คำนี้เป็นบาลีที่มีใช้ทั่วไปในภาษาไทย ลองเปิดพจนานุกรมตรวจสอบภาษาอังกฤษก็แปลได้หลายศัพท์ เช่น world. earth. globe. planet. ฯลฯ อาจสะท้อนกลับมาได้ว่า โลก ในภาษาไทยนั้นบ่งชี้ถึงความหมายใดบ้าง จึงขอฝากให้ผู้สนใจไปคิดต่อ ส่วนบันทึกนี้จะเล่าเฉพาะในความหมายภาษาบาลี...
ในหนังสือชื่อ ธรรมวิจารณ์ ซึ่งเป็นหนังสือในหลักสูตรนักธรรมและธรรมศึกษาชั้นเอกนั้น หน้าแรกได้อัญเชิญคาถามาตั้งไว้ว่า
แล้วก็เริ่มอธิบายว่า โลก โดยตรงคือแผ่นดินเป็นที่อาศัย โดยอ้อมคือหมู่สัตว์ผู้อาศัยแผ่นดินอยู่... (คิดว่าหลายคนคงเคยอ่าน) แต่พอบวชเรียนอยู่หลายปี ก็ได้ยินคำแปลใหม่ว่า
(5 5 5 5 5 5...)
............
ในประเด็นว่า โลก คือ หมู่สัตว์ผู้อาศัยแผ่นดินอยู่ ตรงกับบทวิเคราะห์ในคัมภีร์อภิธานว่า
โดยท่านบอกว่า โลก มาจาก ลุชะ รากศัพท์ ใช้ในความหมายว่า เสื่อม,พินาศ .... และท่านก็ยกบาลีภาษิตซึ่งเราได้ยินอยู่เสมอว่า...
โลโก ที่แปลว่า สัตว์โลก ในพระคาถานี้ ก็คือ สัตว์ผู้เสื่อม หรือ สัตว์ผู้พินาศ นั่นเอง
และในประเด็นว่า โลก คือ แผ่นดินเป็นที่อาศัย ตรงกับบทวิเคราะห์ในคัมภีร์อภิธานว่า...
โลกตามวิเคราะห์นี้ เหมือนกับข้างต้น เพียงแต่วิเคราะห์นี้ มุ่งขยายคำว่า ภพ นั่นคือ โลกตามนัยนี้ แปลว่า ภพที่เสื่อม ขณะโลกตามนัยก่อนแปลว่า สัตว์ผู้เสื่อม ...
แต่ในความหมายว่าโลกคือแผ่นดินเป็นที่อาศัยนี้ ท่านตั้งวิเคราะห์อีกนัยหนึ่งว่า...
ตามวิเคราะห์นี้ ท่านว่า โลก มาจาก โลกะ รากศัพท์ซึ่งใช้ในความหมายว่า ตั้งไว้ โดยอรรถว่า ตั้งไว้ซึ่งบุญบาปต่างๆที่บรรดาส่ำสัตว์ยังเกี่ยวข้องอยู่...
..........
แต่ตามที่ผู้เขียนจำมา โลก รากศัพท์ ยังแปลว่า มอง. เห็น. ได้อีกด้วย จึงลองตรวจสอบคัมภีร์ธาตุุปปทีปิกาอีกครั้ง ท่านก็ยกตัวอย่างเรื่อง โลก ๓ ได้แก่
ขึ้นมาเป็นตัวอย่างพร้อมกับบทวิเคราะห์ ก็เจอ โลก ในความหมายว่ามองหรือเห็น โดยท่านวิเคราะห์ว่า
ตามวิเคราะห์สองนัยนี้ อาจมองได้ว่า โลกนี้มีบุญบาปและผลของมันซึ่งเป็นนามธรรมที่เราอาจสังเกตเห็นได้... และโลกนี้มีความหลากหลายซับซ้อนสวยงามซึ่งเป็นส่วนรูปธรรมที่เราอาจสังเกตเห็นได้เหมือนกัน...
..........
สรุปว่า โลก ตามที่เล่ามาโดยย่อๆ นั้น มี ๓ ความหมาย กล่าวคือ
๑. โลก แปลว่า เสื่อม นั่นคือ สัตว์ก็เสื่อม และสถานที่สัตว์อาศัยอยู่ก็เสื่อม
๒. โลก แปลว่า ตั้งไว้ นั่นคือ เป็นที่ตั้งไว้ คือรองรับบุญและบาปของส่ำสัตว์ทั้งหลาย
๓. โลก แปลว่า มองเห็น นั่นคือ เป็นที่มองเห็นบุญบาปได้ และมองเห็นความสวยงามตระการตาก็ได้
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ไตรลักษณา นี่แหละแน่
โลก โลก โลก เสื่อมลง คงเปลี่ยนแปร
สิ่งเที่ยงแท้ สัจธรรม เลิศล้ำนิรันดร์
เจริญพร
นมัสการพระคุณเจ้าครับ
เจริญพร
นมัสการพระคุณเจ้า
มาเรียนรู้ธรรมะอันเป็นมงคล
เพื่อเป็นการเตือนสติตัวเอง
ขอขอบพระคุณเจ้าค่ะ
นมัสการพระคุณเจ้า อยากให้พระคุณเจ้าเขียนต่อเเก่ยวกับสัณฐานของโลก ที่ว่า โลกมีสัณฐานกลมเหมือนผลมะขามป้อม กวินเคยอ่านงานของ อาจารย์วศิน อินทรสระ จำได้ว่าอาจารย์วศิน เขียนเล่าถึงตอนหนึ่งที่มีพราหมณ์มาถามพุทธองค์ แล้วพุทธองค์ทรงตรัสตอบว่า ดินอยู่บนน้ำ แล้วพราหมณ์ก็ถามต่อว่า โลกอยู่บนอะไร พระพุทธองค์ตอบว่า โลกไมได้อยู่บนอะไร (ลอยอยู่)อะไรทำนองนี้น่ะครับ ลองค้นดูแต่ยังไม่แน่ใจว่าอยู่ในพระสูตรใด
ไปหยิบหนังสือ แต่ยังไม่เจอ พอดีมีความคิดบางอย่างเกิดขึ้นมาว่า...
อาจารย์ค้นต่อๆ ไป ก็เจอ บอกง่ายๆ อาจารย์อาจไม่เห็นความสำคัญ และอาจลืมอีก (5 5 5...)
อีกอย่างหนึ่ง เคยแนะนำอาจารย์ไปครั้งหนึ่งแล้วว่า ถ้าอาจารย์สนใจเรื่องทำนองนี้ ก็ลองไปดูคัมภีร์ โลกบัญญัติ โลกทีปกสาร จักรวาฬทีปนี โลกุปปัตติ เป็นต้น (หนังสือเหล่านี้มีขายที่หอสมุดแห่งชาติ และห้องสมุดใหญ่ๆ มักจะมี) เค้าจะมีเชิงอรรถว่ามาจากไหน แล้วอาจารย์ก็ไปค้นต่อได้ไม่ยาก...
หลวงพี่มีเฉพาะ โลกบัญญัติ และ จักรวาฬทีปนี เท่านั้น แต่ติดขัดเรื่องทำนองนี้ก็ช่วยได้ตลอด...
เจริญพร
ใดใดใน โลกล้วน มิเที่ยง
ใครจักเลี่ยง หลบโลก บ่ได้
โลกธรรมนี่ เกิดดับ เป็นไป
อยากหลุดพ้น ฝึกใจ เห็นโลก ตามจริง
กราบ 3 หน
เจริญพร
นมัสการ พระคุณเจ้า
สรรพสิ่งในโลกล้วนเสื่อม แผ่นดิน ผืนฟ้า ผืนน้ำ ก็เสื่อม โลก คำเดียว นะคะนี่ อื้อ.....แล้วก็เสื่อมไปตามกาลเวลา
สาธุ อนุโมทนา เข้าใจแล้วค่ะ
กราบลา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
กราบนมัสการพระอาจารย์
(กราบ 3 หน)