ชายไทย หลายคน ถูกฝึกมาให้ คิดแบบผิดๆ


กระบวนทัศน์ ความเชื่อ  วัฒนธรรม   ที่ชายไทยบางคน (ย้ำ บางคน) ปลูกฝังมา  ส่งผลต่อ การเป็นคน  ปิดกั้นการเรียนรู้   เป็นพวก ignorant ในบางหัวข้อวิชา

เช่น

  • ผิด  แต่ อย่ายอมรับผิด  เสียฟอร์ม  โดยเฉพาะ กับ เมีย
  • หญิงมีชู้ เลวสุดๆ  ฆ่าทิ้งได้  แต่ ชายเที่ยวผู้หญิง   มีชู้  ไม่เป็นไร ถือว่า เก่ง
  • รับน้องใหม่  คือ กินเหล้า เที่ยวผู้หญิง 
  • กด เก็บ ความรู้สึกเอาไว้  อย่าแสดงออก    โกหกดีกว่าใครจับได้ว่าเป็น "ไอ้อ่อน"
  •  เสียสัตย์  ดีกว่า เสียหน้า
  • ฯลฯ

 สังคมไทย ไม่ช่วยกัน   ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม   โยนความผิดมาให้ พ่อแม่ไม่สั่งสอน  ครูไม่สอน 

ในขณะที่ ครูคนใหม่  คือ สื่อมวลชน  ละคร ทีวี หนัง  นักการเมือง ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง  นักแสดง นักการตลาด นักโฆษณา  ฯลฯ บางคน (ย้ำ บางคน)   ไม่รับผิดชอบ ต่อการ ปรับเปลี่ยนวิธีคิด

ในการบริหารงาน  เราจึงเจอ ปัญหา  การ "แข็ง" "ดื้อเงียบ" "เก็บความรู้สึกที่ดีๆ"

ผมชอบ ที่ คนปูนฯ ไปเรียน สุนทรียสนทนา กับ หลาน อจ วิศิษย์ วังวิญญู   ที่ บอกว่า   คนเราเกิดมา มีไพ่ (Playing cards) เท่าๆกัน  แต่ พอโตขึ้น   เราทิ้งไพ่ดีๆ ออกไป   เราปรับตัวด้วยการทำลายสิ่งดีๆในตัวเรา   เราต้องการให้ คนยอมรับ เช่น รุ่นพี่ที่คณะ  เจ้านายที่ทำงาน  ฯลฯ   จน เราสูญเสีย สิ่งดีๆไป

ผมเสริมว่า  นอกจาก จะทิ้งไพ่ดีแล้ว  ยังเพิ่มไพ่ไม่ดีอีกด้วยซ้ำไป

ได้ สันดานไม่ดี  อีกมากมาย มาจาก การคบคนพาล (คนที่ไม่ชี้ช่องทาง พ้นทุกข์)   ไม่ฟังธรรมตามกาล  ฯลฯ

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #paradigm
หมายเลขบันทึก: 100774เขียนเมื่อ 4 มิถุนายน 2007 21:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:52 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)
สวัสดีครับ...ท่านอริยชน...คงจะมีเชื้อสายมาจากชนเผ่าอารยันบ้างไม่มากก็น้อยใช่ใหม่ครับ...ที่ทักทายเช่นนี้หามีเจตนาอื่นใด...เพียงแต่ต้องการนำเข้าสู่การแลกเปลี่ยน...

ลักษณาการแบบนี้คงไม่มีแต่เฉพาะชายไทยบางคนมั้งครับ?...อาจจะเป็นชายส่วนใหญ่ของโลกที่ได้รับมรดกทางความคิดมาจากอุดมการณ์แบบ Mercantilism..ซึ่งไอ้ความคิดแบบนี้เนี่ย...ตามประวัติศาสตร์ทางของความคิดมนุษย์เท่าที่มีผู้รวบรวมไว้นั้น  มันปรากฏอยู่ทุกยุคทุกสมัย...ตั้งกะ  จีนโบราณ, Mesopotemian, Greec, Arab, Roman, ยุคกลาง, ยุคสมัยใหม่, แม้กระทั่งยุคหลังสมัยใหม่ก็ไม่เว้น (ผู้ชายบางคนที่ท่านว่า)...ว่าแต่ว่า คุณผู้ชายของประชาชนชาวไทยไปติดเชื้อทางความคิดแบบนี้มาตั้งกะเมื่อใด...ทั้งที่ชนเผ่าแถบสุวรรณภูมินี้...มีอิตถีเพศเป็นผู้นำชนเผ่ามาแต่ก่อนที่เราจะมีนครรัฐกันเสียอีก...เราจะมาดูกันดีใหม่ครับ...

ความเข้มข้นของอุดมการณ์แบบ Mercantilism ที่ว่านี้ มันจะลดดีกรีความเข้มข้นไปตามกาลเวลาที่ผ่านไป...แล้วผู้ชายในสยามประเทศไปรับอุดมการณ์แบบนี้มาตั้งกะตอนไหน...ทฤษฎี (บ้า ๆ บอ ๆ ) ของผมเสนอว่า...ตั้งกะข่าว "การรู้แจ้ง" ที่ชาวยุโรปโหมกระพือเพื่อโฆษณาตนเอง...เพื่อสร้างยี่ห้อความภาคภูมิใจในตนเองใหม่  หลังจากที่ตกอยู่ภายใต้ร่มเงาของวัฒนธรรมและความรู้ของอาหรับมาตั้ง 1000 ปี (ศตวรรษที่ 5-15)...

เมื่อข่าวนี้แพร่สพัดมาถึงดินแดนสุวรรณภูมิ...ก็สร้างความตื่นเต้นให้กับบรรพบุรุษของเรากันยกใหญ่...จึงเร่งขันกันส่งลูกหลานไปศึกษาหาความรู้เพื่อนำความรู้มาสร้างบ้านแปงเมือง...ความรู้ที่ได้มาก็ดีครับ...ทำให้บ้านเมืองเรามีความทันสมัยอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน...ได้ความทันสมัยมายังไม่พอ...ดั๊นได้ของแถมที่ท่านว่ามาด้วยนี่สิ...ผู้ชาย (บางคน) ในบ้านเมืองเราจึงออกอาการอย่างที่ท่านพรรณนามานี่แล...

เดี๋ยวนี้ก็เลยมีความพยายามเยียวยาหลายอย่าง...

...ที่กล่าวมา...คือการพยายาม "จับแพะชนแกะ" เพื่อสืบสาวหาต้นตอของอาการของ "ผู้ชายไทยบางคน" เพื่อจะได้แสวงหาวิธีเยียวยาต่อไป...

...ความคิดเห็นยาวกว่าเจ้าบ้านคงไม่ว่ากระไรนะครับ..

สวัสดีค่ะ

ตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะ

การเปรียบเทียบว่าคนเราเกิดมาแล้วมีไพ่ในมือเท่ากันนั้น ก็อาจจะเปรียบเทียบได้ตัวอย่างหนึ่ง แต่ก่อนที่จะทิ้งไพ่นั้น เราควรจะพิจารจณาถึงปัจจัยหลายๆด้านๆด้วยว่าทำไมคนนั้นถึงต้องทิ้งไพ่ดีและเอาไพ่ไม่ดีขึ้นมาไว้ในมือ  หรือบางคนถือแต่ไพ่ดีๆไว้หมดทิ้งแต่ไพ่ทีไม่ต้องการออกไป(ไพ่ไม่ดีหรือเปล่าสำหรับคนนั้นหวังแต่จะได้ไพ่ดีอย่างเดียวหรือหวังจะชนะอย่างเดียว) นอกจากนี้ก็มีข้อที่จะต้องพิจารณาอีกหลายประการ เช่น อายุในการถือไพ่เพราะถ้าอายุยังน้อยคงทิ้งไพ่ไม่ได้ผู้ที่ทิ้งไพ่ก็น่าจะเป็นพ่อแม่(พ่อแม่คงต้องอบรมสั่งสอนในการทิ่งไพ่ถ้าสอนดีก็กีไปแต่สอนไม่ดีก็อาจติดตัวไปเมื่อโตขึ้น)  สิ่งแวดล้อมในขณะที่จะทิ้งไพ่ถ้าอยู่ในสิ่งแวดล้อมดีมีการเกื้อกูลกันมีการอบรมสั่งสอนการทิ่งไพ่ไม่หวังชนะอยู่ฝ่ายเดียว ประการสำคัญจะต้องไม่มีการโกงกันในการทิ่งไพ่ สิ่งเหล่านี้ควรจะพิจารณาด้วยเพื่อเป็นแนวทางหนึ่งในการที่จะกล่าวถึงสังคมที่คนเราอยู่ร่วมกันและทำไมเขาถึงต้องทิ้งไพ่ใบนั้นที่คนอื่นเขาว่าไม่ดี 

 

นำวิถีของอุษาคเนย์กลับมา :-)

ท่านสวัสด์    ขอบคุณมาก  ที่ให้ข้อมูลและแนวคิด

นั่นนะสิ น่าคิดเหมือนกันนะ เราไปได้  เรื่องแบบนี้ มาจากยุคไหน

 

ผมใช้  กระบวนการกลุ่ม  ในการแก้

สอนแบบไม่ไห้รู้ตัว

ค่อยๆ ทำให้ พวกเขา ตระหนัก  ค้นพบ  ตัวตน ของพวกเข้ามาขึ้น

ฉาย หนังสารคดี  ผู้หญิงคลอดลูก กันหลายรอบ   แล้ว ทำ AAR  กันบ่อยๆ

ก็ช่วยได้บ้าง (บางคน..... อีกแย้ว)

 

 

หวัดดีครับ...

   ขอยืมวาทะของท่าน ชยสาโร นะครับ ว่าเมื่อมีอะไรเกิดขึ้นคนเราก็ มักจะเป็นนักโทษ  คือ โทษสิ่งอื่น โทษคนอื่นไปเรื่อย สมมติว่าผมอาจจะมีนิสัยแย่ ๆ คนก็มักจะโทษว่า พ่อแม่ไม่สั่งสอน ฯลฯ

         

บุรุษผู้ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็เกิดมาจากผู้ญ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท