ไปเรียนเมืองนอกทำอย่างไรดี AwayFrom.Thai.Net มีคำตอบ
มีพรายตนหนึ่ง (ผมขอยืมคำของ A Jedi Master ที่เรียกบุคคลนี้มาใช้) ไปเรียนต่างประเทศครับ แล้วเขาพบว่าข้อมูลในการเตรียมตัวเพื่อใช้ชีวิตในต่างประเทศสำหรับนักเรียนไทยนั้นน้อยเหลือเกิน แถมยังต้องถามกันซ้ำแล้วซ้ำอีกไปทุกรุ่น ถ่ายทอดกันไปมา ตกบ้างหล่นบ้าง ดังนั้นจะเป็นเรื่องที่ดีมากถ้ามีศูนย์กลางในการ "แลกเปลี่ยนเรียนรู้" ในการใช้ชีวิตในต่างประเทศของนักเรียนไทย
ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำเว็บไซต์ AwayFrom.Thai.Net ขึ้นมาครับ โดยระบบนี้เป็นระบบ Wiki ดังนั้นผู้อ่านคือผู้เขียน เป็นระบบร่วมด้วยช่วยกันเพื่อให้ข้อมูลกันและกันครับ
อย่างนี้ละครับคือตัวอย่าง "การจัดการความรู้" ของนักเรียนไทยในต่างประเทศ ผมเชื่ออย่างยิ่งว่าสำนักงาน กพ. ส่วนดูแลนักเรียนไทยในต่างประเทศน่าจะสนับสนุนเว็บไซต์นี้มาก เพราะเท่าที่ผมทราบในฐานะคนที่เคยอยู่ Washington, D.C. แล้วได้ไปวนเวียนแถว ก.พ. บ่อยๆ งานที่หนักมากของเจ้าหน้าที่คือการให้คำปรึกษาแก่นักเรียนซึ่งมีจำนวนมากเมื่อเทียบกันจำนวนเจ้าหน้าที่ ดังนั้นระบบที่เป็นตัวกลางเพื่อให้นักเรียนได้ "แลกเปลี่ยนเรียนรู้" ปรึกษากันเองนั้น แน่นอนว่าจะมีประโยชน์มหาศาลครับ
สำหรับผู้ที่กำลังศึกษาต่อต่างประเทศอยู่ในตอนนี้หรือได้จบการศึกษามาแล้ว ผมขอเชิญชวนให้ไปช่วยกันแลกเปลี่ยนข้อมูลในระบบ wiki นี้ครับ
ผมเองไปใส่ข้อมูลเกี่ยวกับเมือง Baltimore, Maryland ไว้แล้วครับ เดี๋ยวกะว่าจะเขียนข้อมูลเกี่ยวกับ University of Maryland, Baltimore County (UMBC) ให้มากขึ้นด้วยเมื่อมีเวลาครับ
AwayFrom.Thai.Net นี้อยู่ใน .Thai.Net ดังนั้นแน่นอนว่าไม่ใช่เว็บเพื่อการค้าครับ
พรายบอกผมว่า เหตุการณ์ที่แท้จริงที่ทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจอย่างยิ่งในการทำเว็บนี้ขึ้นมาคือการที่เขาไปเดินซื้อร่มแล้วหาซื้อไม่ได้ ทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นเรื่องที่หาได้ไม่ยากในเมืองที่มีฝนตกบ่อยอย่างนั้น
นึกภาพพรายเดินตากฝนเพื่อซื้อร่มแล้วน่าสงสาร แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าพรายอะไรกลัวฝน?
ความเห็น (4)
เป็นแนวคิดที่ดีมากๆค่ะ ขอสนับสนุน อาจารย์พอจำเรื่อง น้องชมพู่ได้ไหมคะ
การเสียชีวิตของน้องชมพู่...ณัฐชนน เมฆี นักเรียนหญิงวัย 17 ปี นักเรียนชั้น ม.6 แห่ง โรงเรียนพรานกระต่ายวิทยาคม ต.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร ซึ่งได้รับทุนจากรัฐบาลตามโครงการ 1 ทุน 1 อำเภอ ไปเรียนด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ที่ประเทศเยอรมนี
หากมองดูเพียงผิวเผิน อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ปรับตัวไม่ได้
แต่ เป็นที่น่าเสียดายมาก เพราะน้องชมพู่เป็นเด็กเรียนเก่ง ได้คะแนนถึง 3.8 หากเรียนจบปริญญา ก็จะเป็นกำลังสำคัญของชาติได้อย่างดี
เราจะไม่สูญเสียน้องชมพู่ หากว่าผู้เกี่ยวข้อง ผู้หลักผู้ใหญ่ซึ่งมีประสบการณ์สูงกว่า จะทำอะไรให้รอบคอบกว่านี้ ให้น้องชมพู่ได้เตรียมตัวเผชิญโลกกว้างได้อย่างแข็งแกร่งกว่านี้
ไม่ใช่ให้กระโดดข้ามขั้นจากบ้านนอกแล้วไปเรียนเมืองนอกเลย จนทำให้เกิดภาวะการช็อกทางวัฒนธรรมหรือ culture shock จนเครียด
ท่านนายกรัฐมนตรีท่านที่แล้ว ก็เสียงอ่อยๆ ยอมรับว่าส่งเด็กไปเร็วเกินไป
นักเรียนโข่ง เสื้อเหลืองฟังไว้ ได้ประโยชน์
พรายตนนี้ ตัวเล็กๆแต่มีกำลังมากมายครับ ส่วนพรายอีกตนหนึ่งก็ทำโครงการสีแดง
ถ้าเพียงแต่ได้รับโอกาสให้ปลดปล่อยความสามารถพร้อมกับพัฒนาศักยภาพอย่างเต็มที่ ก็สามารถที่จะคอยช่วยเหลือคนตกน้ำได้ครับ