ตอนที่ 4 (เปลี่ยนป้ายสำนัก)
กาลเลยล่วงกว่า 2 ปี ที่เจ้าสำนักฝึกวิชามารประสานมิตร ดูมันมีความสุขที่ได้ทำตามใจตนเอง เหล่าขุนพลในสำนักก็มิมีผู้ใดกล้าเอ่ยวาจาต่อมัน นับวันยิ่งฝึกยิ่งแกร่ง มันออกท่องยุทธภพโดยไม่สนใจในสำนักของตน มันหวังให้ตนเป็นใหญ่ในแผ่นดินเพียงเพื่ออำนาจบางอย่างที่ยากจะมีผู้คนเข้าใจ วันนี้มันฝึกวิชามารได้สำเร็จขั้นสุดยอดแล้ว ร่างกายดูแก่ขึ้นกว่าสิบปี แต่วิทยายุทธนั้นเล่ากลับสูงส่งดั่งพญาราชสีห์ มันเที่ยวประลองยุทธกับเจ้าสำนัก และมีชัยอย่างถ้วนทั่ว จนหลายสำนักต่างภักดีต่อมัน
ความสำเร็จแห่งวิชามาร ทำมันให้มันคิดเปลี่ยนป้ายสำนักที่มันสร้างมาให้อยู่ในสังกัดใหม่ อุดมการณ์ที่เคยสร้างมาเป็นเวลาช้านานกลับแปรเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินเงินทอง เมื่อเปลี่ยนป้ายกลับทำให้มันร่ำรวยขึ้น ทรัพย์อันมหาศาลหลั่งไหลมาสู่มัน ในสำนักต่างประกอบไปด้วยสิ่งฟุ่มเฟือย มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเกิดขึ้น เหล่าขุนพลต่างเริงร่า และเสพสิ่งเสพนั้น จนยากที่จะกลับคืนมาเป็นสำนักแห่งอุดมการณ์ดังเดิมได้ กาลนี้ ผู้คนต่างสงสัยในความเปลี่ยนแปลงแต่มิมีผู้ใดสามารถเข้ามาทำอะไรได้ เนื่องเพราะอำนาจแห่งวิทยายุทธของเจ้าสำนักนั้นมีมาก ล้น จนเกินที่ผู้คนจะทัดทาน
การปรับเปลี่ยนสถานที่ฝึกวิชาในสำนัก ต่างเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ความกว้างของสนามฝึกวิทยายุทธก็ใหญ่โตและงดงามยิ่ง แต่...เหล่าเยาวชนที่ประสงค์จะเข้ามาฝึกวิทยายุทธนั้นเล่า กลับน้อยลง และเดินผ่านสำนักไปร่ำเรียนวิชาในแดนไกล แม้เจ้าสำนักจะมีวิทยายุทธสูงส่งขั้นที่เก้า แต่ศิษย์ในสำนักที่ประลองยุทธกับสำนักอื่นกลับพ่ายแพ้หลายครา เจ้าสำนักเริ่มหวาดหวั่นต่อการพ่ายแพ้ของเหล่าศิษย์ มันครุ่นคิด เหตุใดเล่า..? จึงเปลี่ยนไปมากเช่นนี้ อาจบางที การเปลี่ยนป้ายสำนัก ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หรืออาจบางที เหล่าขุนพลที่ฝึกวิทยายุทธให้กับศิษย์อาจไร้ฝีมือ ?หรืออาจบางครา เหล่าศิษย์ไม่เพียรพยายามฝึก หรือสิ่งใดเล่า ?
กาลล่วงเลยผ่านกว่าปี ความสำเร็จอันเกิดกับศิษย์ในสำนักหามีไม่ ความพ่ายแพ้กับการประลองยุทธนั้นเล่ากลับเพิ่มขึ้น เจ้าสำนักครุ่นคิดหนัก ในการนี้ การส่งเหล่าขุนพลเข้าฝึกวิทยายุทธเพิ่มเติมจากสำนักอื่น อาจทำให้เหตุการณ์ดีขึ้น
เมื่อถึงคราพักการฝึก มันจึงส่งเหล่าขุนพลไปฝึกวิทยายุทธกับค่ายต่างๆตามที่มันวาดหวังไว้ มิวายที่เหล่าขุนพลจะทัดทานว่าต้องการพักผ่อนบ้าง แต่ด้วยอำนาจของเจ้าสำนัก ยากที่เหล่าขุนพลจะทัดทาน จำต้องปฏิบัติตามที่มันบัญชา
เหล่าขุนพลเมื่อเข้าฝึกวิทยายุทธกับค่ายต่างๆในแดนไกล แม้เหน็ดเหนื่อย แต่พวกมันก็มิได้บ่นอันใด เพราะมันหวังว่า เพียงให้วันนี้ผ่านไป ความสำเร็จแห่งวิชาก็จะเกิดขึ้น พวกมันบางคน หวังทรัพย์สินเงินทองในวันข้างหน้าเฉกเช่นเจ้าสำนัก แต่บางคนก็หวังเพียงให้เจ้าสำนักเมตตาต่อมัน เพราะในแต่ละปี เจ้าสำนักจะมีเมตตาต่อเหล่าขุนพลเพียงสองคนเท่านั้น
เมื่อเหล่าขุนพลเสร็จสิ้นการฝึกจากแดนไกลกลับสู่สำนัก เจ้าสำนักให้แต่ละคนแสดงวิทยายุทธให้ชม เพื่อที่เจ้าสำนักจะได้แนะนำเพิ่มเติม มันนั่งนิ่งดูการแสดงวิทยายุทธของแต่ละคนอย่างครุ่นคิด เพราะเคล็ดวิชาที่แสดงออกมา บางท่วงท่าก็ง่ายเกินไป บางครานั้นเล่ากลับยากที่จะเข้าใจแม้เจ้าสำนักจะฝึกวิทยายุทธมาถึงขั้นที่เก้า แต่เคล็ดวิชาบางอย่างมันเข้าใจยากยิ่ง มันแจ้งให้ขุนพลแสดงออกหลายครา เพื่อให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น
จวบสมัยฤดูการฝึกอีกครั้ง เหล่าศิษย์ต่างแต่งกายด้วยชุดอันสวยงาม ขุนพลนั้นเล่าต่างก็มีความเหิมเกริมในวิทยายุทธที่ฝึกปรือมา เจ้าสำนักกล่าวต่อหน้าเหล่าศิษย์และขุนพล “ผู้ใดมีความพยายาม ผู้นั้นจะได้รับความเมตตาจากข้า ฯ” เหล่าศิษย์ต่างโห่ร้องด้วยความดีใจ พวกมันหวังว่าการฝึกในครานี้ จะได้รับความสำเร็จ อาจเพียงขั้นที่สองหรือสามก็เพียงพอแล้วสำหรับตน.
โปรดติดตาม ตอนที่ 5 ชัยชนะแห่งตน
ศน.เฉลิมชัย เชื้อสาวะถี สพป.ขก.5
อ่านเรื่องราวแล้ว มีสำนวนภาษาแปลกดี ตอนต่อไปขอคอยติดตามอ่านค่ะ
ผม สังเกตดูว่า งาน ศน. เยอะจริงๆ มีเวลาเขียนอีกนะครับ ผมอยากอ่านมากๆ แต่อยากให้เขียนเป็นแบบไทยๆ
เข้ามาอ่านตอนที่ 4 แล้ว อยากรู้เรื่องว่า ตอนที่ 5 จะเป็นอย่างไร ? รีบเขียนให้อ่านอีกนะครับ
แย่แล้ว....ผมจบมาจากที่นี่เสียด้วย....สำนักฝึกวิชามารประสานมิตร
อ.ขจิต จบประสานมิตร ไชโย....ๆๆ สถานบันเดียวกัน เดียวนี้เปลี่ยนเป็น ม.นเรศวรแล้ว
ป้ามารออ่าน เหมือนสมัยก่อนที่เขารออ่านเพชรพระอุมาที่หน้าโรงพิมพ์เลย
เรียนป้าพธู...
ขอบคุณมากที่รออ่าน แต่ยอมรับว่างานเยอะจริงๆ เจ้านายจะเอางานวิจัย ไอเดีย ไม่ออก รอหน่อยนะครับ
เปลี่ยนป้ายสำนักแล้วรวยขึ้น ถ้าเราเปลี่ยนชื่อน่าจะดีนะ เพราะจะได้รวยขึ้น เหมือนเจ้าสำนัก 5555
เรียนคุณนุชนารถ เป็นเรื่องของนิยายครับ ใช่ว่า เปลี่ยนชื่อแล้วจะรวย