Bodcycle/Biocarออกมาเป็นตัวจริงๆแล้วครับ (ถ่ายรูป+videoไว้แล้วครับ รอ blog masterประจำตัวผมสอบแข่งคณิตศาสตร์เสร็จ ก็จะนำรูปมาให้ดูกันครับ)-แก้ชื่อ6พ.ค.52=รถชีวภาพ/Biocar

[รูป+Videoเสร็จแล้วครับ ตอนนี้ยังเป็นดักแด้อยู่ อีกไม่นานคงจะเป็นผีเสื้อสวยๆครับ 31/1/52]

     เมื่อวันตรุษจีน 25ม.ค. ผมได้รับ bodcycleที่เสร็จphase2 (ยังไม่มีหลังคา) มาจากช่างชีพแล้ว เพื่อมาทดสอบการใช้งาน ถึงวันนี้ก็ใช้มา4วันแล้ว ได้พบโอกาสพัฒนาแล้วหลายจุดเหมือนกัน เช่นบันไดถีบอยู่ต่ำไปหน่อย,พนักพิงยังนั่งไม่ค่อยสบาย ฯลฯ แต่ทั้งหมดเป็นปัญหาเล็กๆสำหรับช่างชีพครับ  ที่กำลังต้องตัดสินใจอยู่ก็คือว่าจะปรับระบบขับเคลื่อนดีหรือไม่(ตอนนี้ยังเป็นจักรยานไฮโซ ยังไม่เป็นbodcycle/biocarเต็มตัว)

    คือ ในระบบขับเคลื่อนแบบจักรยานไฮโซนี้ที่ลองใช้ดูก็นับว่าOK เพราะขี่ขึ้นเนินได้สบายมากอยู่แล้ว เวลาเริ่มออกตัวก็ยิ่งสบาย เพราะสามารถใช้ขาถีบพร้อมกันทั้ง2ข้างได้ตามที่คิดใว้ ดังนั้นจึงยังมีเกียร์สำรองให้ใช้ได้อีกหลายเกียร์มากๆ (มีอยู่ 3*9 2*9เกียร์ แต่ผมใช้แค่เกียร์ 21-22 12-13เท่านั้น ก็ขึ้นได้ทั้งเนินค่อนข้างชัน เนินที่ยาวไกล และรวมทั้งเนินที่ไม่มีระยะให้เร่งส่งก่อนขึ้นก็ขึ้นได้) สามารถทำความเร็วทางระนาบได้สูงสุดประมาณ21กม./ชม.(25.2กม./ชม. 30ม.ค.) ความเร็วใช้งานปกติก็ทำได้ประมาณ18-20กม./ชม.(20-21กม./ชม. 31ม.ค.) ซึ่งช้ากว่าเสือภูเขาคันเดิมของผมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น คิดว่าเมื่อปรับอัตราทดเกียร์อีกเล็กน้อยก็จะทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่านี้อีก โดยไม่ต้องใช้ระบบขับเคลื่อนแบบbodcycleเต็มตัวก็ได้ จะมีปัญหาอยู่บ้างเฉพาะเวลาขึ้นเนิน พบว่าความเร็วจะลดลงค่อนข้างมาก เนื่องจากต้องออกแรงยกน้ำหนักของตัวรถที่หนักกว่าจักรยานอื่นๆนั่นเอง

    ทั้งที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่เวลาขี่ไปที่ไหนก็ได้รับความสนใจมากเลยครับ บางคนก็มองตามเฉยๆ บางคนเข้ามาซักถาม บางคนก็ขอถ่ายรูปไปด้วย มีทั้งผู้ใหญ่และเด็กครับ  แต่ว่าใจเย็นๆกันก่อนครับ เดี๋ยวเสร็จแล้วผมยินดีจะถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ทุกคนที่สนใจเลยครับ แต่ถ้าจะจดทะเบียนสิทธิบัตรผมให้สิทธิแก่ช่างชีพไปก่อนแล้วนะครับ       28/1/52

    รอดูรูปและความคืบหน้าไปสู่รถต้นแบบที่จะเสร็จสมบูรณ์ในเร็วๆนี้ครับ  coming soon  !!

31/1/52  รูปมาแล้วครับ (blogmasterสอบเสร็จแล้วครับ)

สรุปผลการทดสอบ(31/1/52) ได้ใช้งานเหมือนการขี่เสือภูเขาคันเดิม ในเวลา1สัปดาห์ ระยะทางทั้งสิ้น46.71กม. ได้ผลดังต่อไปนี้ (เมื่อวานนี้ได้ส่งรถให้ช่างชีพไปดูแลต่อแล้ว เพื่อพัฒนาต่อในphase3ต่อไป)

1.ความเร็วสูงสุด ล่าสุดเมื่อวานนี้ บนทางเรียบ+ไม่มีลม ขณะผมใช้ขี่ไปจ่ายค่าบริการเคเบิลทีวี ได้ความเร็วถึง25.2กม./ชม. คาดว่าคงเร็วขึ้นเพราะคุ้นเคยกับจังหวะการขี่ และผลจากการแก้ไขพนักพิงให้หายเจ็บหลังแล้ว(ผมแก้ไขชั่วคราวโดยใช้แผ่นรองกันกระแทกสำหรับส่งพัสดุ+เสื้อกล้ามเก่าของลูกชาย)

2.ความเร็วเดินทาง บนทางเรียบ+ไม่มีลม ขี่แบบไม่ค่อยเหนื่อยและไปถึงสามารถทำงานต่อได้เลย ได้เฉลี่ยประมาณ20-21กม./ชม.

3.การไต่ขึ้นเนิน เมื่อวันพุธสามารถขึ้นเนินศาลากลางจังหวัด(ที่มาของชื่อถนนเลียบเนิน จ.จันทบุรี)ได้ดี แต่ความเร็วการไต่อยู่ที่4.3กม./ชม.(เท่าๆคนเดิน) ซึ่งเนินนี้มีความชันมากและไม่มีช่วงถนนให้เร่งความเร็วส่งก่อนขึ้น และต้องใช้เกียร์ต่ำสุดคือเกียร์1 (หมายเหตุ รถคันนี้มีเกียร์2*9ครับ ไม่ใช่3*9 ตามย่อหน้าข้างบน จึงขอแก้ไขด้วย)

4.การบังคับเลี้ยว ,ทัศนวิสัย และการใช้งานบนถนน ไม่มีปัญหา แต่มีคนห่วงว่ารถมีความสูงน้อย กลัวว่ารถใหญ่จะมองไม่เห็น

5.ความรู้สึกจากการใช้ ดูเหมือนว่าความสูงน้อยๆจะช่วยลดแรงต้านจากอากาศได้มาก ,เวลาขี่ที่ความเร็วและระยะทางเท่าๆกันก็ไม่เหนื่อยกว่าขี่เสือภูเขาเลย แต่ได้ตกลงใจแล้วว่าจะลองปรับระบบขับเคลื่อนเป็นแบบbodcycle/biocarเต็มตัว เพื่อประเมินอีกทีว่าจะดีกว่านี้หรือไม่(ตอนนี้คิดออกแล้วว่าจะแก้ปัญหาเทคนิคบางอย่างของระบบbodcycle/biocarเต็มตัวได้อย่างไร) โดยระบบขับเคลื่อนนี้จะคล้ายการโยกชิงช้ามากกว่าการกรรเชียงเรือที่คิดใว้ตอนแรก แต่หลักการยังคงเป็นการใช้กล้ามเนื้อของหลังมาช่วยและใช้ขาพร้อมกัน2ข้าง+ขับเคลื่อนรถทั้งขณะเหยียดขาและหดขา ซึ่งน่าจะช่วยให้ได้พลังการขับเคลื่อนเพิ่มขึ้นอย่างมาก

บันทึกเพิ่มเติม 1 มึ.ค.52  ตอนนี้กำลังแก้ไขระบบขับเคลื่อนให้เป็นbodcycle/biocarเต็มตัวครับ มีปัญหาทางเทคนิคเล็กน้อย(ยากกว่ามี่คิดหน่อยหนึ่ง) อาจต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ๆกว่าจะสำเร็จครับ

บันทึกเพิ่มเติม 6 มึ.ค.52  ระบบทั้งหมดลงตัวแล้วครับ สามารถเปลี่ยนจากจักรยานไฮโซเป็นbodcycle/biocarได้เต็มตัว แต่ถ้าจะปรับแก้จากโครงเดิมที่รื้อแล้วรื้ออีกมาหลายรอบก็คงต้องลงทุนทรัพย์+เวลาเหมือนกับสร้างใหม่อีก1คัน หลังจากที่จ่ายไปแล้วเกือบ1แสนบาท จึงขอพักไว้แค่นี้ชั่วคราวก่อน (รอฟังผลการตัดสินของproject10tothe100.com และรอความพร้อมอีกเล็กน้อยครับ) ตอนนี้คงจะทำคันเดิมให้เป็นจักรยานไฮโซเต็มตัวออกมาใช้ให้ชื่นใจไปพลางๆสักพักหนึ่งก่อน เพราะฝนเริ่มมาแล้วครับ ควรขี่จักรยานมีหลังคาได้แล้วไม่งั้นเดี๋ยวเปียกโดยไม่จำเป็นครับ ไม่ต้องตกใจเรื่องค่าใช้จ่ายครับเพราะเป็นการสร้างต้นแบบ ซึ่งต้องลองผิดลองถูกกันเป็นสิบๆครั้ง จึงเป็นเหมือนราคาของรถหลายๆคันครับ ไม่ใช่แค่คันเดียวที่ได้มา ราคาจริงของรถแต่ละคันถ้าจะทำออกมาภายหลังไม่น่าจะเกินมอเตอร์ไซค์1คันครับ

บันทึกเพิ่มเติม 28 มึ.ค.52 จักรยานไฮโซ(รถชีวภาพ)มีหลังคาเรียบร้อยแล้วครับ น้ำหนักตัวรถชั่งได้63กก.นับว่าหนักไปหน่อย(มีเหล็กส่วนเกินจากการแก้ไขแต่ละครั้งเพิ่มเข้ามาค่อนข้างมากเพราะเป็นรถต้นแบบ) ทดสอบการใช้งานมาได้1สัปดาห์(ระยะทางทดสอบทั้งหมด95.6กม.) ปรากฏว่าทำความเร็วปกติได้ประมาณ16-18กม./ชม. ความเร็วสูงสุดในทางเรียบที่20กม./ชม.แล้วจะเกิดอาการโซ่รูด(ถ้าโซ่ไม่รูดจะได้เร็วกว่านี้ ซึ่งจะปรับแก้ต่อไป-ไม่ยากครับ) การออกตัว+การไต่ขึ้นเนินทำได้ดีพอสมควร แต่เร่งความเร็วได้ช้าน่าจะเป็นเพราะน้ำหนักมาก+โซ่จะรูดถ้าเร่งเร็วไป, มีปัญหาเรื่องเสียงดังของสลักดึงโซ่แต่เมื่อไม่ใช้ระบบขับเคลื่อนขณะดึงเท้ากลับก็จะช่วยลดเสียงลงได้มาก เป้าหมายหลักๆบรรลุตามวัตถุประสงค์ คือหลังคากันแดด+ฝนได้ในระดับน่าพอใจ และสุภาพสตรีนุ่งกระโปรงขับขี่ได้สบาย(เด็กผู้หญิงประถม3ขับขี่อย่างสนุกสนานและสามารถบันทุกผู้ใหญ่หนัก59กก.ได้สบาย ตกเย็นวันรุ่งขึ้นก็มาขอยืมขับอีกเมื่อลุงกลับจากทำงานครับ)

ความคืบหน้า 3เม.ย.52  วันนี้บังเอิญได้ลุยทดสอบทั้งการขึ้นลงเนินและฝ่าสายฝน เพราะต้องไปร้บลูกชายจากโรงเรียน เสร็จแล้วก็ไปประชุมผู้ปกครองที่โรงเรียนลูกสาวต่อ ผลปรากฏว่าขึ้นเนินศรีบูรพาได้ทั้งฝั่งธนาคารไทยพาณิชย์และฝั่งบูรพาคลินิกโดยไม่มีปัญหาครับ(เป็นเนินที่น่าจะชันมากที่สุดในเขตเทศบาลเมืองจันทบุรี->ดังนั้นก็คงจะอ้างได้แล้วว่าขึ้นได้ทุกๆเนิน)  สำหรับการลุยฝนก็คือตอนกลับจากโรงเรียนศรียานุสรณ์พอดีมีฝนตกลงมาในความแรงปานกลางพอให้มอเตอร์ไซค์บางคันจอดรอแต่บางคันยังกางร่มไปต่อได้ ส่วนรถชีวภาพbodcycle/biocarยังไปต่อได้อย่างสบายครับ จะมีก็เพียงกางเกงชื้นๆเล็กน้อยบริเวณเข่า2ข้างเท่านั้นครับ  ถึงวันนี้ได้ใช้งานมาแล้วเป็นระยะทาง162.0กม.ครับ 

ความคืบหน้า 18ก.ค.52  เมื่อวานซืนขับไปซื้อของใช้หลายๆอย่างที่ห้างโลตัสจันทบุรี เสร็จแล้วขับเลยไปหาอาจารย์ถาวรเกือบถึงหมู่บ้านการเคหะฯ ผ่านเนินโค้งสนามเป้าซึ่งเป็นเนินที่ไกลมากพอดูทีเดียว ก็ผ่านได้สบายครับ แถมขากลับตอนลงเนินนี้ก็ได้สถิติความเร็วสูงสุดของรถชีวภาพ(new high)ที่สูงถึง34.4กม./ชม. --เร็วกว่าความเร็วสูงสุดของเสือภูเขาที่ผมเคยปั่นได้บนทางราบอีกครับ