ชื่อภาษาไทยของโรคนี้ชื่ออาจฟังดูแปลกๆ
แต่ถ้าได้อ่านจบแล้ว ก็จะเห็นว่าลักษณะของโรคนี้เป็นแบบนั้นจริงๆ
หรือหากมีใครอยากจะเสนอชื่อใหม่ที่คิดว่าน่าจะเข้าท่ากว่านี้ก็ยินดีนะครับ
โรคอารมณ์สองขั้วเป็นความผิดปกติทางอารมณ์
ผู้ที่เป็นจะมีอารมณ์และพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน
2 แบบ
แบบแรกมีลักษณะอารมณ์และพฤติกรรมออกเป็นแบบซึมเศร้า
แบบที่สองมีลักษณะคึกคักพลุ่งพล่าน
ซึ่งเรียกว่าเมเนีย (mania)
จากภาพจะเห็นว่าผู้ที่เป็นจะอารมณ์เปลี่ยนแปลงไปจากปกติเป็นช่วงๆ
โดยเป็นแบบซึมเศร้าตามด้วยช่วงเวลาที่เป็นปกติดี
จากนั้นอีกเป็นปีอาจเกิดอาการแบบเมเนียขึ้นมา
บางคนอาจเริ่มต้นด้วยอาการแบบเมเนียก่อนก็ได้
และไม่จำเป็นต้องตามด้วยอาการด้านตรงข้ามเสมอไป เช่น อาจมีอาการแบบ
ซึมเศร้า - ปกติ –
ซึมเศร้า - เมเนีย
เขามีอาการอย่างไร
ผู้ที่เป็นจะมีอาการแสดงออกมาทั้งในด้านอารมณ์ ความคิด
และพฤติกรรม โดยในแต่ละระยะจะมีอาการนานหลายสัปดาห์
จนอาจถึงหลายเดือนหากไม่ได้รับการรักษา
ในระยะซึมเศร้า
ผู้ที่เป็นจะรู้สึกเบื่อหน่ายไปหมด จากเดิมชอบอ่านหนังสือพิมพ์
ติดละคร หรือดูข่าว ก็ไม่สนใจติดตาม อะไรๆ ก็ไม่เพลินใจไปหมด
คุณยายบางคนหลานๆ
มาเยี่ยมจากต่างจังหวัดแทนที่จะดีใจกลับรู้สึกเฉยๆ
บางคนจะมีอาการซึมเศร้า อารมณ์อ่อนไหวง่าย
ร้องไห้เป็นว่าเล่น บางคนจะหงุดหงิด
ขวางหูขวางตาไปหมด ทนเสียงดังไม่ได้
ไม่อยากให้ใครมาวุ่นวาย
อาการเบื่อเป็นมากจนแม้แต่อาหารการกินก็ไม่สนใจ
บางคนน้ำหนักลดฮวบฮาบสัปดาห์ละ 2-3
กก.ก็มี
เขาจะนั่งอยู่เฉยๆ ได้เป็นชั่วโมงๆ
ความจำก็แย่ลง มักหลงๆ ลืมๆ เพราะใจลอย ตัดสินใจอะไรก็ไม่ได้
เพราะไม่มั่นใจไปเสียหมด เขาจะมองสิ่งต่างๆ ในแง่ลบไปหมด
คิดว่าตัวเองเป็นภาระของคนอื่น ไม่มีใครสนใจตนเอง
ถ้าตายไปคงจะดีจะพ้นทุกข์เสียที
หากญาติหรือคนใกล้ชิดเห็นเขามีท่าทีบ่นไม่รู้จะอยู่ไปทำไม
หรือพูดทำนองฝากฝัง สั่งเสีย อย่ามองข้ามหรือต่อว่าเขาว่าอย่าคิดมาก
แต่ให้สนใจพยายามพูดคุยกับเขา รับฟังสิ่งที่เขาเล่าให้มากๆ
ถ้ารู้สึกไม่เข้าใจหรือมองแล้วไม่ค่อยดี
ขอแนะนำให้รีบพาไปพบแพทย์เพื่อรักษาโดยเร็ว
ในทางตรงกันข้าม
ในระยะเมเนีย เขาจะมีอาการเปลี่ยนไปอีกขั้วหนึ่งเลย
เขาจะมั่นใจตัวเองมาก รู้สึกว่าตัวเองเก่ง ความคิดไอเดียต่างๆ
แล่นกระฉูด เวลาคิดอะไรจะมองข้ามไป 2-3
ช็อตจนคนตามไม่ทัน การพูดจาจะลื่นไหลพูดเก่ง คล่องแคล่ว
มนุษยสัมพันธ์ดี เรียกว่าเจอใครก็เข้าไปทักไปคุย
เห็นใครก็อยากจะช่วย
ช่วงนี้เขาจะหน้าใหญ่ใจโต
ใช้จ่ายเกินตัว ถ้าเป็นคุณตาคุณยายก็บริจาคเงินเข้าวัดจนลูกหลานระอา
ถ้าเป็นเจ้าของบริษัทก็จัดงานเลี้ยง แจกโบนัส มีโครงการโปรเจคต่างๆ
มากมาย
พลังของเขาจะมีเหลือเฟือ
นอนดึกเพราะมีเรื่องให้ทำเยอะแยะไปหมด ตีสี่ก็ตื่นแล้ว
ตื่นมาก็ทำโน่นทำนี่เลย ด้วยความที่เขาสนใจสิ่งต่างๆ มากมาย
จึงทำให้เขาวอกแวกมาก ไม่สามารถอดทนทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้นานๆ
เขาทำงานเยอะ
แต่ก็ไม่เสร็จเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง (เหมือนผู้เขียนเลยแฮะ)
ความยับยั้งชั่งใจตนเองมีน้อยมากเรียกว่าพอนึกอยากจะทำอะไรต้องทำทันที
หากมีใครมาห้ามจะโกรธรุนแรง
อาการในระยะนี้หากเป็นมากๆ จะพูดไม่หยุด เสียงดัง
เอาแต่ใจตัวเอง
โกรธรุนแรงถึงขั้นอาละวาดถ้ามีคนขัดขวาง
อาการระยะซึมเศร้าจะเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป
มักเป็นหลังมีเรื่องกระทบกระเทือนใจ เช่น สอบตก เปลี่ยนงาน
มีปัญหาครอบครัว แต่จะต่างจากปกติคือเขาจะเศร้าไม่เลิก งานการทำไม่ได้
ขาดงานบ่อยๆ มักเป็นนานเป็นเดือนๆ
อาการระยะเมเนียมักเกิดขึ้นเร็ว
และเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ จนภายใน 2-3
สัปดาห์อาการจะเต็มที่อารมณ์รุนแรง
ก้าวร้าวจนญาติจะรับไม่ไหวต้องพามาโรงพยาบาล อาการในครั้งแรกๆ
จะเกิดหลังมีเรื่องกดดัน แต่หากเป็นหลายๆ
ครั้งก็มักเป็นขึ้นมาเองโดยที่ไม่มีปัญหาอะไรมากระตุ้นเลย
ข้อสังเกตประการหนึ่งคือคนที่อยู่ในระยะเมเนียจะไม่คิดว่าตัวเองผิดปกติ
มองว่าช่วงนี้ตัวเองอารมณ์ดีหรือใครๆ ก็ขยันกันได้
ในขณะที่หากเป็นระยะซึมเศร้าคนที่เป็นจะพอบอกได้ว่าตนเองเปลี่ยนไปจากเดิม
ในระยะซึมเศร้าหากคนใกล้ชิดสนใจมักสังเกตไม่ยากเพราะเขาจะซึมลงดูอมทุกข์
แต่อาการแบบเมเนียจะบอกยากโดยเฉพาะในระยะแรกๆ ที่อาการยังไม่มาก
เพราะดูเหมือนเขาจะเป็นแค่คนขยันอารมณ์ดีเท่านั้นเอง
แต่ถ้าสังเกตจริงๆ ก็จะเห็นว่าลักษณะแบบนี้ไม่ใช่ตัวตนของเขา เขาจะดู
เวอร์ กว่าปกติไปมาก
อาการในระยะซึมเศร้า
|
อาการในระยะแมเนีย
|
มีอาการซึมเศร้า
หรือเบื่อหน่าย ความสนใจหรือความเพลินใจในสิ่งต่างๆ
ลดลงอย่างมาก
|
มีอารมณ์ครึกครื้น
แสดงออกอย่างเต็มที่ หรืออารมณ์หงุดหงิดมากเกินปกติ
|
รู้สึกตนเองไร้ค่า เป็นภาระ หรือรู้สึกผิด
|
รู้สึกว่าตนเองเก่ง
หรือมีความสำคัญมาก
|
นอนไม่หลับ
หรือนอนมากกว่าปกติ
|
ความต้องการนอนลดลง
|
เชื่องช้า หรือกระวนกระวาย
|
ความคิดพรั่งพรู
แล่นเร็ว
|
อ่อนเพลีย
ไม่มีเรี่ยวแรง
|
มีพลัง
มีกิจกรรม โครงการต่างๆ มากมาย
|
สมาธิลดลง
ลังเลใจ
คิดอยากตาย
เบื่ออาหาร ผอมลง
|
วอกแวก
สนใจไปทุกสิ่งทุกอย่าง
หุนหันพลันแล่น ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
พูดมาก หรือพูดไม่หยุด
ไม่ตระหนักว่าตนเองผิดปกติไปจากเดิม
|
คลิกหน้าต่อไปเรื่องการวินิจฉัยและการรักษา