ที่มา : http://www.rta.mi.th/data/mv/0405/home.html (กองทัพบก)
เป็นบันทึกที่น่าสนใจครับพี่ ขออนุญาตเสริมนิดนึงนะครับ พวกตัวย่อทั้งหลายน่ะเพื่อนๆ พลเรือนส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคยครับพี่
สวัสดีค่ะ
สวัสดีในยามเช้าที่สดใสค่ะ
รออ่านบันทึกต่อไปนะคะ..เรียนเชิญชมดอกไม้ได้ที่ .. พวกฉันไม่เกี่ยวสักหน่อย..ฟังดอกไม้พูด
สวัสดีครับ...
บันทึกนี้ของพี่ มีเรื่องราวน่าสนใจจังเลยครับ ผมเพิ่งไปศึกษาดูงานที่ ศูนย์การเรียนรู้ป่าดงนาทาม ที่อุบลราชธานีมาครับ ที่นั่นบริหารจัดการโดย กรมทหารราบที่ ๖ ปัจจุบันมี พ.อ.จุลเดช จิตถวิล เป็น หน.โครงการ ซึ่งเดิมท่าน พลโทพิเชษฐ์ วิสัยจร ปัจจุบันท่านเป็น แม่ทัพภาค ๔ เป็นผู้ริเริ่มโครงการนี้
ภานในศูนย์น่าสนใจมาก เป็นศูนย์ที่เป็นแหล่งเรียนรู้และฝึกอบอรมให้กับเกษตรกรตาม ๓ แผนงาน
ที่นี่มีเกษตรกรเฉลี่ยมารับการฝึกอบรมราว ๑,๕๐๐๐ คน
ถามว่าทำไมทหารถึงเข้ามาทำงานตรงนี้ ไม่ใช่เกษตร ศึกษา หรือ หน่วยงานที่ใกล้เคียง ผมมองว่า ทหารเองมียุทธศาสตร์ที่กว้างไกลกว่านี้มากนัก การพัฒนาที่ได้ผลก็ยึด "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา"
การเกษตรเป็นวิถี และทหารจึงใช้การเกษตรเป็นเครื่องมือในการเข้าถึงชุมชน
เมื่อครั้งไปศึกษาดูงาน สาม จว.ชายแดนภาคใต้ ผมได้ยินผู้ใหญ่ท่านหนึ่งพูดข้างๆหูว่า ทหารมาทำอะไรแบบนี้ แทนที่จะรบ...จะป้องกันประเทศ นั่นแสดงว่าเขามองแคบ เป็นวิธีคิดที่จำกัดอยู่กับตัวเอง
หากไม่เข้าใจ เราจะเข้าถึงชาวบ้าน และจะพัฒนาได้อย่างไร จริงไหมครับ...
รักชีวิต รักป่า
ขอร่วมรณรงค์รักป่า...ด้วยคนค่ะ:)
มีความสุขในการทำงาน
มีแต่สิ่งดีๆนะคะ
สุขภาพแข็งแรง
เขื่อนจุฬาภรณ์ มิถุนายน 2551 ค่ะ
ธรรมชาติ หรือฝีมือมนุษย์
หน่วยงานหรือชุมชน ต้องทำเป็นตัวอย่างแก่เด็กและเยาวชน
เพื่อให้เขาได้ตระหนักในการมีความรับผิดชอบต่อสังคมในการร่วมมือ
เพลงเพราะดีครับ
รักธรรมชาติเหมือนกัน
2ปีที่แล้วก็ไปปลูกป่าชายเลนมา
ขอบคุณครับ
ขอเป็นกำลังใจ ผมกำลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่พอดี ว่าจะถ่ายทอดเรื่องราวผ่านงานเขียนเรื่องสั้น "พลิกฟื้นผืนป่าด้วยพระบารมี" ครับ ยังไงคงจะช่วยได้อีกทางครับ
แวะมาเยี่ยมค่ะ ทำblog ได้สวย และน่าสนใจมากค่ะ ดีใจที่มีโครงการดีๆแบบนี้ค่ะ