วันนี้ กลุ่มได้สนทนากัน มี มาจาก รัฐวิสหากิจ องค์กรไทยผสมญี่ปุ่น ฯลฯ คุยกัน ตอน ทานอาหารเที่ยง พอจะสรุป ประเด็นได้ดังนี้
;องค์กร ที่ บ้าเลือด จะ ทำ KM เพราะ โดน คำสั่ง หน่วยเหนือ ให้มี KPI ดัชนีวัดผล ว่าต้องมี KM แล้วเร่ง
สร้าง web สร้าง Portfolio บันทึกกันใหญ่ ฯลฯ
อาจจะ ทำให้ คนในองค์กร รู้สึก องค์กร "รีด" ความรู้เขา
มันเป็นแค่ รวบรวม ผลไม้ดี ผลไม้เน่าๆ คละกันไป แล้วส่งให้กรรมการมาตรวจดู
กรรมการเองที่มาตรวจ KM น่ะ ก็ไม่แน่น ไม่ซึ้ง ไม่เคยทำ ฯลฯ
คงสนุกน่าดูครับ
ผล คือ คนในองค์กร เกลียด เซ็ง ลักไก่ นั่งเทียน สร้างภาพ ฯลฯ
ทำให้วันหลัง จะทำ KM แบบดีๆ ได้ยาก
ผู้ บริหาร มัก จะไม่้ซึ้ึึ่งใน KM รีบร้อน โยนงานให้ "แพะ" สักตัว รับไปทำ โดยมักจะคิดว่าทำ KM ก็เหมือนทำ ISO หรือ ทำ รางวัลทั้งหลาย ผู้บริหารแบบล่ารางวัล ฯลฯ
แต่ ขอโทษทีครับ ทำ KM ถ้าคิดแบบ result oriented(เน้นผลลัพธ์)เช่นนี้ เรียกว่า "หลงทาง" ไม่รู้จัก KM เลยแม้นแต่น้อย
อุปมา เอาไฟลน เขย่า ต้นไม้(พนักงาน) ให้ ผลิตผลไม้ (ความรู้แฝง tacit knowledge )
มันผิดธรรมชาติ ผลพลอยได้ คือ ได้ต้นไม้ แกรน ตาย เหี่ยว กระโดดออกนอกกระถางครับ
*************************
ผมจึง ลิขิต มาแชร์ ครับ
เปรียบเทียบได้เห็นภาพ สาสมใจดีครับ
ปัญหาใหญ่มากนะครับนี่ เพราัะสไตล์คนเป็นจำนวนมากชอบโหนกระแส กลัวไม่ "อิน-เทรนด์"
อิน-เทรนด์มาก ๆ ก็คงจะเห็นต้น KM แกร็น ๆ อยู่เต็มไปโหมะ เพราะเพื่อนเล่น"เร่งโต"ด้วยการลนไฟนี่เอง
ตามหาอาจารย์มาหลายวัน ตอนนี้กำลังสับสนเรื่องต้องมานั่งเขียน JD ตำแหน่งงานของตนเอง เพราะ ที่ผ่านมาก็ดูแต่ว่างานที่ทำอยู่ตอบตัวชี้วัดไหนขององค์กรไม่ได้ยึดติดอยู่กับตำแหน่ง (เหมือนเดินถอยหลังกลับไปหาร่องรอยที่ผ่านมายังไงไม่รู้)
แบบนี้มีหลายที่ นะครับ คุณอำนาจตัวการละครับ