ฉบับสุดท้าย
บ้านนา ป่าดอน
19 ธันวาคม . . ..
ลูกรัก
พ่อจะไม่ขอเอ่ยคำว่า “ เสียใจ ” กับลูกหรอก หากลูกคิดว่าความคิดของลูกถูกต้องแล้ว พ่อรู้ว่าลูกโตพอที่จะมีความคิด พ่อไม่มีสิทธิ์จะห้ามความคิดของลูกได้ ลูกรัก....ถ้าลูกอยากจากบ้านนาไปตลอดกาล จากสภาพป่าดงที่ลูกเคยอยู่ ไปสู่ถิ่นที่ลูกต้องการอยู่ตลอดไป . . . สี่ปีที่ลูกเรียนในชั้นมหาวิทยาลัย . . . สี่ปีที่ลูกสุขสันต์ในเมืองหลวงมันคงทำให้ลูกเปลี่ยนไป พ่อยังจำได้ก่อนที่ลูกจะจากไปเมื่อสี่ปีก่อน วันสุดท้ายที่ลูกจะจากไปเข้าสู่สังคมเมืองหลวง . . . วันนั้น ลูกนั่งกับพ่อริมนา มองเพื่อนบ้านของเราที่กำลังตรากตรำทำนากลางตะวันจ้าแรง คำพูดของลูกในวันนั้นยังคงฝังลึกอยู่ในดวงใจพ่อ
“พ่อครับ . . . ผมจะกลับมา ผมจะมาอย่างบัณฑิตที่พร้อมจะช่วยเหลือพวกเขา อีกไม่นานหรอกพ่อ ได้ดรลูกของพ่อคนนี้จะทำให้หมู่บ้านเราเจริญขึ้น ช่วยชีวิตพวกเขาให้สูงขึ้นและยุติธรรมขึ้น”
พ่อหวังมาตลอดสี่ปีว่าสักวันหนึ่ง เจ้าจะทำอย่างที่เจ้าคิดและพูดในวันนั้น เวลานี้แม้ว่าจดหมายฉบับสุดท้ายของลูกจะทำลายความหวังของพ่อจนเกือบหมดสิ้นก็ตาม ความคิดของลูกขณะนี้คงจะไม่มีความคิดเมื่อสี่ปีก่อนเหลืออยู่เลย. . . เวลานี้ลูกเรียนสำเร็จแล้ว ลูกเป็นบัณฑิต แต่ลูกไม่ได้เป็นบัณฑิตของคนยากอย่างที่พ่อหวัง ลูกกำลังตกอยู่ในความฟุ้งเฟ้อของเมืองหลวง . . .สังคมเมืองหลวงกำลังเชือดเฉือนความคิดอันมีค่าของลูกไป ลูกเคยได้ยินไหมว่า “ความใฝ่ฝันหาใช่ความเพ้อฝัน” ถูกแล้ว พ่อหวังอยู่เสมอว่าความใฝ่ฝันของลูกต้องมิใช่ความเพ้อฝัน พ่อลงทุนลงแรงทุกอย่าง หลั่งเหงื่อทุกเม็ดทุกหยดโดยไม่เคยปริปาก ไม่เคยย่อท้อ เพียงเพื่อหวังว่าจะส่งเสียลูกให้เป็นบัณฑิตและกลับมาพัฒนาบ้านเกิด . . . ในชีวิตของพ่อ พ่อต้องการเพียงแค่นี้ ต้องการให้ลูกเป็นคนของมวลชนคนยากให้ได้เท่านั้น จะมีอะไรอีกเล่าที่พ่อต้องการ นอกจาก . . .ลูกของตนสามารถทำประโยชน์แก่สังคมคนยากได้ ลูกเอ๋ย . . พ่อคิดว่าความหวังของพ่อยังไม่หมดสิ้นไป พ่อคิดว่าลูกคงจะทบทวนความคิดของลูกใหม่ จดหมายฉบับนี้จะเป็นฉบับสุดท้ายที่พ่อจะเขียนถึงลูก ลูกรัก. . .จงจำไว้นะว่า น้ำตาแห่งความเป็นพ่อของพ่อจะไม่ยอมหลั่งรินเด็ดขาด หากลูกของพ่อทำผิดความมุ่งหวังที่พ่อได้ตั้งไว้ แต่พ่อจะหลั่งมันอย่างเป็นสุขและภาคภูมิใจในสักวันหนึ่งที่ลูกคิดได้และหวนกลับมาสู่บ้านเกิดเพื่อพัฒนาถิ่นที่ลูกเคยรักและหวงแหน และนั่นคือ สิ่งที่พ่อต้องการ............
รักลูก
คือพลังที่ฝังอยู่ในหัวใจครับ
ขอบคุณครับ
ตอนนี้กลับมาอยู่อิสานบ้านเฮาแล้วครับ
อ่านแล้วคิดถึงพ่อจังเลยค่ะพี่กลับมาบ้านแต่พ่อรับได้ที่พี่กลับมา เขาอยากให้พี่ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนค่ะ พี่ดีใจที่พ่อของน้องเห็นด้วย เป็นกำลังใจให้นะค่ะ พี่กิ่งค่ะมหาชีวาลัยอีสานค่ะ
ใครหนอ จังมีพ่อที่ประเสริฐนัก อิจฉาจังเลยครับ
เดี๋ยวนี่ผมเห็นมีแต่ พ่อแม่ที่บังคับให้ลูกๆ เรียนและทำงาน ในเมือง ในฐานะและตำแหน่งที่ดีๆ เพื่อเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล ถ้าลองเรียนจบเป็นบัณฑิตแล้วกลับมาอย่บ้าน สงสัยพ่อแม่จะไม่คบครับผม
ถ้าพ่อแม่ทุกคนเป็นอย่างงี้ก็คงจะดีครับ สังคมจะน่าอยู่ขึ้นเยอะเลยครับ เพราะพ่อแม่มีส่วนอย่างมากในการหล่อหลอมความเป็นมนุษย์ในจิตใจของลูก
ติดตามอ่านต่อครับผม ....
คำว่า"บัณฑิต" กับเศษกระดาษที่นำไปแปะข้างฝาบ้านนั้นต่างกัน .."การศึกษาหมาหางด้วน"สมควรที่จะได้รับการแก้ไขปรับปรุงจาก"บัณฑิต"ยุคใหม่จริงๆ ไม่เช่นนั้นแล้ว ฅ.ฅนจะกลายเป็น ค.ควาย ที่ไม่ต่างอะไรกับการผลิตสัตว์เศรษฐกิจป้อนเข้าสู่ลู่วิ่งของระบบทุน
อ่านแล้วสะท้อนให้เห็นด้านดี ๆ ของสังคมครับ...
ขอบคุณมากครับ...
ขอบคุณที่ติดตามครับ