กลยุทธ์การขับเคลื่อน KM สู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน


นิสัยในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากกันและกัน นิสัยในการพัฒนาการทำงานอย่างต่อเนื่อง เป็นการหมุนวงจร PDCA อย่างเป็นธรรมชาติ
            เช้าวันนี้ผมได้ไปบรรยายที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) เรื่อง “กลยุทธ์การขับเคลื่อน KM สู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน KM Forum สายงานรองผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า ผมได้เริ่มต้นว่า “ความสำเร็จ” ที่พูดกันในวันนี้ คงไม่ได้หมายความว่าเป็นการ “ทำ KM” ได้สำเร็จ หากแต่หมายถึงการ “ใช้ KM” เพื่อทำให้ กฟผ. ทำงานได้ตามภารกิจอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผล เป็นองค์กรแห่งคุณภาพ เป็นองค์กรสมรรถนะสูง (High Performance Organization) และที่สำคัญคือเป็นองค์กรที่มีการเรียนรู้อยู่เสมอ หรือ Learning Organization นั่นเอง
 
ผมได้กล่าวถึง “กุญแจสำคัญ 7 ประการ" ในการขับเคลื่อน KM ไว้ดังนี้:
 
  1. หากเป็นการใช้ KM ที่เดินไปตาม “โมเดลปลาทู” จะต้องรู้ว่า "แก่นที่สำคัญ" นั้นมีสามส่วน จะต้องทำให้ “ครบถ้วน” ต้องใช้ทุกส่วน อย่าเลือกใช้แค่เพียงบางส่วน มีหลายหน่วยงานมากที่เมื่อพูดถึง KM แล้วมักจะพบว่าเน้นกันแต่ที่ “หางปลา” เน้นแต่เรื่องของ “การจัดเก็บความรู้” หรือ “Knowledge Asset” แต่เพียงส่วนเดียว
  2. การกำหนด “หัวปลา” จะต้องไม่กำหนดหัวข้อหรือประเด็นความรู้ที่เล็กหรือ Specific จนเกินไป เพราะจะทำให้ไม่มีอะไรจะแชร์ คือหลังจากแชร์กันไปสองสามครั้ง ก็ไม่รู้ว่าจะแชร์อะไร หมดเรื่องที่จะเล่าแล้ว อะไรทำนองนั้น นอกจากนั้นการแชร์เรื่องที่เล็กเกินไป ในที่สุดจะกลายเป็นการจัดทำ Work Instruction อะไรทำนองนั้นไป ไม่ได้เห็นความหลากหลายเพราะ "หัวปลา" ที่เลือกมานั้นเล็กเกินไป
  3. การแชร์ความรู้จะต้องไม่ติดอยู่แต่การแชร์ Explicit Knowledge แต่ต้องให้ความสำคัญกับ Tacit Knowledge ต้องแชร์ Tacit Knowledge ผ่านการเล่าเรื่อง (Storytelling) จะเป็นเรื่องความสำเร็จ (Success Case) หรือบทเรียนที่ได้รับ (Lesson Learned) ก็ได้ แต่ถ้าเป็น “มือใหม่” แนะให้แชร์ Success Case จะดีกว่า และอยากให้ฝึกการใช้ “สมองฝั่งขวา” ให้มากๆ ไม่อยากให้ติดอยู่แต่เรื่อง “เหตุผล” (สมองฝั่งซ้าย) อยากให้ใช้การมองแบบ “เหตุปัจจัย” (สมองฝั่งขวา) ให้มากๆ
  4. การออกแบบ “คลังความรู้” หรือ “หางปลา” ต้องยึดหลักที่ว่า “ใช้ง่าย ได้ประโยชน์” ทำให้คนอยากเข้ามาใช้ เข้ามาแล้วเขาได้ประโยชน์ จะได้ไม่ต้องไปคอยเคี่ยวเข็ญ หรือ “ขืนใจ” ให้เขามาใช้ แต่ที่เขาเข้ามานั้นเข้าด้วยความเต็มใจ เพราะเห็นประโยชน์ที่ตนจะได้รับ ถ้าเป็นเว็ปไซด์ก็ต้องเป็นอะไรที่ดูสบายๆ ที่ไม่ได้เคร่งเครียดจนเกินไป เป็นอะไรๆ ที่ทำให้คนอยากเข้ามาอ่าน อยากเข้ามาแชร์ อยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Community เป็นส่วนหนึ่งของ CoP
  5. ถึงองค์กรจะมี “แผนแม่บท” ในเรื่องนี้ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือการใช้ “แผนแม่แบบ” ควบคู่ไปด้วย ผมหมายถึงการที่ผู้บริหารทำตัวเป็น “แบบอย่างที่ดี” เป็น Role Model ในเรื่องนี้ มีการชมเชย ให้กำลังใช้ เข้าใจบทบาทของการเป็น “คุณเอื้อ” หรือถ้าจะพูดให้จริงจังผมก็ขอใช้คำพูดของนายช่าง “พินิจ นิลกัณหะ” จากโรงไฟฟ้าแม่เมาะว่า . . . อย่าปล่อยให้ผู้บริหาร “ลอยนวล” พูดอีกนัยหนึ่งก็คือเรื่องนี้เป็นเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบของผู้บริหารโดยตรง ไม่สามารถผ่องถ่ายความรับผิดชอบให้ใครได้
  6. ควรใช้แนวคิดแบบ “ขายตรง” คือเน้นการพัฒนาศักยภาพของผู้ที่ "มีใจ" พวกที่ไม่สนใจเราอย่าเพิ่งไป "เสียเวลา" ด้วย ถ้าจะช่วยถ้าจะพัฒนาทักษะให้ก็ต้องเลือกกลุ่มที่สนใจก่อน แล้วให้คนเหล่านี้ไปสร้าง “ตัวคูณ” ต่อไป คล้ายๆ การสร้างเครือข่าย ของระบบขายตรงนั่นเอง
  7. ท้ายที่สุดแล้ว “ความยั่งยืน” นี้เป็นเรื่องที่ผูกติดอยู่กับว่าเราสามารถทำให้เรื่องนี้เป็นวัฒนธรรมขององค์กรได้หรือไม่?  เราใช้มันอยู่ในชีวิตการทำงานหรือไม่? ใช้มันในชีวิตประจำวันของเราแล้วหรือยัง?  เราทำมันจนกลายเป็นความเคยชินแล้วหรือยัง? ทำจนเป็นนิสัยแล้วหรือยัง? นิสัยในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากกันและกัน นิสัยในการพัฒนาการทำงานอย่างต่อเนื่อง เป็นการหมุนวงจร PDCA อย่างเป็นธรรมชาติ พูดง่ายๆ ก็คือ คนในองค์กรได้กลายเป็น “บุคคลเรียนรู้” ไปแล้ว ซึ่งก็คือองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้องค์กรเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ต่อไปนั่นเอง
หมายเลขบันทึก: 316051เขียนเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2009 15:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 19:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

ขอบคุณค่ะ ได้ความรู้เพิ่มเติม ชอบกิน MK แต่ทำงาน KM ค่ะ

สวัสดีคะ...

แวะมาเยี่ยม...ได้ความรู้เพิ่มเติมขึ้น

ขอบคุณมากครับอาจารย์ เรื่องนี้เป็นประโยชน์กับคนอื่น ๆ นอก กฟผ. ด้วย

ทางทีม กฟน. ที่มาร่วมงานบอกว่า "โดนไปเต็ม ๆ หลายดอก" ครับ

ในส่วนสายงานผลิตเอง ท่านรองผู้ว่าการฯ ก็บอกในตอนปิดงานว่า ท่านลองเอากุญแจนี้ ประเมินคร่าว ๆ แล้วก็เห็นว่า เรามาได้ไกลพอสมควรแล้ว แต่ยังเหลือประเด็นสุดท้าย ซึ่งยังต้องทำงานกันต่อไปให้บรรลุผล

ผมลองคิดเล่น ๆ ถ้าให้คะแนนแบบ TQA มาใช้กับกุญแจของอาจารย์ ไม่ทราบว่าอาจารย์จะให้น้ำหนักคะแนนไปที่ข้อไหนมากกว่ากันครับ?

สวัสดีและขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและมาแชร์ครับ

หลังจากการบรรยายผมได้คุยกับผู้บริหารของ กฟผ. ท่านบอกว่าจะลองนำ 7 ข้อนี้มาลองทำเป็น Guideline เพื่อใช้ "ตรวจสุขภาพ" องค์๋กรดูว่า "เข้าใกล้การเป็น LO แล้วหรือยัง?" . . . ฟังแล้วน่าสนใจมาก ถ้ามีความก้าวหน้าอย่างไร ผมจะแจ้งให้ทราบต่อไปครับ

สวัสดีครับ ..แวะมาเยี่ยมเยียน อาจารย์ยังเป็นเสาหลัก KM ของผม และทุกหน่วยงานอย่างมั่นคงครับ

  • สวัสดีค่ะ อาจารย์
  • ขอบคุณมากค่ะ จะลองนำ 7 ข้อที่อาจารย์แนะนำค่ะ
  • ปัญหาอย่างหนึ่งของที่ทำงานอย่างหนึ่ง ก็คือเรื่องการกำหนดหัวปลาค่ะ ไม่รู้จะกำหนดอย่างไร ถึงจะเหมาะสมค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ

ขอบพระคุณสำหรับประกายปัญญาจากท่านอาจารย์ครับ

อ.โย

สวัสดีครับ คุณ Somphong, pa daeng และ อ.โย . . . ที่ผมพูดๆ ไปนั้น ผมเองก็รู้ครับว่า "พูดง่ายแต่ทำยาก" แต่ก็ไม่อยากให้ "ท้อถอย" ที่ สคส. เราเองก็ทำไปเรื่อยๆ ทำไป เท่าที่จะทำได้ ทำไปอย่างสบายๆ อย่าเคร่งเครียดจริงจังจนเกินไป . . . เมื่อได้พบเทคนิคอะไรที่เห็นว่าทำได้แล้วสำเร็จ ก็ตั้งใจว่าจะเอามาแชร์ให้ฟังกันครับ

มาเรียนรู้การจัดการความรู้ด้วยคน

แวะมาเยี่ยมครับ...KM ดูง่ายนะ ตามเนื้อหาที่กล่าวมา ผมว่าKM เหมาะสำหรับเรื่องใหญ่ๆมากว่าเรื่องเล็กๆนะครับ

KM ใช้ได้ทั้งเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่ครับ . . . แต่อย่างที่ คุณจงรัก ว่า ถ้าใช้กับเรื่องใหญ่ เรื่องสำคัญ เรื่องที่เป็นประเด็นยุทธศาสตร์ของหน่วยงานก็จะได้ประโยชน์มากกว่าครับ

เรียนท่านอาจารย์ครับ

"ควรใช้แนวคิดแบบ “ขายตรง” คือเน้นการพัฒนาศักยภาพของผู้ที่ "มีใจ" พวกที่ไม่สนใจเราอย่าเพิ่งไป "เสียเวลา" ด้วย ถ้าจะช่วยถ้าจะพัฒนาทักษะให้ก็ต้องเลือกกลุ่มที่สนใจก่อน แล้วให้คนเหล่านี้ไปสร้าง “ตัวคูณ” ต่อไป คล้ายๆ การสร้างเครือข่าย ของระบบขายตรงนั่นเอง"

เรื่องนี้ขอบอกว่าจริงๆครับ ผมก็ทำคล้ายๆกันได้ผลมากสุดๆเลยครับ

อ.โย

ขอบคุณ ดร.ภิญโญ มากครับสำหรับ Comment . . ผมเองก็มีความเชื่อเช่นเดียวกันในเรื่องการสร้าง "ตัวคูณ" และการเริ่มกับกลุ่มที่ "มีใจ" ก่อน . . หวังว่าคงจะมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอีกนะครับ . . ทราบว่า ดร. ภิญโญ เป็น Expert ด้าน AI ถ้ามากรุงเทพเมื่อไรบอกบ้างนะครับ เผื่อว่าจะได้เชิญมาคุยกับคนของ สคส. เพราะมีหลายท่านที่สนใจเรื่อง AI อยู่เช่นกัน

ขอบคุณอาจารย์มากคะ ฟังบรรยายได้ความรู้ และสนุกมาก

ขอบคุณอาจารย์ศิริวัฒน์ พี่ศากุล และทีมงาน ที่จัดงานนี้ขึ้นมา และพยายามขับเคลื่อน KM ในองค์กรเรา

หนูเชื่อว่า ถ้าเราทำไปเรื่อย ๆ สักวัน คน กฟผ. ก็จะเป็นบุคคลชอบเรียนรู้ และแบ่งปัน

หนุชอบ KM

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท