4 Social Field ใน Theory U


Presencing = present + sensing

Otto C Scharmer   เขียน หนังสือ ชื่อ Theory U    ได้   นำเสนอ เรื่องที่น่าสนใจมากๆ คือ เรื่อง  4 Social Fields

1 st Field :   I-in-me  

              คือ  เต็มไปด้วยคำพูด ฉันว่า ฉันติดว่า ฉํนรู้แล้ว  เชื่อฉันเถอะ ฉันถูก  ในความเห็นของฉัน ............. ฉันๆๆๆๆ   ถูกเสมอ เก่งเสมอ ..... ฉันจะดัดนิสัยเธอ   ธรรมะฉันสูงกว่า   ฉันศิษย์มีอาจารย์   ใครแตะต้องอาจารย์ฉํนไม่ได้ 

ใน สนามสนทนาแบบนี้  จะเต็มไปด้วย วิวาทะสนทนา     ...  เราจะเห็นในเว็ปบอร์ดทั่วไป  คนไทยเรา  อยู่ใน ระดับ 1 นี้มากมาย

เป็น แบบ quick response    เป็นแบบ Reactive    ยังไม่ Open minds

เป็นพฤติกรรมของเด็กในคราบผู้ใหญ่    กำลังสติอ่อนแอ   แม้นจะ ฝึกธรรมะมานานแล้วก็ตาม

ขนาดเป็นเว็ปศาสนา   ยัง "ทะเลาะ" กันมากกว่า แรงกว่า เว็ปอื่นๆ    คุยกันดีๆ ไม่ได้   ฟังกันไม่จบ อ่านแบบสุกี้ (ลวกๆ)    ตามแค้น ตามงอน   ออกอาการ   กระแทก  "ฉันเจ็บ  แกต้องเจ็บด้วย"    ฉันจะ เลือกสำนวนเจ็บๆมาอัดแก   แค้นนี้ย่อมชำระ !!!

การฝึกเพื่อแก้ สันดานแบบนี้   คือ  การฝึกแนว Dialogue  ซึ่งต้องเข้าบ่อยๆ ต่อเนื่อง สัก ๒๐ ครั้ง   ก็จะดีขึ้น     ... 

2 nd Field : I-in-it

             คือ  ไม่ได้มองจากมุมมองของตนอีกแล้ว    มองไปที่โจทย์  มองไปที่ปัญหา  ไม่สนใจว่าใครจะคิดอะไร   มุ่งไปที่ปัญหา    อ้างโน้น ดึงทฤษฏีนี้     แม้นไม่ได้มองจากมุมของตนเอง   แต่  ก็สามารถทำร้าย จิตใจ คนที่เกี่ยวข้องได้  อย่างไม่รู้ตัว อย่างไม่ตั้งใจ

         it  ในที่นี้  คือ โจทย์ ปัญหา หัวข้อ topic  

3 rd Field :  I -in - You

             จิตใจได้รับการพัฒนาสูงขึ้นไปกว่าเดิมอีก  คือ  แทนที่จะมองไปที่โจทย์ ปัญหา ฯลฯ   กลับเริ่มใช้ คำพูด ที่แสดง ความเข้า "ใจ"  ต่อ ความรู้สึกของฝ่ายตรงข้าม  เริ่มนึกถึงสถานะภาพของคนอื่นๆ   เห็นใจแต่ไม่อิน  (empathy)  ไม่ใช่เห็นใจแบบอิน (Sympathy) นะครับ

          เข้าใจ แบบไม่เสแสร้ง

4 th Field:  Presencing = Present + sensing

         จิตว่าง   อยู่กับปัจจุบันขณะ (Present)    ห้อยแขวนคำพิพากษา  ตื่นรู้ (Sensing)   ชำเลืองดูจิต สำเหนียกจิต    ตัดอกุศลออกไป   ยังกุศลให้มากแต่ไม่อิน   ทำใจว่างๆ ตัวเบา ความคิดปลอดโปร่ง

          ไม่มีเขา ไม่มีเรา  

         ถามตนเองว่า  เราเกิดมาทำไม  หน้าที่หลักของเราคืออะไร  ภาระกิจหลัก

หมายเลขบันทึก: 162927เขียนเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2008 21:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 02:09 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
อ่านดูแล้วคุ้นๆแนวพุทธนะครับอาจารย์ครับ
ขอบคุณ ที่นำมาแลกเปลี่ยนค่ะ

อ่านเสริมได้ที่นี่ครับ

http://www.prawase.com/article/89.pdf

ขอบคุณอาจารย์ที่ให้ความรู้ค่ะ

ยังไม่ค่อยเข้าใจ   Theoy   U ค่ะ

 ตามอ่านของอาจารย์ทำให้เข้าใจว่าเอาเองคงคล้ายๆหลักของพุทธศาสนา

โดนจริงๆเลย........

คือ  ไม่ได้มองจากมุมมองของตนอีกแล้ว    มองไปที่โจทย์  มองไปที่ปัญหา  ไม่สนใจว่าใครจะคิดอะไร   มุ่งไปที่ปัญหา    อ้างโน้น ดึงทฤษฏีนี้     แม้นไม่ได้มองจากมุมของตนเอง   แต่  ก็สามารถทำร้าย จิตใจ คนที่เกี่ยวข้องได้  อย่างไม่รู้ตัว อย่างไม่ตั้งใจ

ถ้า ไป สนามสี่    จะพบว่า  เรา  มาสร้าง ตัวสติ ตื่นรู้ (sensing กับ กาย เวทนา จิต ธรรม)  และ อยู่กับปัจจุบันขณะ

ในสนามสี่ (ยากที่สุด) คือ การดูจิตนั่นเอง   เชื่อมโยงตัวเราเอง กับ สรรพสิ่ง  นั่น คือ ความว่าง

เมื่อกำลังสติต่อเนื่อง ตื่นรู้   ก็จะ "ค้นพบ"   สติมาปัญญาเกิด

มองปัญหาแบบข้ามภพชาติ

มองปัญหา เป็น แบบฝึกหัด สะสมกำลังสติ

มอง ข้ามภพชาติ     ย้อนกลับไปที่ แหล่ง ต้นตอ (Connecting to the source)  ...  เรามาเกิดทำไม มาสร้าง "บารมี" อะไร

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท