การศึกษาทั่วโลก ย่ำแย่แล้ว


สอนตนเองยังไม่ได้เลย ดันมา จัดระบบสอนคนอื่น

อ่าน บันทึกของ ครูบาสุทธินันท์  แล้ว  ก็ขอ ต่อยอด บ้างนะ

ความล้มเหลว การศึกษาเนี่ย จะว่าไปแล้ว  ในช่วง 20 -30 ปี  นี่   เป็นกันทั้งโลก

ก็ไม่อยากจะโทษใคร     ผมชอบคำของครูบาฯ ที่ว่า   "เรากำลังเอาคนที่ทำร้ายการศึกษามาดูแลการศึกษาอยู่"     มันสะท้อนให้เห็นอะไรหลายๆอย่าง  เช่น 

"คนที่ชื่อว่าเป็นนักการศึกษามีพฤติกรรมการศึกษา (จะเรียกเรียนรู้ก็ได้) หรือ  มีแค่ปริญญาการศึกษา  กันแน่"     ในทางกลับกัน  "คนที่ไม่มีปริญญาการศึกษากลับมีพฤติกรรมการศึกษานั้นมีมากมาย" ......  ตราบใดที่ยัง วัดผล ปริญญา  กันด้วย  ผลของการรับรู้  คิดตรงกับผู้สอน  เอา information มาเข้าใจผิดว่าเป็น knowledge    เรียนรู้แบบโดนยัดไม่เป็น constructionism learning    ก็คง  ได้ ปริญญาทางการศึกษาที่ไม่เรียนรู้  ไป บริหารการศึกษาต่อไป   

ผมนึกถึง  หนังสือพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้า รัชกาลที่ ๕ (ที่ผม หาไม่เจอ ว่าเล่มนั้น  เคยอ่านตอนทำงานที่ จุฬา ฯ)    ในลักษณะที่พรงองค์ท่านทรงมีพระราชนิพนธ์ว่า  "  เราเอาชาวนา มาเข้าโรงเรียน ที่สร้างให้เป็นเสมียน   แต่  จำนวนเสมียนมีจำกัด    .......  คนที่จบจากโรงเรียนจึงไม่มีงานทำ  ทำนาก็ไม่เป็นแล้วด้วย"   (ผมจำได้ คร่าวๆ  ในประมาณนี้)

คนวงการศึกษา   หวงการบริหารการศึกษาไว้กับพรรคพวกตนเอง  ใครไม่จบทางการศึกษา (แบบที่ตนจบมา)   อย่าได้แหลมมายุ่งในวงการศึกษา     สอนกันเอง เออออกันเอง   ประเมินกันเอง  ฯลฯ   นี่แหละมันฟ้องว่า    ยังไม่รู้จัก hansei เลย ยังไม่เข้าวงจรการเรียนรู้ของ nonaka เลย     มีแต่ Information to information  

ทางออกที่สำคัญ ของการศึกษาทั่วโลก  (ผมไม่ได้ เขียนถึง ระบบการศึกษาในเมืองไทยนะ   ... ผมกลัว ! ไม่กล้าแตะ  ไม่กล้าวิจารณ์ครับ)  คือ

  • ส่งเสริม  การศึกษานอกระบบให้มากๆ   
  • การศึกษาตลอดชีวิต  
  • สร้างภาคี  เครือข่าย ให้คนทุกคนเป็นนักการศึกษา (ฟัง แบบ deep listening จาก คนวงการอื่นๆบ้าง   ถ้าเขาไม่เรียนรู้ เขามาทำงานในสังคมนี้ไม่ได้หรอก    พวกเขาปะทะ real world มามาก แต่ ไม่มีปริญญาทางการศึกษา    มีแต่ นักการศึกษานั้นแหละ ที่ไม่เคยออกไป ปะทะ real world)     ทุกคน คือ ผู้รับผิดชอบการศึกษา   ตั้งแต่ พ่อแม่ ทุกกระทรวง  ฯลฯ   อย่าหวงเอาไว้ที่ กระทรวงศึกษาคนเดียวสิ
  • วิจัยพฤติกรรมการเรียนรู้ ออกมาให้ประชาชนอ่านมากๆ  อย่าทำวิทยานิพนธ์แบบ "สร้างแบบสอบถาม" นักเลย   ... มันไม่ใช่วิธีการวิจัยที่ดีนะ
  • ดูพฤติกรรมคนในวงการศึกษา  แล้ว ดัด "พฤติกรรม" กันให้สมกับเป็นนักเรียนรู้ ก่อนที่ จะปล่อยให้ออกมา อาละวาด จัดระบบการศึกษา  เป็นคนจัดหลักสูตร  เป็นแม่ปู   ฯลฯ   แค่  ประชุมกัน  ก็ ไม่ สุนทรียสนทนาแล้ว   แค่ทำงานก็กลัวก็อ้างสารพัด   .....  จัดการพฤติกรรมตนเองให้ได้ก่อน  
  • ที่ ฟินแลนด์    ที่ USA    มีระบบการศึกษาแนว Action learning  เรียกว่า  Team academy   น่าสนใจที่ จะคลิก yahoo /google เข้าไปดูนะ       เน้นปะทะ real world  สร้าง sensing 

อย่างไรก็ตาม  การศึกษาสมัยเก่า จริงๆ คือ การศึกษาที่ดี    เรามาพลาดช่วง 20 -30 ปี  นี้เอง      เราเจอ เสพนิยมมากเกินไป

โรงเรียนที่ เอาแต่ ค่าแปะเจี๊ยะ   ก็จะได้ผู้ปกครองแบบ เสพนิยม   เขาถือว่าเอาเงินฟาดหัว ครูได้      ผ้ปกครองแบบนี้ งกๆเค็มๆ   มาเจอ ผู้บริหารโรงเรียนแบบงกๆเค็มๆ  ไปด้วยกันได้พอดีเลย   สุดท้าย ไปลูกศิษย์ งกๆ เค็ฒๆ   ออกมาเป็น นักการเมืองโกงๆ  แพทย์งกๆ   วิศวกรไร้จิตใจ  นักกฎหมายกระล่อน  ครูอาจารย์หยิ่งจองหอง  พ่อแม่อารมณ์ร้าย  ทีวีบ้ากาม  พ่อค้า นักการตลาด นักโฆษณาวิปริต  ชาวนาโดนหลอก ฯลฯ 

นักศึกษา นุ่งสั้น  นมปลิ้น  เป็น ผลพวง ของ ผู้ใหญ่ในสังคมครับ  อย่าไปโทษเด็กเลย    หัด "ดูตนเอง"   ทำ reflection บ้าง     เชิญหลายๆวงการ มามี ส่วนร่วม มามีความเป็นเจ้าของระบบการศึกษาบ้าง  เช่น ทีวี สื่อหนังสือพมพ์ ดารา  ข้าราชการ พ่อค้า พ่อแม่  ฯลฯ   มา Show & share  มาคุยกันดีๆ      หยุดทะเลาะกันได้แล้ว !!!!!!   Talk ---> think ---> theory ----> Trial ----talk ---think ---->  ฯลฯ 

 

 

หมายเลขบันทึก: 112400เขียนเมื่อ 18 กรกฎาคม 2007 07:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 มิถุนายน 2012 11:53 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)

เรียน ท่านไร้กรอบ

  •  เห็นชอบ มอบรอง  เห็นด้วยผู้ช่วยทำ ครับ
  • หยุดทะเลาะ โดย
  • TRUST ซึ่งกันและกัน
  • Thailand จึงจะรอดครับ

มารับข้อคิดดีๆ ที่ต้องมากกว่าแค่คิด(ทำ)ค่ะ

 

สวัสดีครับอาจารยคนไร้กรอบ ผมอ่านบันทึกของอาจารย์แล้ว ผมนึกถึง

  • เพลง ปริญญาใจ (ขอมอบให้อาจารย์ครับ)
  • คำที่ค่อยๆหายไปจากสังคมไทย...ใฝ่รู
  • หยิ่งในศักดิ์ศรีความเป็นคนดี

สวัสดีค่ะ

นักศึกษา นุ่งสั้น  นมปลิ้น  เป็น ผลพวง ของ ผู้ใหญ่ในสังคมครับ  อย่าไปโทษเด็กเลย    หัด "ดูตนเอง"   ทำ reflection บ้าง     เชิญหลายๆวงการ มามี ส่วนร่วม มามีความเป็นเจ้าของระบบการศึกษาบ้าง  เช่น ทีวี สื่อหนังสือพมพ์ ดารา  ข้าราชการ พ่อค้า พ่อแม่  ฯลฯ   มา Show & share  มาคุยกันดีๆ      หยุดทะเลาะกันได้แล้ว !!!!!!  

ค่ะเห็นด้วย เห็นภาพที่บรรยายบ่อยมาก เห็นแล้วเศร้า สงสัยเรา จะเชย โบราณไปแล้ว!!

ผมชอบบันทึกนี้มากครับ

วิจารณ์

 เชิญหลายๆวงการ มามี ส่วนร่วม มามีความเป็นเจ้าของระบบการศึกษาบ้าง  เช่น ทีวี สื่อหนังสือพมพ์ ดารา  ข้าราชการ พ่อค้า พ่อแม่  ฯลฯ   มา Show & share  มาคุยกันดีๆ      หยุดทะเลาะกันได้แล้ว !!!!!!  

....  เห็นด้วยค่ะ ต้องรวมตัวกัน อย่างจริงจัง เอาผลประโยชน์รวมเป็นที่ตั้ง เพราะ

... เห็นมีประชุม ๆ กันหลายๆ ครั้ง สัมมนาโน่น นี่ ก็ไม่ได้ผล กันสักที เพราะขาด ...  ความจริงใจ  และ จริงจัง ...

.... หากต้องการผลสัมฤทธิ์ ท่านผู้มีอำนาจ ตัดสินใจ ต้องเอาจริง เอาจัง ด้วย จริงใจ ค่ะ  

ครับท่านอริยชน

จากถ้อยคำที่คัดมาจากบันทึกของพ่อครูบาฯ ที่ว่า "เรากำลังเอาคนที่ทำร้ายการศึกษามาดูแลการศึกษาอยู่" ผมเป็นพวกประเภท "หมูไม่กลัวน้ำร้อน" อยากจะขออนุญาตตีความตรง ๆ โดยไม่เกี่ยวกับพ่อครูบาฯ ว่า  คน ๆ นั้นคือ "ศ.ดร.วิจิต ศรีสะอ้าน" ไม่ต้องตกใจนะครับ  ไม่ใช่ข้อกล่าวหา  ไม่ใช่การใส่ความให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย  จนถูกดูหมิ่นหรือถูกเหยียดหยาม  แต่เป็นเพียงความคิดเห็นอิสระ  ต่อบุคคลสาธารณะเท่านั้นเอง  ซึ่งผมเชื่อโดยสุจริตว่า  ผมมีสิทธิ์ทำ  ตาม พรบ. ข้อมูลข่าวสาร 2540 ครับ  ไม่แน่ใจว่า คมช. ยกเลิกไปหรือยัง?...ถ้ายกเลิกไปแล้ว...ผมคงต้องไปนอนกินข้าวแดงหละงานนี้!!!

ในประเด็นเรื่อง "การศึกษาย่ำแย่" นี้  ผมขอเสนอมุมมองอีกมุมหนึ่ง  ในฐานะคนหน้าแปลกนะครับ...คำว่า "ย่ำแย่" น่าจะเป็นการตีความจากปรากฏการณ์ที่พบเห็นบ่อยมากขึ้น  จากผลผลิตของ "อุตสาหกรรมการศึกษา" นะครับ (ผมเจตนาจะใช้คำประเภทนี้  เพื่อสื่อถึง การศึกษา  เพื่อปลดปล่อยผู้คนให้เป็นอิสระจากการศึกษาครับ)  ปรากฏการณ์ที่ว่าได้แก่  เราผู้ผ่านกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมการศึกษา  ที่มีข้อมูลเต็มหัวไปหมด  แต่ไม่รู้ว่าข้อมูลนั้นมันคืออะไร...และปรากฏการณ์ที่ท่านอริยชน  สาธยายมาแล้วในตอนท้ายของบันทึก...

สำหรับผมกลับมองว่า   ปรากฏการณ์ดังกล่าว  เป็นสัญญาณที่ดีครับ  เพราะมันสื่อให้เห็นว่า...อุตสาหกรรมการศึกษา  กำลังจะหมดไปจากโลก  เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมทั้งหลายที่ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  ที่ต้องมีอันเป็นไปในอดีตครับ...เขาเรียกว่า "โตแล้วแตก" และผมขอเรียนท่านทั้งหลายว่า  ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ  ว่าลูกหลานเราจะไม่มีใครสั่งสอน...เดี๋ยวนี้  ความรู้ไม่ได้ผูกขาดไว้กับอุตสาหกรรมการศึกษาแล้วครับ  ธุรกิจที่ขายความรู้อย่างตรงไปตรงมา  เริ่มปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วไปทั้งในบริบทโลกและบริบทไทยครับ

ภาพที่ผมมองเห็นในอนาคตเกี่ยวกับการศึกษาของโลกกำลังเริ่มชัดขึ้นทุกขณะว่า...มหาวิทยาลัยแบบเก่ากลายเป็นอุนสรณ์สถาน...ปริญญาบัตร  จะหายไป...มนุษย์เรียนรู้วิธี  ฟัง พูด อ่านและเขียนตามใจชอบ  มนุษย์เรียนรู้ทักษะโดยตรงจากผู้ที่เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ มนุษย์สร้างความรู้ขึ้นมาเอง  จากการพูดคุยกัน  ไม่มีใครผู้ขาดความรู้อีกต่อไป...ผมเฝ้าแต่ลุ้นว่า...ขอให้คนในอุตสาหกรรมการศึกษาแบบเก่า ๆ ทำแบบนี้ต่อไป...ผมจะได้เห็นโลกอนาคตได้ในช่วงชีวิตผม

เด็ก ๆ ของเราจะเติบโตทางความคิดเต็มที่ตามศักยภาพของเขา...ไม่ใช่จับใส่กรงให้คิดเหมือนกันอย่างเช่นทุกวันนี้...จิตนาการดูสิครับ...โลกที่เต็มไปด้วย "อิสรชน" หรือ "อริยชน" อย่างท่านว่า (คนที่พร้อมที่จะรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม)  จะสวยงามเพียงใด

หนังสือที่อาจารย์กล่าวถึงในย่อหน้าที่ห้า น่าจะเป็นบทพระราชนิพนธ์โคลนติดล้อ ในล้นเกล้ารัชกาลที่ ๖ ครับ อยู่ในบทที่ ๔ ความนิยมเป็นเสมียน

คำนำ

ในการกระทำความติดต่อซึ่งกันและกันในหมู่นานาประเทศนั้น บางทีก็เหลือที่จะแก้ไขป้องกันมิให้เครื่องกีดขวางต่าง ๆ มาติดล้อแห่งความเจริญของชาติได้ ของกีดขวางเหล่านี้ ในชั้นต้นก็ดูไม่สู้จะสลักสำคัญอะไรนัก แต่ครั้นเวลาล่วงไปก็กลับกลายเป็นของใหญ่โตขึ้นทุกที จนถึงวันหนึ่งเราจึ่งรู้สึกว่าแทบจะทนทานไม่ได้

ธรรมดารถซึ่งขับเร็วไปในถนนซึ่งมีโคลน โคลนนั้นก็ย่อมกระเด็นเปรอะเปื้อนรถเป็นธรรมดา และบางทีก็เป็นอันตรายได้โดยเหตุที่ม้าพลาดหรือล้มลง แต่ล้อแห่งรถนั้นในเวลาที่ถึงที่หยุดแล้ว จะมีโคลนก้อนใหญ่ๆ ติดอยู่ก็หาไม่ เพราะว่าโคลนซึ่งติดล้อในระหว่างที่เดินทางนั้นได้หลุดกระเด็นไปเสียแล้วด้วยอำนาจความเร็วแห่งรถนั้น ส่วนรถที่ขับช้า ๆ ไปในถนนซึ่งมีโคลนทางเดียวกันย่อมไม่สู้จะเปรอะเปื้อนหรือเป็นอันตรายด้วยเหตุที่ม้าพลาดหรือล้มนั้นจริง แต่ล้อแห่งรถนั้นย่อมจะเต็มไปด้วยโคลนอันใหญ่และเหนียวเตอะตัง ซึ่งนอกจากแลดูไม่เป็นที่จำเริญตาแล้ว ยังสามารถเป็นเครื่องกีดขวางและทำให้ล้อเคลื่อนช้าลงได้

ข้อนี้ย่อมได้แก่ประเทศซึ่งดำเนินไปสู่ความเจริญ หรือซึ่งโดยมากชอบเรียกกันว่า "ความศิวิไลซ์" ยกตัวอย่างที่เห็นได้ง่าย คือ ญี่ปุ่นเขาได้ดำเนินขึ้นสู่ความเจริญด้วยความรวดเร็วยิ่งนัก ประเทศญี่ปุ่นมีรอยโคลนเปรอะเปื้อนอยู่เป็นอันมาก แต่เราต้องยอมว่าล้อของเขาไม่ใคร่จะมีก้อนโคลนติด

ส่วนประเทศสยามของเรานั้นเล่าเป็นอย่างไรบ้าง ?

เราได้ดำเนินขึ้นสู่ความเจริญด้วยความระวังระไว เพราะว่าเราเห็นควรที่จะใช้สติและความไตร่ตรองดูโดยรอบคอบ และถึงแม้เมื่อเปรียบเทียบกับญี่ปุ่น ความเจริญของเรานั้นช้าก็จริงอยู่ แต่ดูเราไม่สู้จะเปรอะเปื้อนมากนัก และตัวรถของเราก็นับได้ว่ายังสะอาดดีอยู่

ส่วนล้อของเรานั้นเป็นอย่างไรเล่า ?

ล้อของเรานั้นหรือมีก้อนโคลนติดกรังไปทั้งล้อ ! รถของเรายังเคลื่อนไปได้จริง แต่ก้อนโคลนเหล่านั้นช่างกีดขวางเสียจริง ๆ เพราะฉะนั้นวันจะมาถึงเข้าวันหนึ่ง ซึ่งเราจะรู้สึกว่า ถึงแม้เราจะต้องเดินเร็วจริงๆ เพื่อให้รอดอันตราย เราก็จะไม่สามารถไปเร็วได้เสียแล้ว

เจ้าของรถที่เขามีสติปัญญา เมื่อได้เห็นโคลนติดล้อของเขามากมายเช่นนั้น ก็ย่อมเป็นธรรมดาที่เขาจะต้องขวนขวายจัดการเปลื้องโคลนออกเสียจากล้อ ก่อนที่เขาจะเริ่มออกเดินทางต่อไปในที่อันสำคัญไม่ใช่หรือ ?

เราทั้งหลายควรจะลืมตาของเรา และพิจารณาดูก้อนโคลนต่าง ๆ ซึ่งติดอยู่กับล้อแห่งความเจริญของชาติเรา เราจะเห็นได้ว่าโคลนเหล่านี้ บางก้อนได้ติดมานานแล้ว และเป็นการลำบากที่จะเปลื้องออกให้เกลี้ยงได้ในคราวเดียว แต่ถ้าประกอบด้วยวิริยภาพและความบากบั่น เราก็สามารถที่จะชำระโคลนนั้นออกได้หมดในเวลาอันควรเหมือนกัน ของย่อมมีอยู่ บางอย่างที่เราจะเปลี่ยนแปลงได้ทันใดตามความพอใจ เพราะไม่เกี่ยวข้องแก่ผู้ใดนอกจากตัวเราเอง แต่ย่อมมีของบางอย่างเหมือนกัน ซึ่งยากจะเปลี่ยนแปลงได้ ด้วยเหตุว่ามีผู้อื่นเขามาเกี่ยวข้องอยู่ด้วย

เราควรจะพิจารณาในสิ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับตัวเราเองก่อน และในการพิจารณานี้เราจะได้เห็นของอัศจรรย์ต่าง ๆ มาก ซึ่งจะทำให้เรานึกพิศวงว่าเหตุใดเราจึงคงมีหรือคงทำสิ่งนั้น ๆ อยู่

สวัสดีอาจารย์ครับ  ผมมาขออนุญาตินำเอกข้อความดีๆบางตอนไปรวมครับ ขอบคุณมากครับ   http://gotoknow.org/blog/mrschuai/107076#

ขอบคุณครับ

  "ถูกต้อง - พอใจ" อีกแล้วครับอาจารย์
   เพิ่งคุยกันสดๆแบบออกรสกับท่านครูบาสุทธินันท์ และ อ.ดร.แสวง ในเรื่องแนวนี้อยู่จนดึกดื่นเมื่อคืนครับ
   F2F เป็นครั้งแรก  บุกถึงห้องนอนเลย .. ผมยังถามถึง เห็ดที่อาจารย์อุ้มเลย
   ขออีกนะครับ  ขอบ่อยๆ  ผมอยู่ในวงนั้น  ก็พยายามพูดเสมอว่า  ช่วยให้คนนอกเขามองบ้างเถอะ  เขามองเขาทัก ควรฟังและคิดให้มากๆ เพราะเขามองมาจากหลายมุม ย่อมเห็นชัดตามที่เป็นจริงได้มากกว่า
    ผมรำคาญนักหนากับคำกล่าวที่ว่า เรียนมาหรือเปล่า
   
เรียนแบบไม่รู้ แล้วมาทำเป็นรู้สิน่าเบื่อ  ก็พวกที่อ้างว่าเรียนมามากๆนั่นแหละ คุยดีๆได้ไม่กี่คำก็ต้องเลิกคุย .. มันตื้นครับ ตื้น ๆ ๆ ๆ.

  • มาคาระวะท่านอาจารย์ครับ
  • ที่จริงแวะมาบ่อย แต่ยังไม่มีวิทยายุทธที่จะ แลกเปลี่ยนครับ....ขอฟรีไปก่อนนะท่านอาจารย์

ผมได้ดูวีดีโอที่อาจารย์ไปบรรยายที่รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้าครับ

ผมพยายามทำตามที่อาจารย์ประมาณว่า ไม่ว่าจะทำอะไร พยายามทำจิตให้ว่าง อย่าปล่อยจิตเราคิด ผมก็พยายามอยู่ไม่ว่าจะทำอะไร แต่ผมตอนอ่านหนังสือไม่ได้ครับ ยิ่งเป็นภาษาอังกฤษนี่ คิดเต็มไปหมดเลย อยากถามว่า ต้องทำอย่างไรครับ เวลาเราควบคุมจิตไปด้วย อ่านหนังสือไปด้วย 

P  ขอบคุณครับ

ใฝ่รู  นี่แหละ  อย่างที่ JJ ตัวจริงว่า  คือ  ฉลาดลึก โง่กว้างขวาง

มุดหนี ลงรูไหนๆ     หาก หา "รูใจ" ไม่เจอ   ก็ยังไม่เรียนรู้ครับ

ผมว่า น่าจะพิมพ์ผิดนะเนี่ย   .... คงเป็น  "ใฝ่รู้"มากกว่า  แต่  ก็ทำให้ ผมได้ คิดต่อยอด   ไป ลงรูใจโน้นเลยครับ

 

อ่านแล้วได้ ความรู้ และมองเห็นภาพ เพื่อนำมาพัฒนาตัวเอง ครอบครัว และองค์กรครับอาจารย์

P    ขอบคุณมากครับ  สำหรับบทความ พระราชนิพนธ์นี้

ผมหา มานานแล้ว   

วงการศึกษา  น่าจะเข้าใจนะ  พระองค์ท่านทรงเตือนมานานแล้ว

แต่ ทำไม .................... 

ของการศึกษาทั่วโลก (ผมไม่ได้ เขียนถึง ระบบการศึกษาในเมืองไทยนะ ... ผมกลัว ! ไม่กล้าแตะ ไม่กล้าวิจารณ์ครับ)

อิอิ

เราเจอ เสพนิยมมากเกินไป

โรงเรียนที่ เอาแต่ ค่าแปะเจี๊ยะ ก็จะได้ผู้ปกครองแบบ เสพนิยม เขาถือว่าเอาเงินฟาดหัว ครูได้ ผ้ปกครองแบบนี้ งกๆเค็มๆ มาเจอ ผู้บริหารโรงเรียนแบบงกๆเค็มๆ ไปด้วยกันได้พอดีเลย สุดท้าย ไปลูกศิษย์ งกๆ เค็ฒๆ ออกมาเป็น นักการเมืองโกงๆ แพทย์งกๆ วิศวกรไร้จิตใจ นักกฎหมายกระล่อน ครูอาจารย์หยิ่งจองหอง พ่อแม่อารมณ์ร้าย ทีวีบ้ากาม พ่อค้า นักการตลาด นักโฆษณาวิปริต ชาวนาโดนหลอก ฯลฯ

นักศึกษา นุ่งสั้น นมปลิ้น เป็น ผลพวง ของ ผู้ใหญ่ในสังคมครับ อย่าไปโทษเด็กเลย หัด "ดูตนเอง" ทำ reflection บ้าง เชิญหลายๆวงการ มามี ส่วนร่วม มามีความเป็นเจ้าของระบบการศึกษาบ้าง เช่น ทีวี สื่อหนังสือพมพ์ ดารา ข้าราชการ พ่อค้า พ่อแม่ ฯลฯ มา Show & share มาคุยกันดีๆ หยุดทะเลาะกันได้แล้ว !!!!!! Talk ---> think ---> theory ----> Trial ----talk ---think ----> ฯลฯ

ผมขอก็อบประโยคนี้นะครับชอบจริงๆเลยอิอิอิ

หนูเพิ่งจะเรียบผ่านมาเองค่ะ

เรื่องโคลนติดล้อ

ขอบคุณที่เเนะนำเเนวทางดีๆน่ะค่ะ

อันนี้เนื้อหาม.5ในภาษาไทยค่ะ ^^ ได้อ่านล่วงหน้าด้วย ขอบคุณมากค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท