กราบนมัสการพระคุณเจ้า พระอาจารย์มหาแล ขำสุข(อาสโย) สวัสดีคุณครูอนุกูลและทุกท่านครับ
การพึ่งตนเอง ก้าวข้ามข้อจำกัดที่มี : บูรณาการการเรียนรู้และสะสมความรู้ท้องถิ่น ควบคู่ไปกับการทำงาน และการได้สร้างคน-การได้พัฒนาถิ่นที่อาศัย
- ผมเคยร่วมกับคุณครู ที่ชุมชนวัดมะเกลือ ตำบลคลองโยง อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ทำกิจกรรมวิจัยและสร้างความรู้ท้องถิ่นร่วมกันของชาวบ้านและกลุ่มคนที่ไปในแนวเดียวกันได้ โดยใช้วิธีนำเอาสิ่งของเก่าๆและภาพถ่ายเก่าๆมาจัดกิจกรรมเวทีชุมชน ให้ชื่อเวทีว่า ของเก่าและภาพเก่าเล่าเรื่อง ก็เป็นวิธีที่ทำให้ชาวบ้านและผู้คนมาช่วยกันทำเรื่องเรียนรู้ชุมชนให้มีความหมาย ได้รวบรวมความรู้เกี่ยวกับท้องถิ่น ได้เครือข่ายชุมชน ชาวบ้านและชุมชนที่มีส่วนร่วม ก็เกิดการเรียนรู้และมีความเข้มแข็งที่จะพึ่งตนเองในการพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ
- อีกรูปแบบหนึ่ง ก็ทำผ่านการสร้างเครือข่ายเด็ก ส่งเสริมให้เด็กมีวัฒนธรมกลุ่มในการเรียนรู้และทำวิจัยชุมชน ออกแบบให้เด็กได้ประสบการณ์เพื่อเกิดจิตวิญญาณความเป็นนักวิจัย ความเป็นนักวิทยาศาสตร์ และผู้ที่รักในวิถีแห่งปัญญา เดินออกไปสัมผัสโลกความเป็นจริงและสามารถสร้างความรู้ขึ้นมาด้วยตนเองได้
- วิธีนี้ก็สามารถได้ทั้งการสร้างคน สร้างความเป็นชุมชน และได้คนช่วยกันเก็บรวบรวมสิ่งของเพื่อการอนุรักษ์และเพื่อการศึกษาเรียนรู้ชุมชน ที่กระจัดกระจายอยู่ตามครัวเรือนและแหล่งต่างๆในชุมชบนนะครับ
ยกะดับเป็นชุมชนเรียนรู้และร่วมสร้างความรู้จากการดำเนินชีวิต
- สมัครเป็นสมาชิกเขาแล้วก็จะเขียนและใส่รูป-ตบแต่งบล๊อกตนเองได้ดีกว่าเดิมครับ คุณอนุกูลและทุกท่านสามารถสมัครและมีเวทีที่ตรงกับความสนใจของตนเองในบล๊อกนี้ได้ครับ ลองศึกษาดูและลองถามไถ่หาข้อมูลดูนะครับ ผมก็คลำๆเข้ามาเองครับ ลืมเสียแล้วว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง แต่ไม่ยากหรอกครับ แต่บล๊อกและเครือข่ายคนเขียนบล๊อกในนี้ กลุ่มหลักๆออกจะเป็นคนในวงการการศึกษาและการพัฒนาการเรียนรู้ในสาขาต่างๆ ทั้งในและนอกภาคที่เป็นทางการ แวดวงอื่นๆก็มี แล้วก็มีอย่างไม่จำกัดครับ เวทีแบบคนทั่วไปตามบล๊อกต่างๆก็มีเยอะมากครับ
- แต่เขียนและคุยผ่านในเวทีนี้ไปพลางๆก่อนผมก็ยินดีไปด้วยทุกประการครับ จะได้มีเวลาศึกษาและหาข้อมูลลองทำเอง รวมทั้งผู้คนโดยมากก็จะไม่ค่อยไว้ใจ ทั้งไม่ไว้ใจเจ้าเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตนี้ ตลอดจนไม่ไว้ใจเรื่องราวในนี้และชุมชนเสมือนในนี้
การบ่มจิตวิญญาณแห่งการเรียนรู้และสร้างวิถีวัฒนธรรม ก่อนเข้าสู่ความทันสมัยทางรูปแบบ
- ผมสังเกตว่าผู้คนไม่กล้าแสดงตัวตนและไม่เปิดเผยรายละเอียดความเป็นส่วนตัว หากจะมีก็มีไม่มากนัก ซึ่งบ่งบอกถึงความไม่ไว้ใจต่อสิ่งที่ตนเองไม่รู้ว่าอยู่ท่ามกลางโลกรอบข้างอะไร ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ครับ
- สังคมโดยทั่วไปมักอยากมีความทันสมัยและอยากอยู่กับเทคโนโลยีที่ให้ความสะดวก ก้าวหน้า แต่เรากลับสร้างสังคมในชุมชนเสมือนนี้ขึ้น ด้วยการซ่อนขีนาวุธของตัวเองและด้วยความไม่ไว้วางใจ สำนึกความหวาดระแวง ป้องกันตน และทำสงครามก่อนโดยพุ่งเป้าออกไปหาผู้อื่นอย่างนี้ เป็นกระแสหลักของสังคมทั่วโลกเลย เราจึงคิดตั้งคำถามและลองหาหนทางเข้าใจเพื่อลองเดินด้วยตนเองในแนวทางใหม่ๆได้อีกเยอะครับ
- อย่างของผมนี้ อันที่จริงก็มีรายละเอียดของตนเองมากไปจนดูเว่อร์ แต่ก็เป็นการจงใจเขียนไปเรื่อยเปื่อยเหมือนการร่ายรำให้คนดูและคิดเอาเองบนเวทีการแสดง
- ผมก็กลัวเหมือนกันครับ กลัวและไม่ไว้ใจหลายอย่างต่อโลกรอบข้าง แต่หากพิจารณาดูแล้ว หากคนคิดไม่ดีต่อเราและใช้ข้อมูลเราเองกลับมาทำร้ายเรา เขาก็จะสามารถทำได้ไม่ใช่เพียงแค่จากบล๊อกและอินเตอร์เน็ตนี้ช่องทางเดียวหรอกครับ มีอีกหลายวิธี ที่น่ากลัวและแยบยลกว่าในนี้หลายเท่า เลยก็ไม่ต้องระแวงและไม่กลัวละครับ สร้างสังคมที่ดีด้วยมือเราทีละเล็กละน้อยอย่างนี้ก็ได้นะครับ
- ที่กำลังกลัวและหวาดระแวงเพิ่มขึ้นมาอีกคือ กลัวข้อมูลหายครับ ในบล๊อกนี้หลายเรื่องตั้งใจทำ แล้วก็คิดว่าข้อมูลตนเองดี อยากเผยแพร่และทำทิ้งไว้ให้เป็นประโยชน์แบบทั่วไปมากกว่าทำเป็นผลงาน เลยหาโอกาสทำไปทีละนิด-ละนิด แต่บางทีเจอเว็บล่ม ทั้งข้อมูลภาพและข้อมูลจากการคิด-เขียนหาย อันนี้ก็กลัวและหวาดระแวงเพราะเสียดาย เกิดขึ้นในเว๊บอื่นไม่ใช่ในนี้ แต่ก็มีผลทำให้ลังเลว่าจะใช้วิธีนี้ทำงานแนวนี้ดีหรือเปล่าต่อเว็บและบล๊อกทั่วๆไป
- ลองหาความคุ้นเคย และสร้างความคุ้นมือไปก่อนในนี้ตามสะดวกเลยครับ ผมเห็นหลายเรื่องเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากเป็นอย่างยิ่งครับ หากให้ผมร่วมคิดผมก็จะเสนอแนะให้เปิดเวทีของตนเองโดยสมัครเป็นสมาชิก แต่แวะมาคุยและแลกเปลี่ยนกับผมด้วยนะครับ ไม่อย่างนั้นก็เหงาและขาดอรรถรสทางปัญญาแย่
การเรียนรู้ของสังคมเพื่อเลือกสรรการเปลี่ยนแปลง และทางเลือกการพัฒนาตามความพร้อม
- เรื่องความกลัวและหวาดระแวง เลยไม่กล้าสมัครสมาชิกและเปิดบล๊อกของตนเองนี้น่าเห็นใจแต่ไม่ใช่เป็นคนแปลกประหลาดจากคนอื่นหรอกครับ อาจารย์ผมท่านหนึ่งเป็นผู้อาวุโสและมีบทบาททั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ หากอยากคิดและทำอะไร ก็เพียงออกปากและคิดดังๆก็จะมีผู้คนอยากได้ความคิดและข้อชี้แนะของท่านแปรไปสู่การปฏิบัติต่างๆมากมาย แต่ตอนนี้ท่านบอกกับผมว่ากำลังมีความสุขกับการอ่านหนังสือและทำงานเองในคอมพิวเตอร์ ท่านไม่เคยทำเรื่องพวกนี้เลย
- แต่ตอนนี้ท่านเกษียณอายุราชการนานแล้วและมีความจำเป็นมากที่จะต้องดูแลสุขภาพตนเอง ตอนเริ่มต้นทำ ท่านบอกว่าทำอะไรไม่ถูก กลัว และหัดทำแบบตะกุกตะกัก
- เพื่อนผมคนหนึ่ง เป็นเจ้าของกิจการและมีลูกเติบโต ไปเรียนทั้งต่างประเทศและขั้นสูงในประเทศ เรียกว่าประสบความสำเร็จในชีวิตหมดแล้ว เหลือเพียงนั่งดูความงอกงามและใช้โอกาสในการนำเอาสิ่งที่มีในชีวิตไปทำเรื่องอื่นๆ ลูกกลัวเหงาและเขาเองก็เป็นคนเรียนรู้อยู่เสมอ ลูกเลยซื้อคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คมาให้หัดใช้งานและทำงานความคิด
- เขาบอกว่า ตอนแรกๆ กลัวและหวาดระแวงเหมือนมีคนไม่รู้จักเข้ามาอยู่ในบ้าน บางทีต้องแอบมองโน็ตบุ๊คและเอาผ้าคลุมไว้เพราะกลัวมัน ถอดปลั๊กออกหมดก็ยังกลัว ตอนนี้ เกือบปีแล้วก็ยังกลัวไม่หาย ทำอะไรผิดพลาดหน่อยและเกิดปัญหาที่ไม่เข้าใจ ก็ตกใจและถอดปลั๊กออกลูกเดียว ฟังดูน่าขัน แต่เป็นเรื่องที่คนทั่วไปก็เป็นครับ
- พนักงานผู้หญิงที่ทำงานผมคนหนึ่งจบการศึกษามาใหม่ๆ ให้เดินไปเสียบปลั๊กไฟก็หน้าซีดจะเป็นลม
- เรื่องพวกนี้ไม่แปลกหรอกครับ ที่ประเทศญี่ปุ่นตอนที่ผมไปเมื่อกว่า ๒๐ ปีก่อน เขามีวิชาการใช้ชีวิตให้ทั้งเด็กและพลเมืองผู้ใหญ่ได้เรียนเรื่อง การใช้เทคโนโลยีและเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อการศึกษาและดำเนินชีวิต ขนาดเขาเป็นสังคมการผลิตก้าวหน้ามาก ก็ยังมีความแปลกหน้าและต้องมีการจัดการศึกษาเรียนรู้ขึ้นมาพัฒนาพลเมืองของเขาเองโดยตรงเลยครับ
กราบนมัสการด้วยความเคารพ