เรื่องเล่ายายแถว..


ยายถามขึ้นทันทีว่า “เท่าไหร่ ถ้าแพงยายไม่มีจ่ายหรอก ไม่เอาก็ได้ยังไงก็ใส่รองเท้าไปนาอยู่ดี ”

           ยายแถวถูกส่งต่อมาที่กายภาพบำบัดเพื่อการดูแลเรื่องแผลที่เท้า ฉันพบกับยายแถวในวันนั้นด้วยหน้าตาที่เฉยชา และเท้าที่มีแผลเป็นรูมีกลิ่นเหม็น รองเท้าที่ยายใส่ก็เป็นรองเท้าแตะธรรมดาที่ยายบอกว่าดีที่สุดเท่าที่มี หมออยากตรวจก็ตรวจ แล้วก็ยื่นเท้าให้เราตรวจเหมือนเป็นสิ่งคุ้นชิน ในใจฉันไม่คุ้นชินกับท่าทีของยายแถวสักเท่าไหร่ การตรวจพบว่านิ้วเท้ายายถูกตัดไปแล้ว1 นิ้วด้วยสาเหตุเดียวกันนี้คือแผลไม่หายสักทีหมอเลยให้ตัด

 ตัดก็ตัด” ยายบอกเล่าให้ฉันฟังอย่างนั้นด้วยท่าทีเรียบเฉยเช่นเคย
พอตรวจการรับความรู้สึกก็พบว่ายายเสียความรู้สึกที่เท้าไปแล้วแต่นั่นเป็นสิ่งที่ยายรับรู้ด้วย ตนเองมาตลอดเลยไม่รู้สึกแปลกใจเมื่อเราบอกว่ายายตอบไม่ถูกสักจุด ครั้งที่ฉันได้เจอยายนั้นเราได้พูดคุกันน้อยมากเพราะยายบ่นเพียงแต่ว่ายังไม่ได้กินข้าวอยากกลับบ้านเร็วๆ เพราะมีงานที่ไร่รออยู่
  ฉันได้แต่นึกห้ามในใจเพราะสภาพเท้าของยายไม่เหมาะเลยที่จะ เดินกระย่องกระแย่งแถมต้องลงไปลุยดินหรือโคลน แต่ฉันก็ได้แต่นึกห้ามในใจเท่านั้นเพราะสิ่งที่แกกังวลใจในเวลานี้คงไม่ใช่แผลที่เท้าแก แต่คงเป็นไร่ที่แกต้องไปจัดการเพื่อให้ชีวิตอยู่รอดเท่านั้น ก่อนจากกันฉันก็เห็นยายแถวเดินตัวค่อมโก่ง ขาโก่งกระย่องกระแย่งใช้มือข่มเข่ากันล้มเดินออกไปจากตัวอาคารก่อนลับตาไปนอกประตูโรงพยาบาล
หลังจากแยกกันแล้วทีมดูแลทั้งหมดก็มานั่งคุยกัน ทุกคนรู้สึกกังวลกับแผลที่เท้าของยายมาก ต่างกับตัวยายที่รู้สึกเฉยๆ เราเลยลองวางแผนเพื่อดูแลแผลอย่างจริงจัง

          ครั้งต่อมาฉันได้พบกับยายอีกครั้งแผลยายยังไม่ดีขึ้นเลย ฉันเลยลองถามความเห็นยายดูเรื่องการเปลี่ยนรองเท้าใหม่ให้อย่างน้อยก็พอจะช่วยแผลยายได้บ้าง  ยายถามขึ้นทันทีว่า เท่าไหร่  ถ้าแพงยายไม่มีจ่ายหรอก ไม่เอาก็ได้ยังไงก็ใส่รองเท้าไปนาอยู่ดี   ฉันเห็นสีหน้ากังวลปนขึ้นบนคำถามนั้น จึงอธิบายให้ยายฟังว่ารองเท้าที่จะให้ไม่ต้องเสียเงิน ให้เพราะต้องการที่จะดูแลเรื่องแผล แล้วก็เวลาเดินรองเท้าจะได้ไม่หลุดจากเท้ายายจะได้ไม่มีผลใหม่  ยายจึงยอมตอบรับข้อเสนอแล้วยายก็ได้รองเท้าพิเศษคู่ใหม่กับบ้าน ครั้งนี้ยายก็ไม่คุยอะไรมากถามคำตอบคำเหมือนเคย ก่อนจะลากลับบ้านไป

     อีกครั้งที่ยายได้มานั่งอยู่ต่อหน้าฉัน พร้อมโชว์แผลที่เท้าที่เพิ่งผ่านการทำแผลที่ห้องฉุกเฉินมาหมาดๆ
ดีขึ้นไหมยาย
ก็อย่างเคย อย่างที่เห็น รองเท้าที่ให้ไปในครั้งนั้น วันนี้ยายใส่มาแต่มันดูจะไม่ค่อยได้ใช้งานดูออกจากสภาพของมัน  ยายไม่ค่อยชอบรองเท้าคู่นี้เหรอ 
 
มันไม่ชินน่ะ  ใส่เดินไปไร่ก็ไม่ได้ ยายตอบกลับมาน้อยคำเหมือนเดิม

ถึงแม้คราวนี้แผลจะดูแคบลงกว่าครั้งนั้นแต่มันก็กระตุ้นให้ฉันลองทำบางอย่าง
 
ยาย..หนูขอเอาหนังแข็งๆรอบๆแผลออกได้ไหม"
"นานหน่อยนะยายจะให้หนูทำให้ไหม
?” รออยู่อึดใจใหญ่ยายแถวจึงยอมพยักหน้าพร้อมประโยคเด็ดเดิม แล้วแต่จะทำให้ 

แล้วยายแถวก็ได้นอนให้ฉันทำการขูดหนังหนารอบๆแผลแกออก ระหว่างนั้นเราได้คุยกันมากขึ้น มากกว่าข้อมูลที่เคยรับมาจากทีมรักษา ยายไม่ได้รู้สึกกังวลกับอาการตัวเองเท่าไหร่ กับนิ้วเท้าที่เสียไปก็เพราะแกไม่ได้ดูแลมันเท่าที่ควร สิ่งที่แกมักพูดและวกกลับเข้ามาเสมอคือ ลูกชาย และงานไร่ของแก ที่แม้จะมีคนห้ามแต่แกรู้สึกว่าต้องทำบางครั้งต้องไปนอนไร่เป็นสิบวัน หาหน่อไม้ หาของป่ากินแกก็อยู่ได้ ในระหว่างคุยฉันไม่ได้ยินแกระลึกจำถึงสิ่งที่หมอๆให้คำแนะนำไปเลย
  ยายนอนขูดเท้าคุยเพลิน ฉันก็นั่งดูเท้าและฟังแกเพลินไปชั่วโมงกว่าในวันนั้น

          ครั้งต่อมายายมานอนโรงพยาบาลด้วยระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ฉันถูกตามให้ไปดูแลเรื่องเท้าให้อีก ครั้งนี้ฉันเห็นรองเท้าที่ให้ยายไป ร่องรอยใช้งานมีมากขึ้น  แผลที่เท้าแกก็ดูดีขึ้นเลยลองคุยกับยายขอถ่ายรูปเก็บไว้ แกก็กุลีกุจอยกขึ้นให้ถ่ายภาพ ต่างกับเมื่อก่อนที่กว่าจะตรวจเท้าแกได้ก็รีๆรอๆ  ครั้งนี้ฉันลองปรับรองเท้าให้ดีขึ้น ลองใส่แผ่นลดการลงน้ำหนักที่บริเวณแผล ให้ยายลองเดินรู้แน่ว่ายายคงไม่ชินเห็นแกเดินไปหันมองเท้าไปตลอดแต่นั่นก็เป็นจุดประสงค์ของฉัน
มันจะไม่ล้มเหรอ
อันนี้ให้ยายลองใส่ดู ทั้งในบ้านด้วยนะ แต่ยายก็กลัวว่าการใส่รองเท้าเดินในบ้านมันคงจะเปื้อนพื้นบ้านแน่  เราก็เลยทำรองเท้าใหม่ให้ยายอีกคู่ คู่หนึ่งเอาไว้ใส่นอกบ้านอีกคู่เอาไว้เปลี่ยนใส่ในบ้าน  ยายก็บอกว่า จะลองดู

          หลังจากนั้นเราตามไปเยี่ยมบ้านยายแถวอีก พบว่าแกก็พยายามลองทั้งในและนอกบ้านแต่ด้วยความไม่ชิน และเวลาส่วนมากเป็นใส่อรองเท้าออกไปไร่ซึ่งเป็นรองเท้าบูทแข็งๆ  เลยทำให้คำว่า ลองดูของยายน่าจะเป็นเวลาที่นึกออกเท่านั้น  แต่ยังไงเสียแผลก็ยังคงดีอยู่

          ทุกครั้งที่ยายมีนัดมาโรงพยาบาล ฉันยังคงเห็นยายใส่รองเท้าคู่พิเศษอยู่ ครั้งล่าสุดยายนั่งคุยกับพี่พยาบาลเวชปฏิบัติครอบครัวน้ำตารื้นๆแต่เสียงแจ่มใส ยายนั่งคุยเรื่องลูกชายของยาย ก่อนที่เราจะพากันมาห้องตรวจเท้า แกบ่นเรื่องยังไม่ได้กินข้าวเช้าเพราะนึกว่ารับยาเดี๋ยวก็กลับไปกินข้าวที่บ้านได้ เลยต้องหาข้าวให้กินก่อน เราคุยถึงเรื่องแผนการดูแลเท้ากับยาย ยายต่อรองว่าทำขูดเท้าก่อนได้ไหมเข้าไร่เสร็จแล้วสี่ห้าวันจะกลับมาทำรองพื้นรองเท้า ผลเป็นตามการตกลงที่ยายเลือก ยายขึ้นนอนบนเตียงเดิม  ฉันยังทำหน้าที่ขูดเท้าให้ยาย โดยครั้งนี้ยายยึดเตียงเป็นเวทีเล่าเรื่องให้ฟัง

ยายกำลังนึกถึงลูกชายที่ไปเป็นทหาร ตอนนี้ปลดประจำแล้วแต่ไม่กลับบ้านไปอยู่กรุงเทพต่อ แต่ก็ยังตกงานหางานทำไม่ได้ ยายต้องรีบทำข้าวในไร่ที่ยังค้างอยู่อีกเล็กน้อยให้เสร็จ เพราะข้าวชุดนี้จะเป็นอนาคตของยาย  เพราะตอนนี้ลูกชายไม่มีรายได้ บางครั้งก่อนหน้านี้กลับมาเยี่ยมบ้านก็จะเอาข้าวที่เก็บไว้ในปีที่แล้วไปกินตอนอยู่ประจำการด้วย ยายบอกว่าเจ้านายของลูกชายอยากกินข้าวเหนียวบ้างเบื่อข้าวจ้าว ลูกชายเลยตองเอาไปเผื่อเจ้านายด้วย  ยายให้ไปก็เพราะความอยากตอบแทนน้ำใจที่ลูกชายได้ไปทำงานกับเขา  ถึงแม้ข้าวที่เหลืออยู่ที่บ้านจะน้อยลงทุกที แค่พอกินกันตายาย แกก็คิดที่จะให้เขาไป ตอนนี้ลูกชายตกงานอีกไม่มีเงินส่งมาให้ยาย บางครั้งก็ต้องโทรมาขอให้ยายส่งเงินไปให้อีกด้วยซ้ำ ครั้งล่าสุดขอพันบาทระหว่างหางาน แล้วยังมีแฟนสาวซึ่งยายว่ายังเป็นเด็กๆอยู่คอยเทียวไปหา ยายไม่รู้จะทำอย่างไรเลยฝากบอกให้ดูแลลูกชายยายให้ด้วยแล้วกัน ยายกังวลว่าถ้าเกิดลูกตกล่องปล่องชิ้นกับสาวคนนี้คงได้ไปอยู่ไกลบ้านออกไปอีกแน่เพราะบ้านสาวอยู่ที่สุรินทร์ ยายบ่นๆว่าคงต้องอยู่กับตานี่แหละ คงไม่มีใครมาช่วยงาน ดังนั้นงานไร่อะไรที่พอจะทำได้ก็ต้องไปทำไปทั้งสภาพเดินลำบากอย่างนี้แหละ ถึงไร่แล้วยายทำงานอย่างไร?ฉันยังสงสัย ยายตอบกลับความคิดฉันทันที ถ้าไปไร่ข้าวโพดเมื่อยืนไม่ได้ยายก็ไปนั่งหักฝักข้าวโพดเอา ต้องไปอยู่ไร่คราวละหลายๆวันเพราะจะเดินทางไปกลับเหมือนคนอื่นก็ไม่ได้ ไม่ได้งานพอดี เลยต้องขอต่อรองหมอทุกครั้ง และยายก็พูดสิ่งที่คาใจยายมานาน ที่คุณหมอนั่งขูด ทำเท้าให้ยายทุกครั้ง ตอนแรกยายก็กลัวว่าทำเสร็จแล้วยายจะกลับไปทำไร่ไม่ได้ เลยกลัวไม่อยากทำเลย ตอนนี้ไม่กลัวแล้วเพราะว่าทำแล้วดี รู้แล้วว่ายังเดินได้ ยังเข้าไร่ ถ้าเมื่อก่อนรู้อย่างนี้ทำไปแล้ว ยายใส่รองเท้าบูทเข้าไร่เหมือนเดิมแต่เปลี่ยนมาใช้รองเท้าบูทฉี่หนูด้วยเหตุผลว่าหนังมันอ่อนกว่าบูททั่วไป แล้วครอบหน้าแข้งมันก็ยาวลุยไร่ได้ไม่ห่วงแผล ยายอยากได้แผ่นพื้นรองเท้ารองกันน้ำหนักไปใส่ในรองเท้าบูทเพื่อที่จะไม่ให้แผลกดพื้นรองเท้าเวลาไปไร่อีก ที่อยากได้เพราะส่วนใหญ่ยายจะใส่แต่รองเท้าบูทไปไร่ รองเท้าที่หมอให้มันใส่ไปไร่ไม่ได้เดินขึ้นเนินลงเนินยายก็กลัวมันจะหลุดเท้า กลัวล้ม ยาขอเอาไปใส่ในรองเท้าบูทเลยดีกว่า ฉันเลยต่อรองยายว่าหลังจากออกมาจากไร่ครั้งนี้ถึงจะทำให้นะ ยายตอบตกลงแล้วก็กลับบ้านพร้อมตาที่มานั่งรออยู่เป็นชั่วโมง เพื่อพรุ่งนี้ยายจะก้าวออกไปไร่เพื่อเก็บเกี่ยวข้าวไร่ครั้งสุดท้ายในฤดูนี้


เรื่องเล่าจาก แม่ขุนเขา

 

คำสำคัญ (Tags): #sha
หมายเลขบันทึก: 264931เขียนเมื่อ 1 มิถุนายน 2009 13:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีคะ

เรื่องดีมากๆคะ

บางครั้งความคิดของคนป่วยก็ไปไกลเสียจนยากที่เราจะตามทันนะคะ

แต่ได้เห้นความอดทนของพยาบาล

และความหมายของแม่คนหนึ่งที่มีต่อลุกชายคนเดียว

เขียนอีกนะคะ คงมีอีกมากคะ

อย่าลืมเอาไปรวมในแพลนเนต SHA ด้วยนะคะ

อ้อ.ใช้ตัวโตกว่านี้อีกหน่อยได้ไหมคะ

อิอิ สายตาสว.คะ

ขอบคุรมากนะคะ

 

 

ขอบคุณแม่ต้อยครับที่แนะนำติดชม ผมทำตัวหนังสือให้ตัวโตขึ้นแล้วนะครับ..

สวัสดีค่ะ ชอบอ่านมากๆเลยค่ะ เขียนอีกนะคะ เก่งมากๆค่ะ

รบกวนสร้างแพลนเน็ท SHA แล้วแอดทุกคนทีมีคำว่า SHA เข้าแพลนเน็ทด้วยนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท