เสียงดนตรีนั้นเป็นองค์ประกอบในวิถีชีวิตมนุษย์มานานแสนนาน และมีบทบาทที่สำคัญสำหรับภาคธุรกิจในปัจจุบัน จนหนุ่มสาวเฒ่าแก่ต่างฟังเสียงดนตรีกัน เพียงแตกต่าง ในเนื้อหา สาระ ท่วงทำนอง ที่มาที่ไปกันเกือบจะตรงข้ามเลยก็มี
ทุกคนคงไม่ปฏิเสธว่าชอบฟังดนตรีไม่แนวใดก็แนวหนึ่ง สำหรับผมนั้น ตั้งแต่ลูกทุ่งยันคลาสสิค ฟังได้หมด ที่โปรดคือเพลงบรรเลงเดี่ยวต่างๆ
เมื่อมาพบกีต้าร์เทพหรืออาจารย์ประสาทที่สวนป่า ด้วยรูปร่างและเครื่องแต่งตัวท่านนั้น มองก็รู้ว่าชั้นเซียนทีเดียว ก่อนที่อาจารย์จะขยับกีต้าร์ ก็เอา mp3 มาเปิดเพลงบรรเลงดังลั่นห้องสวนป่า ผมเหมือนถูกสะกดจิต นั่งเงี่ยหูฟัง เพลงของใครหนา ช่างเสนาะหูเหลือเกิน ไม่เคยฟังเสียงขลุ่ยไม้ไผ่แบบนี้มาก่อนเลย ของ Kitaro ก็มักเป็นเครื่องผสม ของ Yanni ก็จะออกแรงมากกว่านี้ แต่นี่ท่วงทำนองจับจิตจับใจจริงๆ
แอบเดินไปดูแต่ไม่ทราบรายละเอียด เก็บความสนใจไว้ข้างในก่อน
เมื่อกีต้าร์เทพเคล้าคลอขลุ่ยนางฟ้าของน้องจิ ก็ขนลุกไปเชียว ทึ่งในความสามารถเด็ก ไม่พอ ทึ่งในความกลมกลืนที่ อาจารย์ประสาทลูบไล้อารมณ์ออกมาอย่างเหมาะเจาะ กรี๊ดดด หากเป็นวันรุ่นคงส่งเสียงมาแล้ว... มันกระตุกอารมณ์ สร้างบรรยากาศการเข้าสู่สุนทรียสนทนาได้ดีจริงๆ
ผมไม่ทราบรายละเอียดน้องจิมากไปกว่าที่ใครต่อใครเล่าให้ฟังว่า เธอกวาดรางวัลมามากมายหลายเวที ส่วนมากเป็นอีแซวสุพรรณ... แต่ไม่ทราบว่าขลุ่ยเธอนั้นก็มิใช่เล่น
เห็นเธอวิ่งยังกะเด็กๆ ปีนต้นไม้ต้นนี้ ไปต้นโน้น นั่งกินขนมข้างบนต้นไม้กับน้องอ้ายเป็นนานสองนาน
เธอแสดงความสดใส บริสุทธิ์ตรงๆ และทำตามที่ใจอยากทำ แต่เธอก็มีสัมมาคารวะสมกับเป็นศิษย์มีครูผู้ยิ่งใหญ่อย่างครูพิสุทธิ์
ระหว่างกระบวนการเธอชอบมานั่งติดผม แถมแอบนอนหนุนเข่าอีกแน่ะ (เมื่อยชิบโป๋งเลย แต่บอกไม่ได้) อีกครั้งหนึ่ง อาจารย์ให้ทุกคนนอนหลับตาฟังเสียงเพลงเดี่ยวขลุ่ยพิสดารที่ผมสนใจนั้น เธอก็มานอนข้างๆผม แต่ผมนั่งสมาธิ เธอก็หลับปุ๋ยข้างหัวเข่าผม
วันที่เราไปปลูกต้นไม้กันนั้น เธอแหกปากร้องลั่น ลุงบางทรายอยู่ไหน อยู่ไหน เมื่อผมตอบเธอก็วิ่งมาหา มือถือขลุ่ยมาด้วย พักหนึ่งผมก็บอกเธอว่า เอ้า ลุงป้า น้า อาทำงานเหนือย ปลูกต้นไม้กัน น้องจิเป่าขลุ่ยให้ฟังหน่อยซี จะได้หายเหนื่อย เธอไม่เป่า พอดีผมเห็นหมาดำที่ชอบวิ่งตามพวกเราไปไหนต่อไหน มาเดินเล่นตรงนั้น ก็เลยบอกน้องจิว่า งั้นไปเป่าขลุ่ยให้น้องหมาฟังซิ อิอิ
เท่านั้นเอง เธอคว้าขลุ่ยไปนั่งยองๆเป่าทันที ได้ผล เจ้าน้องหมานอนลงฟังขลุ่ยเฉยเลย .....
ผมติดใจเสียงเพลงขลุ่ยไม้ไผ่ที่อาจารย์ประสาทนำมาเปิดเป็นแบคกราวน์การทำสุนทรียสนทนาและอื่นๆ ในที่สุดผมก็ได้ก๊อปปี้มาจากท่านแฮนดี้ ที่กรุณาแบ่งปันให้ผม กลับมาบ้านผมค้นคว้าทันทีว่าคนเป่าขลุ่ยคนนี้คือใคร มันเป็นเสียงขลุ่ยวิเศษจริงๆ....
พบแล้วครับ เขาชื่อ Nawang Khechog เป็นชาวธิเบต ชีวิตในวัยเด็กเที่ยวเร่ร่อนไปได้เรียนวิชาขลุ่ยไม้ไผ้และเครื่องดนตรีพื้นบ้านที่นิยมกันในชนบทธิเบตโดยทั่วไป หลังจากการเข้ายึดครองประเทศโดยคอมมิวนิสต์จีน ในปี 1949 Nawang และครอบครัวอพยพไปอยู่ในอินเดีย ที่นั่นเขาเรียนรู้เรื่องการทำสมาธิและปรัชญาพุทธศาสตร์ และบวชพระนานถึง 11 ปี ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นเขาปฏิบัติธรรมสมาธิแบบฤษีถึง 4 ปี อยู่เชิงเขาหิมาลัยภายใต้การแนะนำขององค์ Dalai Lama ในปี 1986 เขาเป็นผู้อพยพไปอยู่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นที่ที่เขาก้าวเข้าสู่มืออาชีพในด้านดนตรี
ผลงานเขาขายได้ดีมาก เป็นที่รู้จักกันทั่วไป เขามีโอกาสร่วมมือกับนักดนตรีที่ยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่นชื่อ Kitaro รวมไปถึงการท่องเล่นดนตรีทั่วโลกกับเขา นอกจากนี้เขายังแสดงเดี่ยวสดกับนักดนตรีมีชื่อเสียงอีกหลายคน เช่น Philip Glass, Paul Winter, Laurie Anderson, Paul Simon, Natalie Merchant, and Baba Olatunji การแสดงของเขาได้รับการต้อนรับที่กึกก้องโลกทีเดียว
ผมอยากฝันเห็นคนไทยผู้รักในเสียงดนตรีและมีความสามารถทางดนตรีได้สร้างสรรค์ผลงานแนวนี้บ้าง ก็แนวสร้างแรงบันดาลทางจิต ภายใน กระทุ้ง กระแทกสำนึกออกมา
แต่ใครจะไปรู้ว่า ขลุ่ยนางฟ้าคนนี้
คนที่เป่าให้น้องหมาหลับได้นี้
อนาคตคือ ขลุ่ยนางฟ้าจริงๆ
---------------------------------
แหล่งข้อมูล : http://en.wikipedia.org/wiki/Nawang_Khechog
http://www.amazon.com/Nawang-Khechog/e/B000AQ02SE