สวัสดีค่ะคุณ Citrus
สวัสดีค่ะ คุณสีตะวัน
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน และช่วยต่อเติมความคิดเห็นค่ะ
คิดว่า หลายท่านที่เป็นครูบาอาจารย์ คงจะทำเรื่องพัฒนาการเรียน การสอน กันอย่างแข็งขัน ซึ่งเป็นการช่วยระบบการศึกษา จากที่ citrus ได้ไปดูโรงเรียน หลายโรงเรียน เช่น รุ่งอรุณ เพลินพัฒนา แสนสนุกไตรทักษะ เริ่มเห็นว่า การพัฒนาคนต้องเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก ที่จะทำให้เป็นพลเมือง หรืออนาคตของชาติ และเราอยากได้คนที่มีจิตใจดีงาม ไม่ใช่แค่เก่งแต่อย่างเดียว
ตามมาอ่านจ้า
จำได้ว่าเคยดูเรื่องราวของโรงเรียนนี้ในรายการ "แผ่นดินไท" เมื่อปลายปีก่อน
อ่านที่ citrus เขียนเล่าแล้วนึกถึงภาพเด็กๆ ชั้นอนุบาลประคองแก้วที่มีน้ำอยู่เต็มส่งต่อให้เพื่อนด้วยความระมัดระวังขณะฟังคุณครูเล่านิทาน ที่เคยดูในรายการ แล้วคุณครูมาอธิบายว่า นี่คือวิธีการหนึ่งที่ใช้ในการฝึกสติเด็ก ... อีกเรื่องที่จำได้คือ คำให้สัมภาษณ์ของคุณครูวิเชียรที่บอกว่า
"ทักษะกระบวนการแสวงหาความรู้ และ ทักษะการคิด คือ เครื่องมือที่จำเป็นที่สุดในอนาคต
วิศวกรรมพันธุศาสตร์ นาโนเทคโนโลยี โปรตีนศาสตร์ และ ภาษาดิจิตอล สิ่งเหล่านี้ กำลังเปลี่ยนโลก
ไม่มีทางที่เราจะบรรจุความรู้ทั้งหมดไว้ในสมองเด็กได้
แต่ถ้าให้เครื่องมือที่จำเป็นให้กับแด็กซึ่งได้แก่ทักษะกระบวนการแสวงหาความรู้ และ ทักษะการคิด
เด็กจะสามารถแสวงหาความรู้ในสิ่งที่เขาต้องการหรือสิ่งที่จำเป็นต่อเขาได้"
นี่ถ้าวันหลังจะไปไหนอีก ขอติดรถไปด้วยคนสิจ๊ะ ^^
วันก่อนอ่านเจอในหนังสือพิมพ์ เลยมาหาข้อมูล แค่ชื่อคนตั้งก็รู้แล้วว่าของดี อยู่ไกลไปนิด แต่จะหาทางไปเยี่ยมเยียนดูบ้างครับ
ที่โรงเรียนนี้จับฉลากเข้าเรียนครับ
หาเราทุกคนช่วยกันไม่ว่าจะอยุ่ที่ไหนหรือทำอะไร เราก็สามารถที่จะส่งต่อความปรารถนาดีให้กันและกันได้ ถ้าท่านต้องการเห้นอนาคตของชาติ ท่านลองไปถามครูทั่วประเทศดูแล้วท่านจะรู้คำตอบ เพราะครูคือผู้ที่ได้สัมผัสกับอนาคต
เคยไปดูมาแล้วค่ะ น่าสนใจมาก
เขาเป็นโรงเรียนที่ไม่มีการสอบ (ครูบอกว่าใช้วิธีประเมินตามสภาพจริงด้วยเครื่องมือที่หลากหลายและประเมินอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ)เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ เพราะคนเราจะมาใช้ข้อสอบเพียงไม่กี่ข้อประเมินแล้วตัดสินว่าเราเก่ง ไม่เก่ง รู้สึกไม่ค่อยยุติธรรมสำหรับคนถูกประเมินเลย
เป็นโรงเรียนที่เข้าไปแล้วสบายใจไม่มีเสียงออดเสียงระฆังเตือนให้รำคาญ ครูบอกอีกว่าถ้าต้องการให้เด็กมีวินัยต้องทำให้เป็นวิถีชีวิต สม่ำเสมอ ระฆังจึงไม่จำเป็นสำหรรับที่นี้
แล้วเวลาคุณครุตรวจการบ้านหรือตรวจงานเด็ก(อนุบาล)ไม่มีการให้หนึ่งดาว สองดาว หรือสามดาว ไม่ใช่ครูไม่สนใจนะคะ ครุบอกว่าครูไม่มีหน่้าที่ไปตัดสินหรือตีตราว่าใครแย่ แต่ครูมีหน้าที่รู้ว่าเด็กคนไหนต้องพัฒนาด้านใด เพราะเวลาเด็กทำงานเขาทำอย่างตั้งใจไม่เสแสร้ง แต่ครูมีหน้าที่รู้ให้ได้ว่าที่ผลงานเด็กออกมาลักษณะนั้นเพราะเด็กยังไม่พร้อมต้องช่วยยังไงมากกว่า
อีกอย่างเด็กที่นี้เขาไม่มีแบบเรียนสำเร็จรูปเรียนเหมือนทั่วไป
ครูบอกว่าเพราะไม่รู้ว่าเด็กแต่ละห้องอยากเรียนอะไร หนังสือแบบเรียนสำเร็จรูปที่มีไม่ได่้ตอบสนองความต้องการที่จะอยากเรียนรุ้ของเด็ก และอีกอย่างหนังสือแบบเรียนเป็นความรู้ที่เก่าและบางที่ไม่เกี่ยวข้องหรือไม่จำเป็นกับเด็กเลย พอเด็กเรียนจบในหนังสือทักษะที่ได้คือทักษะการจำ ใครจำได้มากกว่าคนนั้นชนะหรือเปล่า
อันนี้ชอบมาก เวลาเด็กทำกิจกรรมหน้าเสาธงเสร็จแล้ว(ร้องเพลงชาติ สวดมนต์แปล ร้องเพลงแผ่เมตตา)จะไม่มีครุมายืนอบรมหน้าเสาธง ครุบอกว่าเป็นเวลาที่ไม่เหมาะสมกับการที่จะปลูกฝังวินัยหรือการปรับพฤติกรรมเด็ก เพราะเด็กไม่พร้อมที่จะฟังทำให้ครุเสียเวลาเปล่า
อีกอย่างผู้ปกครองที่ส่งลุกมาเรียนที่นี้จะไม่รุ้ว่าลูกของตัวเองสอบได้ที่ 1 2 3.... เพราะครุบอกว่าเด็กทุกคนเก่งหมด และแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันด้วยจะเอาข้อสอบเพียงไม่กี่ข้อมาตัดสินว่าใครเก่งกว่าไม่ได้ และที่สำคัญไม่มีใคร(เด็กหรือผู้ใหญ๋)ขอบถูกเปลี่ยบเทียบว่าด้อยค่า แต่ครูบอกว่าเขาจะเปลี่ยบเที่ยบกับตัวเด็กเองว่ามาโรงเรียนวันแรกเป็นอย่างไร แล้วพอมาถึงวันสุดท้ายงอกงามแค่ไหน จะเปลี่ยบเทียบให้เห็นความงอกงามของเด็กแต่ละคนหรือเปลี่ยบเทียบกับตัวเด็กเอง
ถ้าใครได้มาจะเห็นว่าครุที่นี้เวลาพูดกับเด็กหรือสอนเด็กเขาจะพูดกับเบา ๆ ไม่มีตะโกนหรือไช้ไมค์โคโฟนช่วยเลย ครูบอกว่าไม่เจ็บคอ และที่สำคัญโรงเรียนนี้บอกว่าการทำงานของสมองเกี่ยวข้องกับ 2 อย่างคือสารเคมีและคลื่นไฟฟ้า ดังดันเสียงที่ครูพูดกับเด็กหรือคนเราพูดกันธรรมดาในชีวิตประจำวันครุบอกว่ามันเป็นเสียงโมโนโทน เป็นโทนเสียงที่เข้าลึกลงไปยังจิตใต้สำนึกเลยแล้วมันจะอยู่นาน ครุบอกว่าไม่เหมือนกับเสียงที่ตะโกนหรือพูดดัง ๆ เสียงเหล่านี้เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ประมาณว่าได้ยินแต่ไม่ได้ฟัง (คุณครูเล่าให้ฟัง)
และที่โรงเรียนนี้ครุบอกว่าพ่อแม่หรือผู้ปกครองต้องมาสอนลูกสอนเพื่อนของลูก มาดูว่าลูกเรียนเป็นยังไงเพื่อนของลูกเป็นยังไง มาเล่านิทาน ตักอาหาร พูดคุยกับคุณครู ครูบอกว่าต้องการให้ผู้ปกครองได้มาเห็นว่าโรงเรียนทำอะไรแล้วลูก ๆ อยุ่กันยังไง
สุดยอดมากเลย แค่ได้อ่านจากที่เล่าคงยังไม่พอหรอกค่ะ ท่านต้องลอกมาสัมผัสด้วยตัวเองความรู้สึกหลายอย่างมันบรยายออกมาเป็นข้อความไม่ได้ รุ้แต่ว่าพอก้าวเข้ามาในโรงเรียนรุ้สึกมีความสุข รุ้สึกถึงบรรยากาศแห่งความอบอุ่น บรรยากาศแห่งความเป็นกัลยาณมิตร ท่านที่อ่านกรุณาอย่าพึ่งเชื่อจนกว่าท่านจะได้มาสัมผัสด้วยหัวใจของท่านเอง
ต้องมาให้ได้แล้วท่านจะพบกับสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ
บล๊อกโรงเรียนนอกกะลา โดย ครูวิเชียร ไชยบัง เชิญทุกคนร่วมแลกเปลียนเรียนรู้
สวัสดีค่ะ
พี่ดา ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม และท่านที่ไม่แสดงตนทั้ง 3 ท่าน
สำหรับพี่ดา ขอชื่นชมว่า ความจำดีมากเลยค่ะ ขนาดดูทีวีตั้งนาน แต่จำรายละเอียดได้เยอะ
แนวคิดการเรียน การสอนไม่ว่าระดับใด อยากให้ learn how to learn ให้เครื่องมือจับปลา และหาปลากินเอง อยากกินอะไร ก็มีแรงบันดาลใจดั้นด้นไปเสาะหา น่าจะยั่งยืนกว่ายัดเยียดให้รับ เพราะไม่ได้อยากกินแบบนั้น
ได้ประโยชน์จากข้อความที่แต่ละท่านมาเพิ่มรายละเอียด เพราะ citrus นำไปเขียนบทความลงวารสารพนักงานด้วยค่ะ
ขอบคุณผู้เกี่ยวข้องที่ link ไปหา blogspot ทำให้ได้เห็นว่า บันทึกนี้ได้นำไปใส่ใน blog ของโรงเรียนลำปลายมาศแล้ว
คุณนาย-14 สิทธิ
ขอบอกว่าอึ้ง อึ้ง แล้ว อึ้ง ในความคิด
คิดได้อย่างไร
ประทับใจสุด สุด
เป็นโรงเรียนที่น่าสนใจมากอยากให้ลูกไปเรียนมากเลยค่ะ แต่คงไม่มีโอกาส ทำไมเขาไม่สร้างโรงเรียนแบบนี้มากกว่านี้