สวัสดีครับ...
เรื่องของสะพานไม้ที่ผม "หลงรัก" นั้น
ถือเป็นเกียรติสำหรับผมที่มีคนนำไปบอกเล่ากันต่อๆ กันไปนะครับ
วันก่อนผมได้รับเมล จากเด็กคนหนึ่งที่ตอนนี้ไปทำงานอยู่กรุงเทพฯ
เขาคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนของเขามาก
ยิ่งมาเจอเรื่องราวหมู่บ้านของตัวเองในบันทึกผม..
ก็ยิ่งคิดถึงบ้าน..
เป็นการคิดถึง ที่ทำให้เขามีพลังที่ใช้ทำงานเลี้ยงตัวเอง
เขาจากบ้าน-เพราะความยากจน โดยแท้
นั่นคือ..
พลังชีวิตที่ผมได้รับ...
เฉกเช่นการได้รับในเรื่อง "สะพานไม้" ....ในวันนี้ด้วยเช่นกัน
สุขภาพกายและใจ...แข็งแรงๆ นะครับ
***** ***** *****
ข้างบนเป็นจดหมายเมล์ตอบอนุญาต กลับมาจากอาจารย์พนัส (อ.แผ่นดิน) เรื่องสะพานไม้ ซึ่งดิฉันไปอ่านในบันทึกแล้วติดใจ อยากนำบันทึกบางส่วน ภาพที่สวย สะดุด ฉุดพาเรากลับไปหวนคำนึงถึงอดีต จึงเชื้อเชิญ(ฉก)มาใน บล็อกสนทนาวิสาสะ
ใช่แล้วค่ะ ในอดีตดิฉันเคยคุ้นกับสะพานไม้อยู่บ้าง เป็นสะพานที่ทอดตัวจากริมหมู่บ้าน หรือ กล่าวได้ว่า ข้าง ๆ หมู่บ้านริมทะเลชายเลนของเพื่อน ๆ วัยเด็ก เป็นสะพานปลา สะพานที่ชาวประมงท้องถิ่น จะนำเรือมาจอด โดยเริ่มลงเดิน..ลากจูง..ตั้งแต่รอยต่อของชายทะเลต่อกับแผ่นดิน..ลากจูงเรือหาปลาลำน้อยของเขามาที่ริมหาดทรายซึ่งแถว ๆ บริเวณหมู่บ้านที่ดิฉันมีภูมิลำเนาอยู่เป็นชายหาดแบบชายเลน
เขานำปลาตัวเล็กตัวน้อยมาขายชาวบ้านก่อน ปลาที่ตัวโต งาม ๆ เก็บไว้ขายร้านอาหาร หรือ ระบบตลาดซื้อขายส่งเป็นอย่างไร เรายังเด็กนัก จึงไม่ทราบ
พ่อของดิฉันมักพาดิฉันไปดู และซื้อเหมามาในราคาไม่แพง นำมาปรุงอาหาร สำหรับลูก ๆ ซึ่งมีหลายคน..
ดูภาพ อ่านบันทึก อาจารย์แผ่นดินดีกว่า ภาพสวย คำไพเราะค่ะ
***** ***** *****
สะพานไม้.. สะพานที่ผมหลงรักอย่างไม่ลังเล
ไม่รู้อะไรกันนักหนา..ผมหลงรักสะพานไม้เป็นชีวิตจิตใจ รักและหลงรักราวกับชายหนุ่มต้องมนต์เสน่ห์ของหญิงสาวคนรักผู้เป็นยิ่งกว่าชีวิตของตนเอง
ล่าสุดเมื่อวานนี้ที่เดินทางไปราชการประสานงานการลงพื้นที่ของนิสิตที่บ้านแกดำ หมู่ที่ 1 (เทศบาลตำบลแกดำ อ.แกดำ จ.มหาสารคาม) มีโอกาสยลโฉมสะพานไม้ที่ทอดตัวอย่างทระนงจากฟากหนึ่งไปสู่อีกฟากหนึ่งของหนองน้ำแกดำที่น่าจะมีความยาวราว ๆ เกือบ 1 กิโลเมตร
จากปากคำของผู้เล่าในห้วงสั้น ๆ ผมรับรู้ได้อย่างผิวเผยว่าสะพานไม้นี้น่าจะมีความยาวที่สุดในบรรดาสะพานไม้ที่พบในจังหวัดมหาสารคาม อีกทั้งยังน่าจะมีอายุเก่าแก่ยาวนานไม่ต่ำกว่า 20 กว่าปี หรืออาจจะมากกว่านั้นเป็นเท่าตัว !
สะพานไม้ดูขรึมขลัง ซ่อนแฝงความอบอุ่นและอ่อนโยนราวกับชายชราผู้เอื้ออาทรต่อบุตรหลาน ..แข็งแรงและสง่างามอย่างน่าประทับใจ !
ผมพยายามเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามซ้ำถึงที่มาที่ไป กระนั้นก็ยังไม่มีใครบอกกล่าวเล่าแจ้งถึงการเกิดขึ้นของสะพานไม้นี้ได้อย่างชัดเจน หากแต่ยืนยันกับผมว่าทันทีที่คณะนิสิตลงสู่พื้นที่ ปากคำประวัติศาสตร์ในเรื่องของสะพานก็จะแจ่มชัดขึ้นอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ดี, ผมก็พอรู้มาบ้างว่าสะพานนี้เชื่อมระหว่างชุมชนบ้านแกดำกับบ้านเขวาที่อยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งของหนองน้ำแกดำ (ระยะหลังเรียกอ่างเก็บน้ำแกดำ) สร้างขึ้นโดยอดีตนักการเมืองรุ่นเก่าแก่ที่ครั้งหนึ่งเคยมีชีวิตอยู่ในละแวกนี้
สะพานไม้ได้ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อเป็นเส้นทางสัญจรที่เชื่อมโยงให้คนสองฟากฝั่งได้ผูกพันและไปมาหาสู่กันอย่างสนิทชิดเชื้อ .. จากรุ่นสู่รุ่น จากวันสู่วัน จากเดือนสู่เดือนและจากปีสู่ปีอย่างไม่ลบเลือน
วันนั้นในห้วงเวลาสั้น ๆ ผมไม่ลังเลที่จะก้าวเดินไปตามแผ่นพื้นไม้กระดานที่ทอดกายเรียงรายรองรับวิถีสัญจรอันยาวเหยียด บางแผ่นยังคงชิดติดแน่น บางแผ่นแหว่งโหว่สุ่มเสี่ยงต่อการพลัดตกลงสู่ห้วงน้ำ ขณะที่เสาสะพานที่เป็นท่อนไม้ต่างขนาดก็ยังคงปักดิ่งลงสู่ท้องน้ำเรียงรางเป็นทิวแถวยาว ....บ้างมั่นคงแน่นหนา บ้างโยกไหวโอนเอน ...
ผมยืนนิ่งซึมซับในวิถีนิ่งสงบของท้องน้ำและสะพานอันขรึมขลังอย่างมีความสุข ลมแล้งอันเบาสบายพัดพาความเย็นชื้นมาเยือนอย่างไม่ขาดห้วง ผมเหลือบเห็นนกน้ำหลายตัวบินโฉบร่อนลงกลางแพผืนของผักตบชวา หมู่ปลาตัวน้อยแวกว่ายในน้ำใสอย่างน่าเอ็นดู ....ขณะที่ผู้คนจำนวนหนึ่งกำลังสัญจรผ่านไปมาบนสะพานไม้อย่างมีความสุข ...
ผมหลงรักสะพานไม้อันสง่างามนี้ยิ่งนัก รักและหลงรักอย่างไม่ลังเลถึงเหตุและผล....
ไม่นานนักหรอกที่ผมจะไปเยือนที่นี่อีกครั้ง... พร้อมกับใช้เวลาอันมากมายเพื่อให้หัวใจของตนเองได้มีเสรีต่อการสัญจรไปบนบนสะพานทีละก้าว ทีก้าว...
รวมถึงการพลิกย้อนไปสู่ต้นตำนานการก่อเกิดของสะพานแห่งนี้ร่วมกับชาวบ้านอย่างเป็นทางการอีกสักครั้ง
หมวดหมู่: เรื่องทั่วไป
คำสำคัญ: บ้าน วิถีทุ่ง คนที่รักและความทรงจำไม่รู้จบ
สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการ *เรียนขออนุญาตแล้วค่ะ
สร้าง: พ. 28 มี.ค. 2550 @ 22:28 แก้ไข: พ. 08 ส.ค. 2550 @ 02:53 ขนาด: 14787 ไบต์
ขอบคุณมากๆ ครับ..ที่นำพาบันทึกนี้กลับมาอีกหน...
ภาพต่อจากนี้ เป็นภาพที่ผมบันทึกไว้เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา...
ผมกลับไปเยี่ยมและติดตามการใช้ประโยชน์ของศาลาที่ตั้งอยู่ริมน้ำ
วันนั้น-ฝนโปรยสายเป็นระยะๆ
จนบัดนี้ ผมก็ยังหลงรักสะพานไม้ในทุกๆ แห่งที่พบเจอมา..
ส่วนภาพจากนี้ เป็นภาพที่ไปเจอแถวอำนาจเจริญ ...
http://gotoknow.org/blog/pandin/233291
ขอบคุณครับ
สะพานไม้ดูขรึมขลัง ซ่อนแฝงความอบอุ่นและอ่อนโยนราวกับชายชราผู้เอื้ออาทรต่อบุตรหลาน ..แข็งแรงและสง่างามอย่างน่าประทับใจ !
แวะมาชมสะพานไม้..ซึ่งณ เวลานี้เหลือน้อยมากมากนะคะ
ประทับใจกับสะพานไม้... เห็นแล้วเหมือนต้องมนต์จริงๆ ด้วยค่ะ
. Sila Phu-Chaya ดีใจค่ะ ที่มีคนหลงรัก ประทับใจสะพานไม้เหมือนเรา
อาจารย์แผ่นดินคะ มีแฟนคลับ สะพานไม้ เพิ่มอีกแล้วค่ะ
แผ่นดิน อาจารย์คะ ภาพที่มาเพิ่ม ยิ่งเพิ่มมนต์เสน่ห์สะพานไม้ นะคะ เสียดายว่าในคลังภาพของดิฉันเองยังไม่มีเลยค่ะ
มีภาพนี้ แนบมาให้ก่อนนะคะ ของเพื่อนค่ะ ที่ไหนยังไม่ได้ถาม
ตามมาอ่าน เพราะเห็นพูดถึง อ.แผ่นดิน
รูปสะพานสวยดี ชอบดูธรรมชาติค่ะ
berger0123 ตามไปฟังเพลงแล้วค่ะ
"ซื่อตรงต่อเวลา"..อืม..ความหมายดี๊ดี..
addขอโทษน้องแอ๊ด ที่ตอบช้ามาก ๆ
วันนี้คิดถึงสะพานไม้..จึงเพิ่งมาตอบ
ค่ะ สะพานไม้น้อยลง ๆ
แถวนครชัยศรี ที่พี่เล็งไว้อีกแห่งคือ สะพานสูงเหนือแม่น้ำนครชัยศรี
เมื่อไหร่ที่เลิกผัดผ่อนตัวเอง มีเวลาพอสมควร(ทางเข้านครชัยศรีทำถนนค่ะ รถติดเชียวค่ะ)จะโพสต์ภาพมาโชว์ค่ะ
ดิฉันเป็นชาวบ้านคนหนึ่งในหมู่ที่ 1 ต.แกดำ อ.แกดำ จ.มหาสารคาม สะพานไม้แห่งนี้ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของหมู่บ้านนี้ก็ว่าได้ ถ้าไม่นับหลวงปู่จ้อย ปัจจุบันดิฉันอายุเกือบจะสี่สิบอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ แต่เชื่อหรือไม่ว่า พอจำความได้ ดิฉันก็เห็นสะพานไม้แห่งนี้แล้ว หากนับว่าสะพานนี้มีอายุเท่ากับตัวเองนั้นยังคงน้อยไปอีกด้วยซ้ำ สะพานไม้เคยมีผู้บริหารบ้านเมืองบางคนอยากจะรื้อทิ้ง เพราะเห็นว่าไม่สวยงาม บดบังทัศนียภาพของหนองน้ำแห่งนี้ แต่หารู้ไม่ว่าหากหนองน้ำแกดำแห่งนี้ไม่มีสะพานไม้นี้ ก็จะทำให้หนองแห่งนี้ไม่มีชีวิตชีวาอีกต่อไป แต่ก็ไม่อาจต้านแรงชาวบ้านที่ไม่ยอมให้เส้นทางชีวิตของพวกเขาถูกทำลายได้ บางครั้งสะพานอาจจะชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา แต่พวกเราชาวบ้านที่นี่ก็จะร่วมมือร่วมแรงร่วมใจกันซ่อมแซมอย่างไม่รีรอที่จะของบประมาณจากทางการมาช่วยเหลือ เพราะสะพานแห่งชีวิตของพวกเขา จะต้องอยู่ต่อไปคู่กับชุมชนแห่งนี้
ศิริพร โยทะคง ขอขอบคุณค่ะที่มาฝากข้อมูลไว้ที่นี่
ชอบสะพานไม้นี้มาก อ่านพบแล้วรักต้องตามไปขอผู้บันทึก อาจารย์แผ่นดิน นำมาไว้ในสมุดของเราเอง
ขนาดนั้นเลยค่ะ
เรียนอาจารย์ หาเจอแล้ว....แต่การแลกเปลี่ยนคงไม่เหมือรเดิม เพราะเขียนใหม่
ภาพสะพานที่นำมาให้ชม "สวยลึก งามล้ำ"
เด็กบ้านนอก หรือเด็กริมคลองล้วนผ่านประสบการณ์กับสะพาน
สะพานคือแหล่งรวมใจของหมู่บ้าน สร้างทำสะพานสัญจรแต่ละครั้งจะเห็นความร่วมมือของคนในชุมชน (สะพานส่วนรวม
สะพานส่วนตัว สะพานไม้หมาก อายุการใช้งานปีเดียวตามฤดู"หยาม"
สะพานอกแตก คือสะสะพานที่ทอดไม้สองข้างประมาณล้อรถสองข้างผ่านได้ ตรงกลาง ปล่อยว่าง
(เกิดอุบัติเหตุจากสะพานอกแตกปล่อยครั้ง ที่พลัดตกไปกลางสะพานทั้งคนทั้งรถ)
สะพานไม่ว่าเล็กใหญ่ ยาวสั้น หรือสะพานไม้หมากดุ้นเดียว ย่อมต้องมีราวสะพาน
คนใต้ทำสะพานไม่มียาว ถือว่าทำสะพานไม่เสร็จ ไม่สวย ไม่มีเสน่ห์ (นอกจากทำราวสะพานเพื่อความปลอดภัย)
เพราะเขาเปรียบ สะพานไม่มีราวไว้ว่า "พานหม้ายราว เหมือนสาวหม้านุม(นม) หนุ่ม หม้ายหนวด" ขาดเสน่ห์
สะพานไม่มีราวไว้ว่า "พานหม้ายราว เหมือนสาวหม้านุม(นม) หนุ่ม หม้ายหนวด" ขาดเสน่ห์
พี่ วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--คะ
ชอบคำพูดนี้จัง เอาไว้สอนลูกค่ะ ลูกหลานคนใต้เหมือนกัน
ขอบคุณภาพสะพานสวยคลาสสิคด้วยค่ะ