ใบไม้ร้องเพลง


Username
t_opal
สมาชิกเลขที่
49384
เป็นสมาชิกเมื่อ
เข้าระบบเมื่อ
-
(ไม่มีตั้งแต่ พ.ศ. 2564)
ประวัติย่อ

ก่อนอื่นต้องเอ่ยว่า “ขอบพระคุณและยินดีที่รู้จักนะคะ” เพราะท่านที่เข้ามาหน้านี้ คงอยากจะทำความรู้จักกับคนที่ใช้นามปากกาว่า “ใบไม้ร้องเพลงใช่ไหมค่ะ” ก่อนจะอ่านต่อ ช่วยยิ้มให้สักที นั่นแหละค่ะ (^_^)

ที่มาของนามปากกา เป็นคนชอบสมุนไพร ต้นไม้ใบไม้ค่ะ และงานเกี่ยวกับสมุนไพรที่ได้ศึกษาโดยส่วนใหญ่เป็น “ใบไม้” โดยธรรมชาติ “นิสัย” เป็นคนร่าเริงสนุกสนาน ชอบร้องรำทำเพลง ชอบเต้น มีฉายา เพื่อน ๆ เรียก “ติ๋วไร้กระดูก” “ท่าเต้นแบบไส้เดือนโดนน้ำร้อน” จึงนำมาผนวกกัน ได้ชื่อว่า

“ใบไม้ร้องเพลง”

มานึก ๆ อีกที คล้าย ๆ ใบไม้กำมือเดียว ที่ต้องเรียนรู้อีกเหมือนกันเหนาะ

 

พื้นเพเป็นเด็กบ้านนอก จบโรงเรียนบ้านนอก ตั้งแต่อนุบาล ประถม มัธยม อืม มหาวิทยาลัยก็น่าจะเรียกว่า “บ้านนอกได้นะคะ”

คำว่า “บ้านนอก” สำหรับหนูมันอบอุ่นมาก ๆ เป็นความใกล้ชิดกันทั้งครู อาจารย์ และลูกศิษย์

จบประถมจากโรงเรียนนิคมกุฉินารายณ์หมู่ ๒  อ.ห้วยผึ้ง จ.กาฬสินธุ์

จบมัธยมศึกษาจากโรงเรียนนาคูพัฒนา กรป.กลางอุปถัมภ์ อ.นาคู จ. กาฬสินธุ์ (เป็นโรงเรียนที่ได้รับพระเมตตาจากในหลวงทรงเมตตาเสด็จเยี่ยมโรงเรียนในถิ่น ถุรกันดารในสมัยนั้น)

จบปริญญาตรี เภสัชศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น (๒๕๔๗)

จบปริญญาโท เภสัชศาสตรมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น (๒๕๔๙)

ประวัติที่ได้รับการตีตรา ดูมันจะหรูเกินตัวค่ะ ที่ได้มาทั้งหมด ไม่ใช่เพราะเก่ง แต่เพราะอึดและอดทน ที่สำคัญครู อาจารย์ ท่านเมตตาสงสาร เอาใจใส่สั่งสอน จากที่ไม่เป็นโล้เป็นพายจนพอจะทำอะไรได้บ้าง

 

เมื่อปี ๒๕๔๗ บรรจุใช้ทุนที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ ๖ (ขอนแก่น) ตอนนั้นเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย เพราะความจนจึงผ่านมาได้แบบทุลักทุเล เมื่อเรียนจบก็ยังทำงานอยู่ที่เดิม แล้วก็ลองสอบเข้าโครงการข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูง (HiPPS) ของ กพ. ตอนที่สมัครสอบไม่รู้ ไม่ได้คาดหวังอะไรเลย สอบผ่านมาแบบงง ๆ

เป้าหมายของโครงการคือ รักษาคนดี คนเก่งให้อยู่ในระบบราชการ จึงทำให้ได้รับโอกาสมาเรียนรู้งานด้านสมุนไพรที่ สถาบันวิจัยสมุนไพรประมาณ ๑ ปี (๒๕๕๒-๒๕๕๓)

ตอนนี้กลับมาต้นสังกัดคือ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ ๖ (ขอนแก่น) ตอนที่ไปอยู่ในสถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขนั้น ได้เรียนรู้ อะไร ๆ ตามเส้นทางตั้งมากมาย สอนทั้งวิชาการ และเรื่องของ “ใจ” ทำให้หนูเข้าใจว่าที่สุดของชีวิตไม่ใช่ความสำเร็จแบบโลก ๆ

แบบโลกสมมุติ เหมือนจะดูดีใช่ไหมค่ะ แต่เปล่าเลย ตลอดวิถีชีวิตของคน ๆ นี้ บากบั่น ทนทุกข์ อย่างอดทนมาเสมอ บางครั้งผ่านมาแล้ว หันกลับไปมองแล้วก็มีเสียงว่า “ทำได้ไงเนี่ย” เพราะพื้นฐานไม่ใช่คนเก่ง ความอดทนเรียนรู้ และปรับตัวเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ถึงวันนี้

 

ว่าด้วยการภาวนา ภาพมันคล้ายกับ

หนูยืนทนทุกข์ทรมาร ยืนร้องไห้ กับสิ่งที่ตนเองอยากได้ แต่ไม่ได้ ยืนชี้บอกว่า

“จะเอา ๆ ถ้าฉันไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าใครจะได้

หนูขังตนเองด้วยความคิดนี้ แล้วก็เศร้าหมอง ทรมาร การได้รู้จักครู เหมือนท่านมาช่วยฉุด ให้หลุดจากอารมณ์เศร้าหมอง พาไปเล่น พาไปเที่ยว พาไปกินข้าว แล้วก็ค่อย ๆ สอนหนู จนได้เห็นพัฒนาการในใจของตนเอง การได้รู้จักครูในช่วงเวลาสองปีกว่า ๆ ทำให้ชีวิตเปลี่ยน มันง่ายขึ้น บ้าบิ่นไร้เหตุผลน้อยลง แต่ก็ยังคงความบ้าบิ่นอยู่ แต่ก็พยายามหยิบมันมาใช้ในด้านดี

ครูพร่ำสอนมาอย่างเหนื่อยยาก พอท่านเห็นว่า พอพยุงตนเองได้ ก็ให้ออกมาช่วยงาน หนูก็ช่วยได้บ้าง ทำงานครูพังบ้าง ตามแต่กำลังสติปัญญาที่มี แต่ที่ไม่ขาดสายในความรู้สึกตนเองคือ “ใจ”

ใจหนูไม่เคยห่างจากครู หนูไม่รู้ว่าจะนิยามยังไง เป็นความรู้สึกซาบซ่าน อบอุ่น ทุกครั้งที่หนูเดี้ยง แล้วมีท่านมายืนข้าง ๆ หรือ บางคราเพียงได้ยินเสียง “ก็ทำให้หลุดจากสภาวะจม”

บางครั้งตอนทำงานก็เหมือนมีครูอยู่ในใจ สิ่งที่ครูพร่ำสอน เหมือนเป็นความจริงที่ปรากฏในชีวิตทุกขณะ จึงรู้สึกเหมือนมีครูอยู่ตลอดเวลาค่ะ

 

ครูเป็นบัณฑิต เป็นผู้เข้าใจธรรมชาติ ในมุมของหนู ไม่ว่าอย่างไร ใจนี้เคารพในท่านเสมอ ณ วันนี้ผู้คนที่ล้ำค่าในชีวิต นอกจากพ่อแม่แล้ว ก็มีครู ที่พร้อมจะน้อมกราบรับใช้เต็มสติกำลังที่มี

 

ทุกขณะในตอนนี้ เพียงมีสติ ตั้งใจเรียนรู้ชีวิต ทำผิดก็เริ่มใหม่ ทำอะไรก็พร้อมรับกรรม เพราะไม่ได้ดีเด่นไปกว่าใคร เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง มุ่งมั่นเรียนรู้มุ่งสู่ที่สุดแห่งการเกิด

 

อ้อ ยังไม่ได้พูดถึงชื่อเล่น แม่ตั้งให้ว่า "ติ๋ว"

แต่เมื่อไม่นานมานี้ ครูบอกว่า

"พี่รู้ละชื่อเราหน่ะ มันหมายถึงเล็ก ๆ ก็มาจากคำว่า "ขี้ปะติ๋วไง" มันเหมือนกับ "ตัวตนที่มันเล็ก ๆ ยิ่งตัวตนเล็ก ก็ยิ่งดี"

(ตอนนั้นหนูรู้สึกดีที่ครูใส่ใจ และยิ้มกับนิยามที่ครูให้)

 

แล้วมีครั้งหนึ่งที่คุยกับเพื่อนเรื่องการทำงานจิตอาสาช่วยสอนน้องที่โรงเรียน หนูเอ่ยกับเพื่อนว่า "ไม่ได้ตังค์นะ"

เขาตอบหนูมาว่า "เรื่องเงินหน่ะ ขี้ปะติ๋ว"

หนูแซวเพื่อนกลับว่า "อย่าเอาขี้มาปะเค๊านะ ฮา" (^_^)

 

ถ้าอยากจะรู้จักหนูมากขึ้นบันทึกนี้น่าจะพอเล่าเรื่องราวชีวิตคร่าว ๆได้บ้างค่ะ

http://gotoknow.org/blog/kruforme/320215

https://www.gotoknow.org/posts/515522

ขอบพระคุณที่แวะมาค่ะ (^_^)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท