนต่างด้าวที่มีสิทธิอาศัยชั่วคราวของมารดาไม่อาจขยายถึงสิทธิอาศัยตามกฎหมายคนเข้าเมืองของคำเอ้ย
ซึ่งมีสถานะเป็น “ผู้ติดตามแรงงาน”
-
แต่แม้จะฟังข้อเท็จจริงว่า
นวลไม่มีใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายไทยว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว
เราก็ต้องชี้ว่า นวลย่อมไม่มีสิทธิอาศัยชั่วคราว
และไม่มีสถานะเป็นแรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนแรงงานอย่างถูกต้องตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
ในสถานการณ์นี้
ทั้งนวลและคำเอ้ยก็มีสถานะเป็นคนต่างด้าวที่ผิดกฎหมายคนเข้าเมืองโดยสิ้นเชิง
-
ขอให้สังเกตในประการแรกว่า
สถานะของทั้งนวลและคำเอ้ยใน ท.ร.๓๘/๑
มีลักษณะเป็น “สถานะตามกฎหมายทะเบียนราษฎร”
เท่านั้น
มิใช่สถานะตามกฎหมายคนเข้าเมือง
-
ที่อยู่ของสถานะบุคคลของคำเอ้ยและบุพการี
ก็คือ ทะเบียนประวัติ มิใช่ทะเบียนบ้าน
-
ขอให้สังเกตในประการที่สองว่า
เมื่อคำเอ้ยได้รับการสำรวจเป็น “บุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร”
ประเภท “บุคคลในสถานศึกษาไทย”
ภายใต้ยุทธศาสตร์เพื่อการจัดการสถานะและสิทธิของบุคคลตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๘ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๘
-
สถานะบุคคลนี้ของคำเอ้ยก็เป็นเพียง
“สถานะตามกฎหมายทะเบียนราษฎร”
มิใช่สถานะตามกฎหมายคนเข้าเมืองเช่นกัน
เพราะเรายังไม่เห็นมติคณะรัฐมนตรีที่ให้สิทธิเข้าเมืองหรืออาศัยของบุคคลในสถานศึกษาไทย
ซึ่งควรจะมี แต่ก็ยังไม่มีออกมาสักที
…………………………….
ประเด็นการพิสูจน์สัญชาติพม่า
…………………………….
- จะต้องตระหนักว่า ในอนาคต บุพการีของคำเอ้ยจะได้รับการเปลี่ยนจาก
“คนต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย” เป็น
“คนต่างด้าวที่เข้าเมืองไทยอย่างถูกกฎหมาย”
หากกระบวนการพิสูจน์สัญชาติพม่าได้เป็นไปตามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหภาพพม่าว่าด้วยความร่วมมือในการจ้างแรงงาน
ณ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๖
-
จึงคาดว่า
กระบวนการพิสูจน์สัญชาตินี้ย่อมส่งผลต่อคำเอ้ยอีกด้วย
ซึ่งการพิสูจน์สัญชาติพม่านี้ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาต่อนวล
เพราะนวลได้รับการยอมรับจากรัฐบาลพม่าแล้ว
จนออกบัตรประชาชนพม่าให้ถือไว้ ดังนั้น
เอกสารแสดงสัมพันธภาพระหว่างนวลและคำเอ้ยย่อมจะทำให้การพิสูจน์สัญชาติพม่าของคำเอ้ยสำเร็จลงได้
…………………………….
เหตุผลที่ครอบครัวของคำเอ้ยละทิ้งประเทศพม่าเพื่ออพยพเข้ามาในประเทศไทย
…………………………….
- นวลมารดาของคำเอ้ยกล่าวว่า
“ถามความทุกข์ความสุขต่างกันอย่างไร
ระหว่างไทยกับพม่า นั้น
การอยู่ประเทศไทยมีความสุขมากถ้าเราขยันทำงาน
เงินก็เป็นของเรา
อยู่ประเทศพม่าขยันทำงานแทบตายก็ไม่พอเลี้ยงครอบครัว”
....................................
โปรดอ่านตอนต่อไปใน
กรณีศึกษานางสาวคำเอ้ย นายใส่ (ตอนที่ ๒)
: เธอไร้สัญชาติโดยข้อเท็จจริงมิใช่หรือ ?
ความเป็นคนสัญชาติพม่าเอื้อสุขได้จริงหรือ ?
http://gotoknow.org/blog/archanwell-and-maeai-study/255474
โดย รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร
งานเขียนเพื่อโครงการ
“คลินิกกฎหมายชาวบ้าน (ด้านสถานะและสิทธิบุคคล)
อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างคณะนิติศาสตร์
มหาวิทยาลัย พายัพ และ Unicef
เมื่อวันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒