ผมเคยได้เขียนบันทึกเกี่ยวกับการฝึกอบรมกับการทำกิจกรรมภายจิตอาสานอกบริษัทไว้ที่ http://gotoknow.org/blog/attawutc/382005 ซึ่งโครงการนั้นเป็นโครงการที่เริ่มต้นมาจากส่วนของทีมงานฝึกอบรมเองที่ต้องการให้พนักงานมีแนวคิดเชื่อมโยงไปยังเรื่องการทำงานเป็นทีม ทัศนคติด้านการให้บริการและความปลอดภัย และหลังจากที่เราสรุปประเมินผลโครงการนี้แล้ว เราก็มีแนวคิดว่าน่าจะให้พนักงานได้มีส่วนร่วมในการคิดหาสถานที่และกิจกรรมกันเอง เพื่อที่จะได้เชื่อมโยงสิ่งเหล่านี้ไปยังเรื่องแนวคิดการจัดการบริหารได้ เนื่องจากหลักสูตรที่เราดำเนินการนี้ เป็นหลักสูตรของพี่เลี้ยงพนักงานขับรถไฟฟ้า ซึ่งในอนาคตพนักงานเหล่านี้จะต้องเติบโตขึ้นไปเป็นพนักงานระดับหัวหน้างานต่อไป ดังนันการจัดกิจกรรมปัจฉิมนเทศสำหรับหลักสูตรพี่เลี้ยงพนักงานขับรถไฟฟ้าในรุ่นนี้ จึงให้พวกเขาคิดดำเนินการกันเอง ตั้งแต่เรื่องหาสถานที่และรูปแบบกิจกรรมจิตอาสา เขียนเป็นโครงการออกมา จนกระทั่งได้ข้อสรุปว่าจะไปทำงานให้กับวัดป่าสีวลีหนองกระชาย ที่มีญาติของพนักงานเป็นโยมอุปฐากอยู่ แต่อย่างไรก็ตามผมคิดว่าเราในฐานะครูฝึกและที่ปรึกษาโครงการน่าจะไปสำรวจพื้นที่เพื่อเตรียมพร้อมว่าเราจะใช้สถานที่เพื่อสรุปกิจกรรมกันอย่างไรดี จึงได้เดินทางไปสำรวจพื้นที่กันก่อนที่จะมีกิจกรรมจริงในวันที่ 3 ส.ค. 53 นี้ โดยเมื่อวานนี้ (31 ส.ค. 53) ผมและทีมงาน (TNV BTS) ก็ได้เข้าไปสำรวจพื้นที่กัน
ทางเข้าวัด
วัดแห่งนี้อยู่ห่างจากถนนมิตรภาพประมาณ 19 ก.ม. ตั้งอยู่ที่ บ้านหนองกระชาย หมู่ที่ 3 ตำบลหนองย่างเสือ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี วัด (รายละเอียดตามแผนที่) มีพระอาจารย์อินตา สญญโต เป็นเจ้าอาวาส แรกเริ่มเดิมทีสถานที่แห่งนี้เป็นสวนป่า พระอาจารย์อินตาได้เข้ามาพำนักอยู่และพัฒนาขึ้นเป็นป่าชุมชน ตั้งแต่ปี 2533 จากนั้นอีก 3 ปี ก็เริ่มตั้งเป็นสำนักสงฆ์ และเพิ่งได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี 2540 ที่ผ่านมานี้เอง ปัจจุบันมีพระจำพรรษาอยู่เพียง 2 รูปเท่านั้น
รูปปั้นพระสีวลี
บริเวณหน้าวัดจะอยู่ตรงข้ามกับอาศรมพ่อปู่ฤาษีนารอด ภายในวัดมีบรรยากาศร่มรื่นเงียบสงบมีรูปปั้นพระสีวลีที่เชื่อกันว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งตั้งเด่นอยู่กลางลานวัด วัดนี้ถึงแม้จะเป็นวัดป่าแต่ก็ไม่กันดาร มีน้ำ ไฟ สัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ เข้าถึงพร้อม โดยน้ำที่ใช้ภายในวัดเป็นน้ำที่ต่อมาจากน้ำผุดซึ่งเป็นแอ่งน้ำเล็กๆที่ผุดออกมาตลอดปี อยู่บนเขาไม่ไกลนัก เดินขึ้นไปประมาณ 300 เมตร เท่านั้นเอง บนยอดเขาบริเวณน้ำผุดก็มีศาลปู่ย่าตั้งไว้
ทางไปศาลปู่ย่าและตาน้ำผุด
อาศรมพ่อปู่ฤาษีนารอด
ศาลาปฏิบัติธรรมของวัดสร้างขึ้นบนเนินเล็กๆ ตามบันไดขึ้นไปประมาณ 40 ขั้น ภายในกว้างขวาง เย็นสบายโดยไม่ต้องติดแอร์ มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกพร้อม เราเล็งไว้ว่าจะใช้พื้นที่ตรงนี้แหละในการสรุปกิจกรรม สามารถติดตั้ง Projector ฉายภาพเข้าผนังได้ โดยให้ผู้เข้าอบรมนั่งพื้นล้อมวงคุยกันพร้อมทั้งดู Projector พร้อมกันได้
ทางขึ้นศาลาปฏิบัติธรรม
ภายในห้องโถงของศาลาปฏิบัติธรรม
ห้องน้ำด้านหลังของศาลาปฏิบัติธรรม
หลังจากสำรวจพื้นที่ภายในวัดทั้งหมดแล้วเราได้นั่งคุยกับท่านเจ้าอาวาสและโยมอุปฐาก (ป้าอิ๊ด) ถึงเรื่องกิจกรรมและงานที่เราจะมาสามารถช่วยได้ ทางวัดก็ยินดี เพราะกำลังต้องการแรงงานปรับพื้นเทปูนเพื่อขยายพื้นที่ของศาลาต้อนรับแขกอยู่พอดี
พระอาจารย์อินตา สญญโต เจ้าอาวาส
ป้าอิ๊ด โยมอุปฐาก
งานเทพื้นปูนที่วางแผนไว้ว่าจะมาช่วยกันทำ
ก่อนกลับป้าอิ๊ดได้แนะนำเมนูเด็ดของที่นี่ให้ได้ลิ้มรสกัน คือ “หอยหอม” นั่นเอง ซึ่งเป็นหอยบกชนิดหนึ่ง รูปร่างคล้ายหอยงวงช้างแต่มีขนาดเล็กกว่า โดยมีขนาดประมาณใหญ่กว่าเหรียญ 10 บาทนิดหน่อย โดยมันจะมีทั่วไปตามที่ชื้น ซึ่งจะออกมามากตอนหลังฝนตกใหม่ๆ วันนั้นเราได้กินหอยนึ่งจิ้มกับน้ำจิ้มแบบซีฟูดรสจัด ต้องขอบอกว่าสุดยอดครับ รสชาติคล้ายๆ กับหอยขม แต่หอมกว่า และกินได้สนิทใจกว่า เพราะหอยชนิดนี้กินพืชผักสมุนไพร จึงไม่ต้องห่วงเรื่องของความสะอาด อีกทั้งยังได้ประโยชน์เรื่องของสมุนไพรอีกด้วย
หอยหอม
เราอยู่ที่วัดตั้งแต่เที่ยงจนเกือบบ่ายสามโมงเย็น ก็เดินทางกลับ ก่อนกลับป้าอิ๊ดบอกว่าวันที่จะมาทำงานให้ป้าจะเตรียมก๋วยเตี๋ยวไว้เลี้ยง ผมก็มาคิดว่าเราจะจะมาช่วยวัดหรือรบกวนวัดกันแน่นะเนี่ย อย่างไรก็ตามเราก็เตรียมปัจจัยที่ได้เรี่ยไรจากกลุ่มพนักงานของบริษัทไว้ถวายวัดแล้ว บันทึกหน้าผมจะมาเล่าเรื่องการทำกิจกรรมและผลสรุปต่อครับ