อ่านแล้วรู้สึกดีมากเลย


แม่ พ่อ และลูกสาวสามคน

กรรมฐานที่มิชิแกน                                               

ทำไมจึงต้องฝึกสติ

ทุกปัญหามีทางออก ถ้าคิดเป็น

ลูกสาวคนโตของผมกำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย คณะเภสัชศาสตร์ ปีที่ ๔ มาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องเรียน เนื่องจากได้คะแนนไม่ดีในบางวิชาที่อาจจะทำให้ต้องเรียนซ้ำเวลาในภาคฤดูร้อน ซึ่งเป็นเวลาช่วงนั้นจะต้องไปเป็นนักศึกษาฝึกงานกับบริษัทขายยาในสหรัฐอเมริกา ตอนนั้นผมได้มีโอกาศดูวีซีดีของ ดร.สนอง วรอุไร เรื่อง ชีวิตหลังความตายซึ่งได้รับเป็นธรรมทานมาจากวัดป่าชิคาโก ความตอนหนึ่งได้บรรยาย ว่าการทำสติเพียงวันละ ๑๕ นาทีได้ช่วยเหลือการเรียนของลูกศิษยท่าน สมัยที่ท่านยังเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เรียนสำเร็จ

 


 ทำให้ผมนึกถึงเมื่อตอน เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตรปี ๓ เป็นเวลาปิดภาคฤดูร้อน ผมได้มีโอกาสบวชกับพี่ชายที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญเป็นเวลา ๔๕ วัน และพี่ชายไม่ขัดข้อง เพราะได้เตรียมของทุกอย่างไว้หมดแล้ว คุณแม่มีความสุขมาก ที่มีโอกาสเห็นลูกชายสองคนได้บวชเรียนและปฏิบัติสมถะกรรมฐาน อันเป็นบุญสุงสุดของพุทธศาสนา พร้อมกัน หลังจากบวชได้ ๑๕ วัน มหาวิทยาลัยก็เปิดเทอมพอดี ผมต้องขาดเรียนต่ออีก ๓๐ วัน และในเทอมนั้นผมได้ลงทะเบียนเรียนวิชากฎหมายของคณะนิติศาสตร์ ๔ วิชา คณะรัฐศาสตร์ การปกครอง ๑ วิชา ซึ่งก่อนบวชผมได้เตรียมซื้อหนังสือเรียนเพื่อจะนำไปเรียนด้วยตัวเองที่วัด แต่พอบวชเข้าจริงๆก็ไม่ได้อ่านเลย ตำรากฏหมายที่เตรียมไว้ก็วางกองอยู่บนพื้นกุฐิ ตลอด ๔๕ วันได้ปฎิบัติวิชาธรรมกายของหลวงพ่อวัดปากน้ำ โดยในระหว่างนั้นได้ใช้เวลา ๗ วันผลัดกันกับพระพี่ชายเข้ากรรมฐานคนเดียวในกุฎิ ไม่มีการพูดคุย ปิดกุฎิอยู่คนเดียว พิจารนาแต่องค์พระให้อยู่ศูนย์กลางกาย บวชครบ ๔๕ วันก็ลาสิกขาบท เช้าวันแรกหลังจากสึกได้ฟังเสียงเพลงวิทยุของเพื่อนบ้าน เสียงเพลงช่างเพราะจริงๆ คงเป็นเพราะฝึกสมถะมานาน อารมณ์คงเป็นหนึ่งเดียว

เมื่อไปเรียนวิชากฎหมาย ของคณะนิติศาสตร์ กับอาจารย์ไตรรงค์ไม่ว่าอาจารย์พูดอะไรมาดูเหมือนเสียงจะเข้าในจิต เข้าใจและจำได้ดี ผลการเรียนเทอมนั้นผมได้ A สี่วิชาของคณะนิติศาสตร์ ได้ B หนึ่งวิชาของวิชารัฐศาสตร์ รู้สึกแปลกใจว่าทำไมได้คะแนนดีเช่นนั้น คิดไปเองว่าเรียนนิติศาสตร์คงง่าย และเราก็ชอบเป็นทุนอยู่แล้ว หลังจากฟัง ดร.สนองจึงได้คิดว่า การฝึกสติเท่านั้นน่าจะเป็นทางออกของลูกสาวได้

 ด้วยความคิดนี้ ได้ให้ลูกสาวติดต่อกับอาจารย์ไตรพิตรา ทางอีเมล์ ขอให้ท่านช่วยสอนกรรมฐานให้ในช่วง เดือนธันวาคม และอยากให้ลูกได้ปฏิบัติธรรม ๖–๗ วัน ซึ่งน่าจะได้ผลมากกว่า และวัดต่างๆในชิคาโกก็ ไม่มีวัดใดที่มีการบฏิบัติกรรมฐานเกิน ๓ วันเลย แต่ขณะนั้นอาจารย์ไตรพิตราไม่ว่าง จะต้องรอเป็นเดือนเมษายน

 Spring Break เมษายน ลูกสาวได้ไปปฏิบัติธรรม ๖ คืน ๗ วัน พออยู่ได้ ๓ วัน ก็โทรมาขอกลับเร็วขึ้น เพราะเบื่อมาก ผมบอกให้ลูกอดทน ลูกตอบว่า You are mean to me. แต่ก็มีความอุตสาหะอยู่จนครบกำหนด แล้วก็กลับไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย ผลการเรียนเทอมนั้น ลูกสาวดีใจมากเพราะวิชาที่เธอคิดว่าจะได้ ก็ได้ C, และวิชาที่คิดว่าจะได้ ก็ได้ เพื่อนที่ช่วยติวก็ประหลาดใจ บอกเธอว่าเมื่อก่อนสอนอะไรหลายครั้งถึงจึงจะเข้าใจ แต่ตอนนี้พูดครั้งเดียวก็รู้เรื่อง และลูกยังได้คะแนนสูงกว่าคนช่วยติวด้วย ลูกสาวซึ่งไม่เคยเชื่อว่าการปฏิบัติกรรมฐานจะช่วยได้ แต่ผลออกมาดีเกินเหลือเกินคาด เลยมีความศรัทธาไปปฏิบัติในปีที่สองอีกครั้ง ฤดูร้อนในปีนั้น ลูกสาวไม่ต้องเรียนซ้ำชั้น ได้ไปทำงานเป็น Pharmacy Intern สมใจ


จดหมายของลูกสาวคนโต เขียนขอบพระคุณอาจารย์ไตรพิตรา

Dearest P’Dtuk,

Thank you for bringing Buddhism back into my life. I was in a bad place when I first met you, and you cleared all my questions up and put be back into a calmer place. Even though, I was only with you for only a week, I changed and saw the world in a different way. You taught me to look at Buddhism from your teachings in a clear manner that was SIMPLE. Yes you may have had to tell me about a million times, the same thing over and over, but in the end every time I needed to hear it THAT much more. I will also agree with the rest, you are the greatest teacher, and the most important part is that you’re MY teacher. I believe fate brought us together, and when I was younger I wrote my name in your book for a reason. We talk on the phone for DAYS and even SEVERAL times per day. You’re always there to hear my stories and I can trust you. Buddhism is a way of life….and you’ve brought it back into my life. I am grateful for meeting you and am very grateful for being your student. I NEVER in a million years thought I could connect with someone so much older than me, but I can and always will. Happy Birthday. I Love You and ONLY wish you the very best. Thank you for all you have taught me…..and being the best friend anyone could ever have.

 Love
Your student 2
Feb 21,2010

ป้าตุ๊กที่รัก

ขอบพระคุณที่ได้แนะนำดิฉันให้กลับมารู้จักศาสนาพุทธอีกคะ ชีวิตมีแต่ความทุกข์ที่ตอนดิฉันได้พบกับป้าครั้งแรกป้าสามารถอธิบายคำถามต่างๆที่ดิฉันสงสัยมานาน คำตอบของป้าทำให้จิตใจของดิฉันสงบ มีความสุขมากขึ้น ความคิดของดิฉันเปลี่ยนไป แม้ว่าดิฉันได้พบกับป้าเพียงแค่อาทิตย์เดียว ป้าสอนให้ดิฉันได้รู้จักศาสนาพุทธด้วยคำพูดง่ายๆแต่ฟังแล้วเข้าใจแจ่มแจ้ง ถึงแม้ป้าต้องอธิบายให้ดิฉันฟัง อธิบายแล้วอธิบายอีกเป็นหมื่นเป็นแสนครั้ง ดิฉันก็อยากจะฟังอีก ต้องการฟังจริงๆคะ

บุญคงนำให้ป้าและดิฉันมาพบกัน ตอนเด็กๆดิฉันเขียนชื่อตัวเองด้วยลายมือโย้เย้ในหนังสือกรรมฐานที่ป้าเขียน ราวกับว่าได้รู้เรื่องหน้าว่าป้าจะต้องมาสอนดิฉันในอนาคต เขียนไว้ล่วงหน้าเลยคะ เราคุยกันทางโทรศัพท์เป็นวัน วันละหลายๆครั้ง ป้าเป็นกำลังใจให้ดิฉันเสมอเมื่อยามที่ดิฉันต้องการธรรมนำทางชีวิตคะ ป้าเป็นคนนำทางให้ดิฉัน

ชิวีตของดิฉันได้พบแสง สว่างของพระธรรม ดิฉันดีใจที่พบป้าและดีใจที่ได้เป็นลูกศิษย์ของป้า สุขสันต์วันเกิดนะคะ ขอให้ป้าพบแต่ความสุขคะ

รักป้า

ลูกศิย์ป้าคนหนึ่ง

วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓

 

ต่อมาได้ส่งลูกสาวคนที่สองไป หลังจากกลับจากกรรมฐาน ดูลูกจะมีความรู้เรื่องศาสนาพุทธมากขึ้น บอกว่าพ่อควรจะไปลองดู วันกลับพาเธอไปทานไอสครีมที่ Daily Queen เธอบอกว่าเห็นอะไรช้าไปหมด รถก็วิ่งช้า พอกลับมาถึงบ้านเห็นดอกไม้หน้าบ้าน บอกว่าดอกไม้สวยจริงพ่อ ซึ่งเมื่อก่อนนั้นไม่เคยสนใจเลย ผมรู้สึกดีใจ คิดว่าลูกคงจะมีสติดีขึ้น ผลการสอบ  Medical College Admission Test (MCAT) เพิ่มขึ้นจาก ๒๗ เป็น ๓๑

อ่านบันทึกล่าสุด กรรมฐานเปลี่ยนชีวิต  ที่เธอเพิ่งไปหาป้าตุ๊กเป็นครั้งที่สอง เมื่อวันที่ ๑ - ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๔

ลูกสาวคนที่สามได้มีโอกาสไปในตอนปิดเทอมภาคฤดูร้อน ๒๐๐๙ ก่อนมหาวิทยาลัยจะเปิดสามอาทิตย์ วันแรกลูกสาวร้องไห้เพราะเธอเจอแมงมุมในห้อง อาจารย์ถามว่าถูกพ่อบังคับมาหรือ ลูกตอบว่าไม่ แต่มีความทุกข์ในใจ แต่ลูกอยากจะมาเอง เพราะพี่สาวสองคนมาแล้วเธอต้องมาให้ได้ ด้วยความกรุณาของอาจารย์ไตรพิตรา จึงชวนไปดูหนัง กินข้าวข้างนอก แล้วพาไปเดินในสวนสาธารณะเพื่อสงบสติอารมณ์ พอลูกเริ่มดีขึ้น อาจารย์เริ่มสอนวิชาพุทธศาสนาให้เป็นการปูพื้นฐาน จากนั้นก็เริ่มต้นสอนกรรมฐาน ลูกอยู่ครบ ๗ วัน โดยมีข้อแม้ว่าขอนอนบนพื้น ข้างเตียงในห้องนอนอาจารย์ เพราะกลัวแมงมุมจับใจ เป็นนิวรณ์ที่อาจารย์ไม่เคยเห็น พอไปรับกลับลูกก็ไม่พูดอะไรเลยเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม นอกจากบอกผมว่า พ่อดีแต่พูดทำไมไม่มาปฏิบัติด้วยตัวเองหละ ผมบอกลูกว่า จะพยายาม ผลจากการที่ได้ปฏิบัติธรรมครั้งนี้ เมื่อผมบอกให้ลูกสาวปฏิบัติธรรมทุกวัน วันละ ๕ นาทีที่ห้องพักในมหาวิทยาลัย เธอเชื่อผมและพยายามทำ ผลการเรียนในเทอมแรก ได้ ๓.๕ ลูกบอกว่าในเทอมหน้าจะพยายามทำให้ดีกว่านี้

จดหมายของลูกสาวคนที่สาม เขียนขอบพระคุณอาจารย์ไตรพิตรา

August 9th,2009

Dear PaaDtuk

How are you? I miss you already! I especially miss the tranquility of being at your home. I am very grateful to have had the opportunity to experience a seven day meditation retreat with you. You were a great mentor to me, and I’ve learned so much about my Thai culture and myself as a Buddhist. Your explanations were insightful and clear, unlike some explanations I have heard at the temple. Your work as a meditation teacher has inspired me to make meditation a part of my daily life. I cannot thank you enough.

I also cannot wait for you to come to Chicago so you can share your wisdom with my parents. I will try to come home from Iowa that weekend so that I can see you. Now more than ever, I find myself very interest in Buddhism. I plan to get a hold of that Buddhist Psychology book and learn more for myself. Thank you again for believing in me and teaching me. I cherish our week together and I hope that we keep in touch. May you have all the merits I have given you.

Love

Your Student

She is 18 years old was born in the US , has Thai Parents.
She did a week mediation retreat with me Aug, Sunday 2 - Saturday 8, 2009


๙ สิงหาคม ๒๕๕๒

ป้าตุ๊ก ที่เคารพ

ป้าสบายดีหรือเปล่าค่ะ
หนูคิดถึงป้าเสมอค่ะ
โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงความสงบและความสุขทีี่ได้รับ
เมื่อครั้งที่อยุ่ที่บ้านของป้าที่มิชิแกน
หนูรู้สึกว่าโชคดีมากได้มีโอกาศปฏิบัติกรรมฐาน ๗วันกับป้า
ป้าเป็นสุดยอดของกัลยาณมิตรของหนูคะ
หนูได้เรียนรู้วัฒนธรรมไทยและหน้าที่ของพุทธศาสนิกชน
ป้าอธิบายเรื่องพุทธศาสนาให้หนูได้เข้าใจอย่างชัดเจนและแจ่มแจ้งจริงๆ
ไม่เหมือนกับที่เคยได้ฟังจากวัด
การสอนกรรมฐานของป้าทำให้หนูอยากจะปฏิบัติธรรมให้ได้ทุกวัน
กราบขอบพระคุณป้าอีกครั้งคะ
อยากให้ป้าสอนธรรมให้กับคุณพ่อคุณแม่ที่ชิ คาโก
ถ้าป้ามาชิคาโก ในช่วงวันเสาร์อาทิตย์ หนูจะพยายามกลับบ้านเพื่อมาพบป้าคะ
หนูอยากเจอป้ามากมากคะ
ตอนนี้หนูเรียนมหาวิทยาลัยที่ไอโอวาคะ
หนูมีความสนใจในพุทธศาสนาและจะหาหนังสือธรรมมาศึก ษาด้วยดัวเอง
ขอบคุณสำหรับกำลังใจและสั่งสอนหนู และเชื่อว่าหนูจะต้องทำได้
ขอบคุณที่ดูแลและเอาใจใส่หนูมาตลอดอาทิตย์ที่ได้อยู่กับป้า
หวังว่าหนูคงได้มีโอกาสติดต่อกับป้าอีก
ขอให้ป้าได้รับผลบุญทั้งหมดจากการปฏิบัติครั้งนี้ของหนู ร่วมกันนะคะ


ธรรมรักษาค่ะ
ลูกศิษย์ของป้า

 

ถึงคราวของพ่อ

 

การปฏิบัติวิปัสนากรรมฐาน ด้วยการเจริญสติต่อเนื่อง 7 วัน 7 คืน
At Colombiere Center, Clarkton, Michigan

วันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ – วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๒

ดือนตุลาคม ๒๐๐๙ พระอาจารย์ ดร.พระมหาถนัด อัตถจารี (Ven. Dr. Thanat Inthisan) เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ในอเมริกา จาก ดีชี ได้มาเรียนกรรมฐานกับอาจารย์ไตรพิตรา และอาจารย์ได้ชวนนผมให้มาปฏิบัติด้วยกัน เพราะมีการปฏิบัติที่โบสถ์ซึ่งผู้ชายมีโอกาสมาเรียนได้ ตามปกติอาจารย์จะให้แต่ผู้หญิงเท่านั้นที่ปฏิบัติที่บ้านของอาจารย์

วันแรกผมกับพี่สาว มาก่อนพระอาจารย์ ดร.มหาถนัด หนึ่งวัน อาจารย์ไตรพิตราจึ่งได้เริ่มต้นสอนกรรมฐานล่วงหน้าก่อน หลังจากไปไปรับพระอาจารย์ ดร.มหาถนัด ตอนเย็นเริ่มต้นปฏิบัติกรรมฐาน เนื่องสถานทีนี้เดิมเคยใช้เป็นที่พักพื้นของพวกติดยาเสพติดด้วย พอผมเข้าไปใช้ห้องน้ำ เห็นกล่องใช้เข็มฉีดยาที่มีเข็มที่ใช้แล้วอยู่ ก็เกิดความกลัวว่าเราจะไปติดเชื้อจากผู้ที่มาพักก่อน ใจไม่ค่อยดี มารเริ่มมารังคานว่าอย่าปฏิบัติที่นี้เลย เพราะสถานที่ไม่สอาด แต่เนื่องจากมีความศรัทธาหลวงพ่อจรัญ ฐิตะธัมโม วัดสิงห์บุรีมาก ผมจึงอธิฐานขอให้หลวงพ่อช่วยมาบอกหน่อยว่าผมควรจะปฏิบัติ ณ สถานที่นี้ไหม

กรรมฐานสำนึกบาป ร้องไห้คิดถึงแม่

วันรุ่งขึ้น เริ่มปฏิบัติกรรมฐานตั้งแต่ตี ๔ เดินจงกรม และนั่งสลับกัน จนถึงเวลาอาหารเช้า ซึ่งต้องกินอาหารด้วยความสำรวม มีสติทุกขณะ ตอนยกอาหารใส่ปาก ต้องวางช้อนที่จาน แล้วเอามือวางที่ตักก่อน แล้วจึงเริ่มเคี้ยว พอเริ่มมีสติ เห็นชายแก่ที่อาศัยอยู่ในโบสถ์ บางคนต้องนั่งรถเข็น คิดถึงแม่มาทันที เริ่มร้องไห้ แม่ผมเสียไปสามปีที่แล้ว ก่อนตายแม่มาอยู่กับผมที่อเมริกา ได้หกล้มสะโพกหัก ต้องเข้าผ่าตัด เมื่อออกจากโรงพยาบาล ต้องทำกายภาพบำบัดต่ออีกเดือน ผมติดต่อสถานที่พักพื้นคนชราที่มีพยาบาลคนไทยทำงานอยู่ ซึ่งเห็นว่าน่าจะดีที่สุดสำหรับแม่ เพราะมีการบริการดี พาแม่ไปดูสถานที่ ขณะนั้นมีเสียงเอะอะจากคนแก่ดังมาก ถามแม่ว่าอยู่ได้ไหม แม่ยิ้มตอบว่าได้ ทั้งที่แม่คงกลัวเพราะแม่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ และจะต้องอยู่ที่นี้อีก ๓๐ วัน ผมให้แม่อยู่ที่นั่นหนี่งคืน ตอนกลางคืนผมนอนไม่หลับ เพราะสงสารแม่ วันรุ่งจึงตัดสินใจไปรับกลับบ้านเพราะพี่สาวจะหยุดหนึ่งเดือนเพื่อมาพยาบาลแม่ แม่จึงได้มาพักพื้นที่บ้านผมตลอด พอกลับเมืองไทยแล้ว แม่จะพูดอยู่เสมอๆว่า ลูกชายมันเอาแม่ไปอยู่บ้านคนแก่ ก็ไม่รู้ว่าแม่โกรธผมหรือเปล่า

พอเริ่มมีสติอย่างที่หลวงพ่อจรัญพูดไว้ว่าความดีมันจะซิ้งใจ ซิ้งใจมันจะใฝ่ดี ใฝ่ดี มันจะมีสัจจะ สัจจะจะมีเมตตากตัญญูกตเวทตาธรรมทันที.... ร้องไห้เลย ไม่อายใครด้วย รู้สึกเสียใจมากทีทิ้งแม่ไว้คนเดียว ลูกขอทำกรรมฐานเพื่อขออโหสิกรรม ทดแทนพระคุณแม่ แม่จ๋า ลูกขอโทษ

หลวงพ่อจรัญพูดอีกว่าการเจริญกรรมฐาน ต้องระลึกถึงแม่ได้ ระลึกถึงพ่อได้ ถ้าหากสร้างความชั่ว ไม่มีสติ มันก็จะไม่ระลึกถึงความดีอันนี้ นี่อย่างนี้เรียกว่าระลึกชาติ และก็รู้กฏแห่งกรรมที่ทำเอาไว้จากเวทนานี้ด้วย

คำอธิฐานเป็นจริงแล้ว หลวงพ่อคงมาเตือนสติให้อยู่ปฏิบัติ เพื่อทดแทนพระคุณแม่ แม่จ๋าลูกขออภัย จะตั้งใจปฏิบัติเพื่อแม่นะ

ความง่วง เป็นมาร

พอเริ่มปฏิบัติก็เริ่มเจอมาร มันเริ่มมาที่ละตัว ผมเจอตัวแรก ถีนมิทธะ ความง่วงเหงาหาวนอน สองวันแรก มันจะหลับตลอดเวลา หลับแล้วหลับอีก ถามอาจารย์ว่าจะแก้อย่างไร อาจารย์ก็บอกว่าต้องอดทน ต้องฝืนทน พยายามอย่าให้หลับ เพราะผมก็นอนมากพอสมควรแล้วแต่ละวัน อาจารย์เล่าว่าลูกศิษย์ท่านบางคน เดินจงกรมยังหลับได้ ทั้งๆทีเดินอยู่ จึงต้องใช้ความพยายามสุดๆที่จะไม่หลับ บางครั้งแพ้มารก็เผลอหลับไป

วิจิกิฉา ความสงสัย เป็นมาร

วันที่สาม วิจิกิฉามารมาปรากฏ เริ่มมีความสงสัยในการสอนของอาจารย์ เพราะผมเคยทำสมถะมาก่อนไม่ได้ฝึกสติ สมถะจะได้ความสงบ พอได้ความสงบเราก็จะติดเพราะมันความสุขชั่วขณะ ครั้นฝึกสติตอนแรก มันยังไม่ได้ความสงบ จึงต้องเข้าในเรียนถามอาจารย์ เพราะมีความสงสัยในตอนสอบอารมณ์ วันที่สามนี้สติเริ่มดีข้น ความง่วงหายไป

 

ผมขออนุญาตอาจารย์ไปเดินจงกรมในโบสถ์(Main Chapel) อาจารย์ยิ้มๆ และอนุญาต ตามปรกติผู้ปฏิบัติจะออกจากห้องขังเดี่ยวไม่ได้ นอกจากไปห้องน้ำหรือไปรับประทานอาหาร โบสถ์นี้สวยงามมาก กระจกเป็นสีน้ำเงินและสีฟ้า เวลาอยู่ในโบสถ์จะมีความรู้สึกเหมือนอยู่ใต้ท้องทะเลลึก สลัวๆ สงบ เงียบ และวังเวง ผนังกระเบื้องที่ประดิษฐานของพระเยซู ส่งโดยตรงจากอิตาลี สวยสุดจะบรรยาย ผมเลือกทางเดินข้างๆ ระยะทางในการเดินประมาณ ๒๐ ก้าว จากข้างหลังโบสถ์จนไปหยุดหน้าพระแม่มารี เดินไปเดินมา ประมาณหนึ่งชั่วโมง จึงเดินกลับห้อง ทำอย่างนี้ทั้งวันรู้สึกไม่ได้ผล เพราะจะต้องระวังคนเดินเข้ามาใช้หรือเข้าชมในโบสถ์ตลอด ทำให้เสียสมาธิ สติไม่ต่อเนื่อง

สี่วันได้ญาณม้วนเสื่อ

วันที่สี่เจ็บขามาก เพราะต้องเดินช้า เดินมากก็ต้องห้องน้ำมาก เกิดความสงสัยเพราะได้เคยได้ยินว่า ถ้าปฏิบัติธรรมแล้วต้องมานวดมาบีบ มันผิด ไปเรียนถามอาจารย์ อาจารย์ตอบว่าไม่เคยได้ยิน ได้ยินแต่ว่าปฏิบัติแล้วจะมีสุขภาพดีขึ้น อาจารย์เองเคยปวดหัวเป็นประจำ แต่เมื่อปฏิบัติธรรมแล้วความปวดหายไป อาจารย์แนะนำให้เอามือเกาะผนังหรือขอบเตียง เพราะอาจารย์เคยบอกลูกสาวคนโตว่า ถ้าเดินไม่ไหวให้เกาะผนังแทนไม้เท้าช่วยพยุงน้ำหนัก หลังจากการสอบอารมณ์ เริ่มเบื่อมาก เพราะเจ็บขา เก็บที่นอน เก็บกระเป๋า กลับบ้านดีกว่า พอจะกลับจริงๆ ความละอายใจยังมีอยู่ ว่าเราจะแพ้มารอีกแล้ว เลยอยู่สู้ต่อ

ห้องขังเดี่ยว ๗ วัน มองออกไปเห็นแต่ต้นสน

เดินจงกรมระหว่างเตียง หรือระหว่างหัวเตียงเดินประมาณ ๕ ก้าวก็ต้องหยุดแล้ว

เดินกลับ ทำอย่างนี้ประมาณ ๔๕ นาที เสร็จแล้วมานั่งดูการยุบหนอพองหนอของท้อง อีก ๔๕ นาที

สุดท้ายนอนดูลมหายใจ และการพองยุบของท้องอีก ๔๕ นาที

ทำอย่างนี้ สลับไปมา วันละ ๑๐ ชั่วโมง

จากหยดน้ำหยดน้อยหลายร้อยหยด รวมกำหนดเป็นมหาชลาศัย

ตอนนั้นเจ็บขามาก จึงใช้วิธีการเดินจงกรมพร้อมกับเกาะขอบผนังหน้าต่าง ก็สามารถเดินช้าๆได้ เมื่อเดินช้านานๆ ก็เกิดปิติในการเดิน รู้สึกว่าเวลาเดินช้าหรือเกิน เผลอนิดเดียวเดินไปหนึ่งชั่วโมง เกิดปิติ นึกว่าคิดเอาเอง เดินไปเข้าห้องน้ำ แล้วกลับมาเดินจงกรมอีก ความรู้สึกช้าก็ยังคงมีอยู่ ดีใจหนอ หลังจากนั้นนั่งยกมือทำสติ ยกมือช้าๆ ง่ายๆ สบายๆ แบบไม่คิดอะไร เนื่องจากเริ่มมีสติจากการเดินจงกรม สติเริ่มต่อเนื่อง จากหยดน้ำกลายเป็นสายน้ำแห่งสติ เห็นมือตัวเองค่อยๆลอยอยู่บนอากาศ ลอยช้าๆเช่นเดียวกับการเดินจงกรม พร้อมเริ่มหลับตานั่งกรรมฐาน ดูการหยุบนอ พองหนอ ของท้อง เกิดนิมิตรขึ้นมาราวกับเป็นภาพยนต์ มากันเป็นฉากๆ เป็นภาพของเมฆหมอกและแสงอาทิตย์ นึกว่าเป็นสวรรค์เสียเอง กำหนดรู้ว่าเห็นหนอๆ ก็ไม่หาย ผมก็เลยนั่งดูในนิมิตรต่อไปเรื่อยๆ ตอนจะจบได้เห็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ พระอาจารย์ผม ลอยมาปรากฏในนิมิต


ดูจนภาพนิมิตรนั้นหายไป บอกผลการปฏิบัติกับอาจารย์ อาจารย์บอกว่าตอนนั้นคุณสติอ่อน ให้ลืมนิมิตรเสีย แล้วกลับมาทำสติใหม่

 เมื่อไรจะได้มีโอกาศทำดีอีก

วันสุดท้ายของกรรมฐาน รู้สึกเสียดายว่าคงอีกนานคงจะโอกาศดีที่จะความดีอีก เพราะครั้งสุดท้ายที่ทำกรรมฐานนั้นเป็นเวลานานมากเกือบ ๓๔ ปีแล้ว เวลาของเราก็เหลือน้อยแล้ว ตื่นเช้าตอนตีสี่ เดินจงกรมจนได้สติและจิตเริ่มโอนโยน จากนั้นจึงนั่งกรรมฐานพิจารณายุบหนอ พองหนอ ด้วยสติ วันสุดท้ายขอเป็นวันแผ่ความดีและส่วนบุญ

หลวงพ่อจรัญสอนว่า ให้อโหสิกรรมก่อนค่อยแผ่เมตตา อย่าโกรธกัน อย่าเกลียดกัน อย่าผูกใจโกรธใคร เราอธิฐานว่า หากผู้ใดเคยสร้างเวรสร้างกรรมกับข้าพเจ้า ไม่ว่าชาติใดภพใดก็ตาม ข้าพเจ้ายินดีอโหสิกรรมให้ ขอถอนความอาฆาต ความพยาบาท และคำสาปแช่งในทุกชาติ ทุกภพ ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากคำสาบแช่งของปวงชนของเจ้ากรรม ขอให้พ้นจากนรกภูมิ และพบแสงสว่างทั้งทางโลกและทางธรรม

แผ่เมตตาด้วยใจ

จากนั้นเราก็เริ่มแผ่เมตตา เป็นการแผ่ด้วยใจ รู้สึกถึงความสงบเย็นความสุขได้แผ่ออกจากร่างกาย เรา พอพนมมือขึ้น มื่อเริ่มสั่น รู้สึกตัวสั่นด้วยความปิติสุข สุขจริงหนอ ใจเราอ่อนโยนมาก และรับรู้ได้ว่าเราต้องแผ่เมตตาด้วยใจ ไม่ใช่ด้วยคำพูดหรือคำสวด สมจริงดังที่หลวงพ่อจรัญได้สอนไว้.

ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ไตรพิตรา สารเศรษฐศิริ(วิสิษฐ์ยุทธศาสตร์ที่ได้กรุณาให้การสั่งสอนแก่ตัวผมเองและลูกสาวทั้งสามคน

จบการปฏิบัติที่มิชิแกนแต่เพียงเท่านี้

ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลที่เกิดจากการบันทึกเรื่องนี้ แด่มารดา บิดา ครูบาอาจารย์ และ ผู้มีพระคุณทั้งในปัจจุบันชาติและอดีตอนันตชาติ แก่เทพยดาและอมนุษย์ทั้งหลาย ขอจงมีจิตโสมนัสยินดี อนุโมทนาในส่วนกุศล โดยทั่วถึงกันเทอญ 

                                                  อ้างอิง


Website – ของอาจารย์ไตรพิตรา สารเศรษฐศิริ http://dhammaweb.blogsome.com/

ประวัติอาจารย์ไตรพิตรา 

คุณไตรพิตรา วิสิษฐยุทธศาสตร์ เกิดที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.. ๒๔๘๑ เป็นธิดาคนเดียวของพลตรีหลวงวิสิษฐยุทธศาสตร์ และ ม... หญิง เพยีย (นวรัตน) วิสิษฐยุทธศาสตร์ ได้รับการศึกษาชั้นประถมและมัธยมจากโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย จบการศึกษาขั้นเตรียมอุดมจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และจบปริญญาตรีบัญชีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

คุณไตรพิตรา สมรสกับนายแพทย์ไพรัช สารเศรษฐศิริ และเดินทางไปประกอบอาชีพ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา มลรัฐมิชิแกน ตั้งแต่พ.. ๒๕๐๙ มีบุตรี ๒ คนคือ นางสาวพราวรัตน์และนางสาวนริพรรณ สารเศรษฐศิริ

ก่อนปี ๒๕๑๗ คุณไตรพิตรามีโรคปวดศีรษะเป็นโรคประจำตัว มีอาการติดต่อกันมานานหลายปี จนได้รับคำแนะนำจากเพื่อนว่าควรจะหาโอกาสไปศึกษาธรรมะและปฎิบัติกรรมฐาน อาจจะช่วยอาการดังกล่าวให้ทุเลาลงได้บ้าง คุณไตรพิตราจึงได้เริ่มอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับวิปัสสนากรรมฐานจำนวนหลายเล่ม และนอกจากนี้ยังได้กลับเมืองไทยไปฝึกเจริญกรรมฐานจากสำนักกรรมฐานและวัดต่างๆ หลายแห่งทุกปี จนอาการโรคปวดศีรษะได้หายไป พบกับความสุขสงบเข้าแทนที่

Website – ชีวิตหลังความตาย ของ อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

อ่านหนังสือ ชีวิตหลังความตาย

http://www.kanlayanatam.com/voice/drsanong/clip15_1.htm

ความตายเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นเรื่องของความจริง

ในขณะเรามีชีวิตอยู่เวลามีค่ายิ่ง อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย เร่งสร้างความดีกันเถิด
ฟังท่าน ดร. สนอง บอกวิธีเลือกทำสิ่งที่คุ้มค่ากับการเกิดมาเป็นมนุษย์
และวิธีเตรียมตัวตาย เพื่อเลือกเกิดในภพภูมิที่ดีกว่า

คำสำคัญ (Tags): #กรรมฐาน
หมายเลขบันทึก: 387610เขียนเมื่อ 24 สิงหาคม 2010 01:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (22)

เคยฟังท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร แสดงธรรมเหมือนกันครับ

ท่านอาจารย์สนองเป็นนักชีววิทยาที่บรรยายธรรมเกี่ยวกับ..กฎธรรมชาติของจิตได้ดีมาก

ท่านอธิบายได้อย่างแตกฉาน ตรงไปตรงมา และเข้าใจง่ายครับ

ขอบคุณครับ

  • สวัสดีครับ
  • อ่านแล้วรู้สึกดีครับ คงต้องหาเวลาศึกษาและลองฝึกบ้างแล้วครับ
  • ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวดีๆ ครับ

ขอบคุณครับอาจารย์ วัชรชัย

ผมเห็นรูปอาจารย์อุ้มลูก น่ารักดี
ผมเลยไปเอารูปเก่าๆจากห้องลูกสาวคนสุดท้อง
คนที่กลัวแมงมุมน่ะครับ
ตอนเธอยังเป็นเด็ก ๑๕ ปี มาแล้วเห็นจะได้
ช่วยกันอุ้มลูกกันคนละไม้คนละมือ
แม่เขาจะได้พักผ่อน
ถ้าภรรยา Happy ทุกคนก็ Happy ครับ

ขอบคุณครับ คุณชำนาญ

น่าจะลองดูนะครับ

 

สวัสดีค่ะ

หนึ่งโชคดีมากที่มีโอกาสได้ไปปฏิบัติธรรมทุกปี ตั้งแต่สมัยเรียน ทางโรงเรียนจัดให้ไป ปีละ 5 วัน มาเรียนพยาบาลก็ได้ไปปีละ 5 วัน จนจบมาเป็นพยาบาล และย้ายมาทำงานที่ศูนย์มะเร็ง ก็ได้ไปปีละ 5 วัน แรกๆก็คิดแบบเด็กๆค่ะ คือรู้สึกต่อต้าน เหมือนโดนบังคับให้ไป แถมไปแล้วก็ไม่เห็นได้ทำอะไรเลย ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเดิน ยืน นั่ง นอน แหะๆ มีอาการคันยุบยิบๆ ปวดขา เหน็บชา ทรมานไปหมด

แต่ช่วงหลังๆตั้งแต่เรียนจบมานี้ หนึ่งเริ่มเข้าใจ ทำได้นานขึ้น ไม่ปวดไม่เมื่อย เหน็บชาเป็นแล้วก็หาย และรู้สึกว่าเราโชคดีมากที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ^^ และมีโอกาสได้มาปฏิบัติธรรม

 

สวัสดีครับคุณหนึ่ง,

ขอให้คุณหนึ่งมีความเจริญก้าวหน้าในธรรมนะครับ

คนไทยโชคดีมากๆ ที่ทางโรงเรียนและทางโรงเรียนพยาบาลจัดให้มีการไปปฏิบัติธรรมทุกปี  คนทางนี้ต้องขวนขวายหาที่ปฏิบัติเอง  ส่วนมากจะมีแค่สามวัน เข้าวันศุกร์เย็น ลาสิกขาบทวันอาทิตย์หลังเที่ยง สถานที่ก็ไม่เหมือนเมืองไทย  จะมานั่งผูกกลด ใต้ต้นไม้เหมือนในรูปของคุณหนึ่ง เห็นจะหายาก

โชคดีมากๆครับ ที่เกิดมาเป็นคนไทย และพบศาสนาพุทธในประเทศไทย

 

 

สวัสดีค่ะ

ความง่วงเป็นมาร ครูอ้อย มีมารผจญเยอะเลยค่ะ  ต้องฝึกอีกมากค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

อนุโมทนาค่ะกับคุณคนบ้านไกลที่ได้กรุณาเล่าเรื่องดี ๆ (ดีมาก) เช่นนี้มาสู่กันฟังค่ะ อนุโมทนากับการปฏิบัติธรรมให้เกิดกุศลของทุกท่านนะคะ (รวมทั้งคุณลูกสาวทั้งสามของคุณคนบ้านไกลด้วยค่ะ)

ให้ทานคือกำจัดความตระหนี่

ตระหนี่คือ ความหวงแหน ที่คนเรายึดถือไว้

หวงแหนอะไร? หวงแหนสิ่งทั้งหลายอันเป็นสมบัติที่จับต้องได้ และสมบัติที่จับต้องไม่ได้ คือความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ต่างๆ รวมถึงกิเลสทุกชนิด หวงแหนจนไม่รู้ว่าหวงไว้ทำไม แต่จิตสอนว่าต้องยึดถือไว้ก่อน

พระพุทธองค์จึงทรงสอนให้ลำดับขั้นของการปฏิบัติธรรมว่า

ขั้นแรก รู้จักให้ "ให้"แปลว่า เอาของแยกออกไปจากตัวเราแก่ผู้อื่น ก่อนอื่นก็ต้องให้สิ่งที่เรามองเห็น,จับต้องได้ก่อนค่ะ จนจิตเริ่มเห็นชัดมากขึ้นว่า ได้มีความสุขเกิดขึ้นจากการให้ ก็เป็นอันว่าจิตพัฒนาขึ้น จิตที่เคยชินการให้ จะเป็นผู้ให้ได้ง่ายค่ะ ต่อเมื่อจิตปราณีตขึ้นจากการเป็นผู้ให้ ก็เริ่มง่ายต่อการรู้จักละและปล่อยวางสมบัติที่จับต้องไม่ได้ จิตจะพัฒนาต่อไปเป็นผู้ให้อภัย และพอใจกับความสุขที่ได้มาจากการให้อภัย ความสุขอย่างนี้นับว่าเป็นบุญมากในเรื่องของพัฒนาจิตให้พร้อมที่จะก้าวขึ้นระดับต่อไป

ขั้นที่สอง สำรวมจิตสำรวมกาย หรือที่เรียกว่าศีล เมื่อจิตพอใจในความสุขจากการเป็นผู้ให้ แต่จิตมีปรกติคือแส่ส่าย และจดจ้องไม่เป็นที่ ทำให้ความสุขที่มีนั้นไม่คงเส้นคงวา เมื่อเรามารักษาศีล โดยการสำรวมระวังกายระวังจิตให้รู้ว่าต้องหัดควบคุมกายให้อยู่ในกฏเกณฑ์ จิตจะดิ้นรนและหาทางเลี่ยงไม่ให้คนเราเข้ามารักษาศีลโดยง่าย และส่ายไปตามอารมณ์ที่พอใจอื่น ๆ ทำให้ต้องทุกข์บ้างสุขบ้างมากบ้างน้อยบ้าง อันเป็นผลจากการที่ยอมทำตามใจของจิต ดังนั้นพระพุทธองค์จึงทรงสอนให้รู้จักศ๊ล โดยกฏเกณฑ์ของศีลล้วนเหมาะสมต่อการฝึกจิตให้รู้จักเส้นตรงของทางควรเดิน เพื่อรักษาความคงเส้นคงวาของความสุขให้มีมากขึ้นและยกระดับความสุขให้เพิ่มมากขึ้นด้วย อันเป็นการพัฒนาจิตให้ก้าวหน้าต่อไปค่ะ ความสุขระดับนี้เป็นบุญมากและมีบารมีคืออำนาจภายในมากขึ้นต่อการเอาชนะอุปสรรคในชีวิต จิตที่เคยชินต่อการรักษาศีลจะพบว่าชีวิตของตนนั้นมีความสุขยาวนานกว่าแต่ก่อนค่ะ ทำให้เห็นโลกอีกใบหนึ่งที่สวยงามมากขึ้นอันแตกต่างไปจากที่เคยเห็นเมื่อครั้งไม่รักษาศีล เพราะต้องจมอยู่กับความทุกข์มากอันเป็นผลที่การทำตามใจของจิต

ขั้นที่สาม คือการปฏิบัติธรรมค่ะ คนที่ผ่านขั้นที่สองได้ดี จะรู้สึกว่าการปฏิบัติธรรมไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เหมือนเป็นการนำความรู้มาปฏิบัติให้เกิดผลพร้อม ๆ ไปกับการได้เรียนรู้จากครูบาอาจารย์ พระสงฆ์ แต่จะไปถึงผลขั้นไหน ก็ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตนมาตั้งแต่ขั้นแรก ขั้นสอง ว่าอยู่ในแนวทางของมรรคแปดหรือไม่ แนวทางของการหมั่นละชั่วทำดี(สัมมัปปธานสี่)หรือไม่ มีสติสมาธิวิริยะปิติปล่อยวางจนเกิดอุเบกขา พอใจในความสันโดษ สงบกายวาจาใจและรู้จักหมั่นเลือกเฟ้นธรรมพิจารณาเนือง ๆ (โพชฌงค์)หรือไม่ มีความพอใจ ขยัน ใส่ใจ ไตร่ตรอง (อิทธิบาท) หรือไม่ รวมทั้งบุญเก่ามาสนับสนุนบุญที่สร้างขึ้นใหม่ในภพชาติปัจจุบัน อันทำให้เกิด ศรัทธาวิริยะ สติสมาธิปัญญามากน้อยอย่างไร(มีอินทรีย์และพละแข็งแรงเพียงใด) ตลอดทั้งขั้นที่สามนี้สำคัญมากและสำคัญที่สุด เพราะเป็นขั้นกรอง กลั่น ให้จิตเกิดปัญญาไปทีละขั้น ความรู้ของปัญญาที่ได้มา เป็นเฉพาะตนค่ะ แต่ละคนจะได้ประสบการณ์ที่มาของปัญญาที่ไม่เหมือนกัน แต่ผลสุดท้ายย่อมได้ความรู้คือปัญญาตรงกัน ในขั้นที่สามนี้เองที่จิตจะพัฒนาขึ้นจนปราณีตมากขึ้น ไม่ตกอยู่ในอารมณ์แส่ส่ายอย่างแต่ก่อน ผู้ที่ปฏิบัติธรรมย่อมรู้ได้ว่าชีวิตของตนสุขยาวนาน และจิตแข็งแรงเข้มแข็งมากขึ้นแม้ต้องพบอุปสรรคในชีวิต จิตก็ผ่องใสเบิกบานอยูในใจได้และเป็นสุขแบบละเอียดๆ ไม่ติดข้องกับความวุ่นวายของทางโลก จนกระทั่งถึงวันถึงเวลาไดเข้าถึงระดับสุดยอดคือนิพพาน บรมสุขที่ไม่มีการให้ทุกข์มาแทรกได้อีกเลย

พระพุทธองค์มีจริงค่ะ ถ้าปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ แบบปฏิบัติจริง ทำจริง ย่อมได้ผลจริงแท้แน่นอนค่ะ

ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ต้องการเห็นผลจริง คือความสุขไปทีละขั้นจนเกิดปัญญาแท้นะคะ และปัญญานี้เองค่ะจะเป็นที่พึ่งของตนได้แท้จริงค่ะ อนุโมทนากับกิจกุศลที่ทุกทานทำไว้ด้วยดีนะคะ

สวัสดีค่ะคุณคนบ้านไกล

 

รู้สึกดีใจมากที่คลิกเข้ามาอ่าน "อ่านแล้วรู้สึกดีมากเลย"

ครูใจดีก็มีความสนใจในการปฏิบัติธรรม มีโอกาสไปปฏิบัติกรรมฐาน ช่วงปิดเทอมใหญ่ ครั้งละ 7-9 วัน  ชอบค่ะ ทำให้จอตใจนิ่ง และเยือกเย็นขึ้น  และการการปฏิบัติธรรมนี่ะแหละที่ทำให้ครูใจดีเข้ามาเขียนบล็อก เพื่อบอกเล่าความประทับใจจากการปฏิบัติธรรม ได้เขียนเป็นบันทึกแรกค่ะ

* ในบันทึกนี้ มีสาระประโยชน์มากมายให้ศึกษาเรียนรู้  ต้องขอบคุณเป็นอย่่างสูงค่ะ

 

 

 

อนุโมทนากับคุณครูใจดีด้วยค่ะ

เคยสังเกตไหมคะว่า

เมื่อได้มาวัด ก็รู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจ สุขสบายใจขึ้นมา

พอกลับบ้านก็ผจญกับอารมณ์ต่าง ๆ อีก จิตก็ต้องคิดโน่นคิดนี้มีอารมณ์ต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง

วุ่นดีแท้ ไม่ค่อยสงบอย่างตอนที่อยู่วัด

เมื่อใดก็ตามเอา "วัด" ซึ่งเป็นสถานที่นอกบ้านให้มาอยู่ที่ใจ ซึ่งเป็นสถานที่สมมติให้จิตได้ฝึกปฏิบัติธรรมอยู่ตลอดเวลาแม้กายจะไม่ไปวัดก็ตาม หากทำได้อย่างนี้ เมื่อนั้นกายและใจก็ไม่ยึดติด "วัด" ซึ่งเป็็นสถานที่หรือสมบัติภายนอก

เพราะได้ทำเนื้อที่ภายในใจให้เป็นวัด อยู่ที่ใดก็เป็นสุขและได้ร่มเงาแห่งพระพุทธศาสนาให้เย็นกายเย็นใจตลอดเวลาพร้อมกับ

ได้แสงสว่างแห่งพระรัตนตรัยช่วยชี้นำทาง ทำให้จิตอยู่กับสติสัมปชัญญะ เกิดความผ่องใส เป็นความสุขได้นานขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะได้อยู่"วัด"ในใจนี้เองค่ะ "วัด"ในใจจึงไม่ใช่สมบัติภายนอกที่จับต้องได้อีกต่อไปค่ะ

ขอบคุณ คุณคนไม่ติดวัด

ที่กรุณาให้ความกระจ้างแจ้งในธรรม

สาธุ อนุโมทนาครับ

ธรรมสวัสดีครับครูอ้อย ขอให้จบ ดร. เร็วๆนะครับ

ถึงครูใจดี  ชื่นชมในครอบครัวของคุณครูครับ
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยม บ้านเกิดผมอยู่ตะพานหิน
ใกล้ๆกับอุตรดิตถ์ครับ

สวัสดีค่ะ..คุณคนบ้านไกล

เป็นเรื่องราวที่ดีมากๆเลยค่ะ

ต้องบอกต่อเป็นธรรมทาน

 

(ข้อคิด: จิตใจของผู้ใดประกอบด้วยคุณธรรม 5 ประการคือ

1. ไม่ฆ่าและ ไม่เบียดเบียนผู้อื่นและสัตว์ใด ๆให้เดือดร้อน 2. ไม่ขโมย 3. ไม่ประพฤติผิดในกาม 4.ไม่พูดปด 5. ไม่ดื่มน้ำเมามีสุราเป็นต้น ย่อมขึ้นสวรรค์ (พระพุทธภาษิต))

ความรัก คือ ยางเหนียวเกี่ยวยึดให้เกิดอาลัย ความยึดถือมั่น ผูกพันในวัฏฏะ

ความโลภ คือ ตัวถ่วงหน่วงจิตให้จมลงต้องวนเวียนอยู่ในภพสาม

ความโกรธ คือ ไฟได้มาทีไรเผากายเผาใจผู้โกรธก่อนทุกครั้งไป ผูกตนและเวรไว้เหมือนถูกมัดให้อึดอัดเร่้าร้อนภายใน

ความหลง คือ ตัวหลอก กลับกลอกให้จิตสับสน ไม่ให้เห็นสภาพที่แท้จริงของทุกขังอนิจจังอนัตตา หลงโลกมายาไม่สามารถหลุดพ้นวัฏฏโดยง่าย

ละกามตัณหา คือละยางเหนียว ให้หลุด จะได้เป็นอิสระ

ละโลภ คือ ละตัวถ่วง ละบ่วงผูกมัด จิตย่อมเบา คล่องแคล่วยิ่งขึ้น

ละโกรธ คือ ไม่ยุ่งกับไฟ ไม่เล่นกับไฟ จิตใจก็สงบ เย็นกายเย็นใจ

ละหลง คือ สร้างปัญญา จิตเริ่มสว่าง เหมือนคนตาบอดถูกรักษาด้วยพุทธธรรม ทำให้เป็นตาดี

ให้ทานคือ ชำระกิเลสสี่ตัวนี้ในชั้นเปลือกนอก

รักษาศีล คือ ชำระกิเลสสี่ตัวนี้ในชั้นกลาง

ปฏิบัติธรรมภาวนา คือชำระกิเลสทั้งหมด

จิตที่ละ ปล่อยวาง จึงสะอาด สว่างและสงบ เบาและเย็นกายเย็นใจ เป็นความสุขประณีตที่ทุกคนได้มาโดยยาก

ต้องอาศัยศรัทธา วิริยะ ขันติ สติ สมาธิ ปัญญา ควบคุมจิตที่เคยแส่สายทำตามกิเลสมานานให้อยู่ในแนวทางมรรค 8

จึงจะสามารถใช้ศีล(ระดับของจิตใจที่ถูกควบคุมแล้วด้วยดี) เป็นบาทให้แก่สมาธิ เพื่อการเกิดปัญญาแท้จริงในที่สุด

อัศจรรย์จริงหนอ

ต่อไปนี้ขอเล่าเรื่งหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี2520

ข้าพเจ้าเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ครั้งหนึ่งในชีวิตในรั้วโดมนี้ ข้าพเจ้าได้ป่วยเป็นโรคดีซ่านเฉียบพลัน อาการคือตัวหลือง ตาเหลือง และรับประทานอะไรก็ไม่ได้

เพราะทานแล้วอาเจียนออกหมด ร่วมกับอาการอื่น ๆ ซึ่งทำให้หมดแรงและหายใจแทบไม่ได้ มันหอบหนัก

ไม่ว่าจะหายใจเข้าหรืหายใจออก รู้ตัวขณะนั้นว่า นี้เป็นอาการให้รู้ว่าถ้าหายใจเข้าไม่ได้ เราคงตาย

ถ้าหายใจออกไม่ได้เราก็ตายเหมือนกัน ความตายอยู่เพียงเส้นยาแดงที่ลมหายใจนี้เอง ธรรมนี้สอนใจทันที

คุณพ่อรีบส่งโรงพยาบาลด่วน

ข้าพเจ้าได้อยู่ที่ห้อง ไอซียู เพียงสองสามคืน แล้วย้ายมาห้องพิเศษ ตั้งแต่คืนแรกจนถึงคืนที่แปด

ข้าพเจ้าพบเรืองอัศจรรย์ของโลกทิพย์หลายเรีื่อง แต่ขออนุญาตที่จะไม่เล่าเรื่องเหล่านั้น

เพราะหาหลักฐานไม่ได้

แต่จะเล่าคืนที่แปดซึ่งมีเรื่องสำคัญและเป็นหลักฐานยืนยันใด้ กล่าวคือ

ประมาณตีห้าของเช้านั้น ข้าพเจ้ารู้สึกตัวตื่นขึ้นพบว่าแสงไฟบนเพดานกระพริบ ๆ หลายครั้งเหมือนหลอดจะขาด

ข้าพเจ้าจึงเพ่งมอง ด้วยจิตอันเป็นสมาธิ และทันใดนั้นก็ได้เห็นว่าแสงไฟที่กระพริบนั้นได้เปลี่ยนจากสีนวลเหลืองกลายเป็นสีขาวนวลจ้า แต่ไม่แสบตา สว่างมากขึ้นมาทันที ทั้งห้องขาวสะอาด สว่างมาก

มีกลิ่นหอมใกล้เข้ามาทุกที หอมมากเหลือเกิน ไม่หอมฉุนอย่างน้ำหอมที่มีขายทั่วไป

แต่หอมแบบยิ่งดมยิ่งชื่นใจ รู้สึกว่าจะหาดอกไม้ชนิดไหนมาเปรียบไม่ได้เลย

ข้าพเจ้าได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดเหมือนมีคนมานั่งเก้าอี้ เป็นเก้าอี้ที่พับได้ จะมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดเวลาใครลงนั่งหรือลุกขึ้น

เป็นเก้าอี้หลายตัวที่เมื่อคืนวาน เพื่อน ๆ ทั้งในคณะและนอกคณะ ต่างมาเยี่ยมจนดึกแล้วไม่ได้พับเก็บขึ้น ถูกปล่อยให้

พิงกำแพง อยู่อย่างนั้น

แล้วตามด้วยเสียงย๊วบลงบนเบาะโซฟาที่ถัดออกไป

เสียงที่ได้ยินจึงเหมือนการนั่งลงเป็นลำดับ ไม่ได้นั่งพร้อมกัน แสดงว่ามีหลายคน!

ด้วยประสบการณ์ ข้าพเจ้ารู้ว่า ไม่ธรรมดาแน่

จึงรีบลุกขึ้นนั่งในท่านั่งพับเพียบพนมมือขึ้นทันที

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเล็ก ๆ เหมือนระฆังกังวานกล่าวขึ้นมา

เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ

ข้าพเจ้าตอบว่า ดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ

อีกเสียงหนึ่งก็ อืมมม (เหมือนเสียงในลำคอ)

อีกเสียงหนึ่งก็คุยเรื่อง.....

อีกเสียงหนึ่งก็กล่าวขึ้นว่า สงสัยหรือจ๊ะว่ากลิ่นหอมนี้เป็นกลิ่นของอะไร

นี้ เป็นกลิ่นของศีล กลิ่นของศีลย่อมหอมทวนลม หอมฟุ้งไปไกล

แล้วอีกเสียงหนึ่งก็บอกว่า พยาบาลกำลังจะมาที่ห้องนี้ เราต้องรีบไปกันแล้วล่ะจ้ะ

อีกเสียงหนึ่งก็พูดว่า อยากกินอะไรเช้านี้ไหม

ข้าพเจ้าเห็นเป็นโอกาสที่จะพิสูจน์ว่า ที่ข้าพเจ้าได้ยินขณะนี้ไม่ใช่หูฝาด ไม่ใช่จิตหลอก

จึงพูดตอบไปว่า อยากกินราดหน้าผัดกุ้งเจ้าค่ะ

แล้วก็มีเสียงอืมมม

เสียงยวบยาบเอี๊ยดอาดก็ดังขึ้นตามกันอย่างเป็นระเบียบ

แสงไฟบนเพดานกระพริบถี่ ๆ อีกครั้ง แล้วสว่างเป็นแสงนวลเหลืองตามปกติ

ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูแล้วประตูก็ถูกเปิดพรวดทันที

โอ้! คนไข้ตื่นแล้ว ตื่นเช้าจังเลยนะคะ

พยาบาลคนแรกทักขึ้น อีกคนก็บอกว่า คนไข้คนนี้ดีจัง ตื่นขึ้นมาสวดมนต์แต่เช้า

ข้าพเจ้าจึงนึกขำ เพราะหันมาดูตัวเอง ก็เห็นตนเองยังพนมมือนั่งพับเพียบอยู่เลย

พยาบาลก็ขอให้ข้าพเจ้าไปนั่งหน้าระเบียงสักครู่เพื่อให้เขาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและตบหมอนตบฝุ่น

สักครู่เดียว ก็มีคนเข็นรถอาหารซึ่งต้องแจกตามห้อง ข้าพเจ้าตื่นเต้นมากและรีบลุกขึ้นมาดูถาดที่จะต้องส่งห้องที่ข้าพเจ้าพัก

มองไปทุกถาดจะมีห้าถ้วย

แต่มีถาดหนึ่งมีหกถ้วย และมีป้ายหมายเลขห้องที่ข้าพเจ้าพัก จึงอดใจไม่ไหวที่จะพิสูจน์

รีบเปิดดูทุกถ้วย ถ้วยที่หกนั้นเอง ท่านคงรู้ว่าข้าพเจ้าจะตื่นเต้นดีใจสักเพียงใด เพราะเป็นราดหน้าผัดกุ้งจริง ๆ

และได้ีรีบถามออกไปว่า ใครสั่งราดหน้าผัดกุ้งให้ห้องนี้คะ

คนเข็นรถอาหารก็ตอบว่า ไม่รู้ค่ะ คนครัวให้ดิฉันยกขึ้นมา ดิฉันก็ยกมา ถ้าคุณไม่ได้สั่งแล้วใครจะสั่งได้ล่ะคะ

โดนคำถามนี้เลยต้องเงียบ เพราะพูดไปก็มากเรื่องเปล่า ๆ

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ข้าพเจ้านั่งลงกล่าวกราบขอบพระคุณผู้เมตตาทั้งหลายทุกคนทุกดวงจิตที่มาเยี่ยมให้กำลังใจ

และสั่งอาหารมื้อพิเศษให้ข้าพเจ้าได้รับประทาน

อาหารมือนั้นพิเศษจริง ๆ เพราะทานจนหมด รสชาดดีมาก และเมื่อทานจนหมดก็รู็สึกทันทีได้เลยว่าหายแล้ว

เดินไปบอกหมอว่าขอกลับบ้านเพราะหายป่วยแล้ว

แพทย์ที่ประจำตึกไม่อนุญาต แต่บอกให้ข้าพเจ้ารอจนกว่าแพทย์ประจำคนไข้จะมาตรวจและอนญาตเอง

ซึ่งต้องรอถึงตอนเย็น

เมื่อแพทย์มาตรวจก็พูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจ ว่า ดูดีขึ้นเร็วมากทั้งที่สองวันที่แล้วหมอยังคิดว่าต้องให้ข้าพเจ้าพักป่วยต่ออีกสักหนึ่งหรือสองสัปดาห์!

แต่หลังจากตรวจคราวนั้น ก็ได้อนุญาตให้กลับได้ และแซวข้าพเจ้าว่า สงสัยได้ยาดี หมายถึงเพื่อนมาเยี่ยมกันเยอะคนไข้จึงได้กำลังใจดี ข้าพเจ้าก็ยอมรับว่า ค่ะ

แต่ไม่ได้บอกว่า เพื่อนที่คุณหมอกล่าวถึงนั้น ได้หมายรวมเอากัลยาณมิตรผู้มียศ มีศิริ มีรัศมีแห่งบุญเหล่านั้นด้วย

ข้าพเจ้ารู้จักคำว่ากลิ่นของศีล ก็คราวนี้เอง เมื่อได้อ่านพระไตรปิฏกในเวลาต่อมา ก็ได้พบคำพูดนี้ได้ปรากฏในตำราพระไตรปิฏกจริง

กลิ่นของศีลย่อมหวนลม หอมฟุ้งไปไกล และโชคดียิ่งขึ้นทีได้กลิ่นของศีลว่ามีจริง

ยิ่งกว่านั้นก็ได้หลักฐานว่าโลกทิพย์มีจริงอย่างรูปธรรม คือการได้รับประทานอาหารตามที่เล่ามา

ประสบการณ์นี้เป็นเพียงประสบการณ์หนึ่งที่เป็นพื้นฐานให้ข้าพเจ้าเริ่มรักษาศีลแปด กับหลวงตาวัดบวรนิเวศน์ฯ

แทบทุกครั้งที่มีเวลาพักชั่วโมงเรียนที่ธรรมศาสตร์ และเป็นพื้นฐานสำคัญให้ข้าพเจ้าเริ่มปฏิบัติธรรมมากขึ้น

และปฏบัติมาตลอดถึงทุกวันนี้

บุญคือความสุข บุญคือการให้ การรักษาศีล การปฏิบัติธรรม

ขอบคุณที่นำประสบการณ์ดีดีมาแบ่งปันกัน

อนุโมทนาครับผม

ปล.ตามมาจาก Bloggang ที่ไปเยี่ยมผมมาอ่ะครับ

ข้อคิดจากพระอรหันต์ผู้เป็นเลิศทางปัญญา และเป็นอัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า

บุคคลผู้เห็นชอบ(=คนที่มีความเห็นถูกต้อง เชื่อในกฏแห่งกรรมฯ) ย่อมละความเห็นผิดได้

อนึ่ง แม้อกุศลธรรมอันลามก(=ชั่ว, ที่เป็นบาป) มิใช่น้อย ที่บังเกิดเพราะความเห็นผิดเป็นปัจจัยเขาก็ละได้

ส่วนกุศลธรรมมิใช่น้อยย่อมถึงความเจริญบริบูรณ์เพราะความเห็นชอบเป็นปัจจัย

บุคคลผู้ดำริชอบ(=คนที่มีความคิด,ความตั้งใจในทางถูกต้อง ได้แก่คิดและตั้งใจละกาม ออกจากกาม, ดำริในอันไม่พยาบาท, ดำริในอันไม่เบียดเบียน) ย่อมละความดำริผิดได้

อนึ่ง แม้อกุศลธรรมอันลามกมิใช่น้อยที่บังเกิดเพราะความดำริผิดเป็นปัจจัย เขาก็ละได้

ส่วนกุศลธรรมมิใช่น้อย ย่อมถึงความเจริญบริบูรณ์เพราะความดำริชอบเป็นปัจจัย

(สุภาษิตของพระสารีบุตร))

สวัสดีค่ะ

อ่านอย่างมีความสุขค่ะ

น้องอ่านหนังสือของอ.ดร.สนอง วรอุไร ทุกเล่ม แต่การปฏิบัติยังไม่สม่ำเสมอค่ะ
ขอบคุณที่บันทึีกประสบการณ์ดี ๆ ไว้ค่ะ
มั่นใจว่าหลานสาวสามคนต้องประสบความสำเร็จและใช้ชีวิตอย่างดีแน่นอนค่ะ

ตามจากบันทึกล่าสุดมาอ่าน

และอ่านอย่างตั้งใจ

ขอบพระคุณมากๆที่เอามาสิ่งดีๆมาแบ่งปัน

อ่านแล้วเป็นสุขค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท