ไข้หวัด2009: vitamin C supplements จะช่วยป้องกันหรือทำให้หวัดทุเลาเร็วขึ้นไหม


เรื่องการกินวิตามินซีเสริม คงแล้วแต่ความเชื่อ และประสบการณ์ส่วนบุคคลของแต่ละคน ว่า เมื่อเป็นหวัด และกินวิตามินซีขนาดสูงกว่าปกติไปแล้ว อาการหวัดบรรเทาลงไหมและฟื้นตัวเร็วกว่าปกติหรือไม่

ด้วยขณะนี้ ดิฉันเป็นหวัดอยู่ แม้จะไม่ใช่หวัด 2009 ก็ทำให้วิตกอยู่เล็กน้อย  เพราะเกรงว่าการเป็นหวัดจะทำให้ร่างกายอ่อนแอ  อาจจะมีโอกาสติดไข้หวัดอื่นที่ร้ายแรงกว่า ซ้ำเข้าอีกก็ได้
จึงพยายามกินยา สมุนไพรฟ้าทะลายโจร ทันที ที่มีอาการคัดจมูก จาม และแสบคอเล็กน้อย พร้อมกับรีบบำรุงร่างกายอย่างเต็มที่ ด้วยอาหารครบทั้ง 5 หมู่  โดยเน้นผักสดและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงๆ  เช่น ฝรั่ง มะละกอ ส้ม เงาะ ตำลึง คะน้า กะหล่ำปลี กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ 3 เวลา หลังอาหาร ดื่มน้ำสะอาดประมาณ 8-10  แก้วต่อวัน
กินวิตามินซีเสริมเ
ป็นพิเศษอีกประมาณ 4,000 มิลลิกรัม/วัน  และเข้านอนเร็วกว่าปกติ ขณะเดียวกัน ก็อดคิดไม่ได้ว่า การกินวิตามินซีเสริมแบบ megadoses ในช่วงนี้ จะให้ผลเสียอะไรไหม นอกจาก เสียเงิน

เพราะเรื่องการกินวิตามินซีเสริม  ก็มีข้อถกเถียงกันมากว่า จำเป็นหรือไม่ และกินเท่าใดจึงจะพอดี

ดิฉันจึงได้ไปค้นหาข้อดี ข้อเสีย ในการกินวิตามินซีเสริม  และจะขอแบ่งปันให้ผู้ที่สนใจทราบ และใช้วิจารณญาณกันตามอัธยาศัย



วิตามินซีหรือ กรดแอสคอร์บิค (Ascorbic acid) เป็นสารอาหารที่ละลายได้ในน้ำ ร่างกายไม่สามารถที่จะสร้างขึ้นเองได้ จึงจำเป็นต้องได้รับจากการรับประทานเข้าไป  วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย    สามารถป้องกันและรักษาการอักเสบอันเนื่องมาจากแบคทีเรียและไวรัสได้  ช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน  เป็นตัวสร้างคอลลาเจน  ซึ่งเป็นเส้นใยทำหน้าที่เชื่อมเนื้อเยื่อต่างๆ ไว้ด้วยกัน  เป็นตัวสร้างกระดูก ฟัน เหงือก และเส้นเลือด  เป็นตัวที่ช่วยดูดซึมธาตุเหล็กให้ร่างกาย  และที่สำคัญอีกอย่างคือ  ช่วยให้แผลสดและแผลไฟไหม้หายเร็วขึ้น

ปกติ คนเรา ไม่ได้ต้องการวิตามินซีมากนัก สำหรับคนอายุ 18 ปีขึ้นมา the U.S. Food and Nutrition Board of the institute of Medicine  แนะนำให้กินแค่วันละ 90 milligrams มากที่สุด ไม่เกิน 2,000 milligrams ต่อวัน
จริงๆแล้ว การกินวิตามินซีในโดซสูงๆ  ก็อาจไม่ได้ให้ผลร้ายอะไรนัก  แต่สำหรับบางคน อาจทำให้คลื่นไส้ เวียนหัว  เหนื่อยอ่อน ท้องเสีย เป็นนิ่วในไต  มีกรดในกะเพาะสูงด้วยซ้ำไป

ตามประสบการณ์จริงๆจากตัวเองและคนใกล้ชิด::

ทุกคนในครอบครัว  แม้กระทั่งคนอื่นๆที่รู้จักและสอบถามดู   ล้วนกินกินวิตามินซีเสริม ในช่วงปกติกันวันละเม็ด ไม่สูงกว่า วันละ1,000 มิลลิแกรม ล้วนแต่ให้เหตุผลดังนี้

ข้อดี
::

1.  เพื่อช่วยไม่ให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายลดต่ำลง   ซึ่งอาจทำให้ติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย    ได้ง่าย    แต่ช่วงที่เริ่มจะเป็นหวัด จะกินมากขึ้น เพื่อทำให้ ลดการอักเสบและช่วยซ่อมแซมส่วน ที่สึกหรอของร่างกายทำให้ช่วงของการป่วยสั้นขึ้น  ฟื้นไข้เร็วขึ้น ไม่อ่อนเพลีย หรือทรุดโทรมนัก

แต่เมื่ออ่านข้อความใน the U.S. Food and Nutrition Board
ก็แปลกใจ  เพราะปรากฏว่า นักวิทยาศาสตร์มีความเห็นว่า วิตามินซี ไม่ช่วยให้ป้องกันหวัดธรรมดาได้
แต่อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ผิดปกติอย่างมากๆ เช่น นักสกีบนภูเขาที่มีหิมะ ทหารที่ประจำการบนที่หนาวเย็น หรือ นักวิ่งมาราธอน  vitamin C  กลับช่วยป้องกันไม่ให้เป็นหวัดได้ประมาณ 50%.    ข้อมูลค้านกันอย่างไร ชอบกล

2. สำหรับหญิงตั้งครรภ์
จะช่วยลดการติดเชื้อที่ urinary tract แต่คงต้องเป็นวิตามินซีธรรมชาติ
3.วิตามินซี ช่วยลดอาการหอบหืด
4.วิตามินซีปริมาณสูง อาจช่วยหยุดยั้งโรคมะเร็งได้ เป็นต้น  (ยังมีข้อดีอีกมาก แต่จะขอเว้นไป เพราะไม่เกี่ยวกับเรื่องการเป็นหวัด)

 ข้อเสีย :: ของการได้รับวิตามินซี มากเกินไป ก็มีอยู่ เช่นการสะสมธาตุเหล็กตามกระดูกข้อต่อต่างๆ มากขึ้น และอาจทำให้เกิด โรคเกาต์ได้ในที่สุด  หรืออาจเกิดนิ่วในไต  และอาจไปรบกวนการดูดซึมของทองแดงและซีลีเนียมได้    และสำหรับบางคน....การได้รับวิตามินซีเกินวันละ 10,000 มิลลิกรัม  อาจทำให้ท้องเสีย ท้องอืด ท้องเฟ้อได้
และสำหรับหญิงตั้งครรภ์ the U.S. Food and Nutrition Board
ก็ไม่แน่ใจว่า การกินวิตามินซีในรูปอาหารเสริม จะให้ประโยชน์หรือไม่   แต่ถ้าเป็นวิตามินซี จากอาหารธรรมชาติ มีประโยชน์แน่นอน เพราะจะไปช่วยลดอาการภูมิแพ้ในเด็กเมื่อคลอดออกมาได้

สรุปว่า:: เรื่องการกินวิตามินซีเสริม คงแล้วแต่ความเชื่อ และประสบการณ์ส่วนบุคคลจริงๆ

แต่ส่วนตัวแล้ว เชื่อว่า วิตามินซี ช่วยได้บ้างแน่นอน  โดยเฉพาะช่วงเริ่มต้นจะมีอาการหวัด ถ้ากินวิตามินซีเสริม จะรู้สึกว่าอาการหวัดบรรเทาลงเร็วขึ้น และไม่ค่อยเพลีย    และถ้าในกรณี ที่ในบ้านในช่วงที่เริ่มเป็นหวัด  ไม่มีผักผลไม้อะไร ที่มีวิตามินซีเหลืออยู่ในตู้เย็นเลย คราวนี้ วิตามินซีเสริมนี้ ช่วยได้แน่ เพราะ คนไม่สามารถสร้างวิตามินซีขึ้นมาใช้เองได้



ความเป็นมาของความเชื่อว่า กินวิตามินซีมาก ๆแล้ว ช่วยป้องกันหวัดได้

ความเชื่อนี้มีมาอย่างสำคัญจากนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบิล ชื่อ ไลนัส เพาลิ่งก์ the Nobel Prize in Chemistry 1954 /the Nobel Peace Prize 1962
แนะนำให้คนกินวิตามินซีในขนาดสูง ๆ เพื่อป้องกันหวัด มะเร็ง และโรคจิต โรคประสาท

เพาลิ่งก์บอกว่า สัตว์ส่วนใหญ่สร้างวิตามินซีขึ้นใช้เองได้ ยกเว้นคน ลิงกอริลล่า หนูตะเภา และ ค้างคาวแม่ไก่  เขาบอกว่า อาหารที่ลิงกอริลล่ากินในแต่ละวัน แล้วคำนวณหาปริมาณวิตามินซีที่มีอยู่ในอาหาร
เหล่านั้น ผลออกมาว่า กอริลล่าหนึ่งตัว กินวิตามินซีวันละ 4,600 มิลลิกรัม
เมื่อเทียบน้ำหนักลิงกอริลล่ากับคนแล้ว เขาบอกว่า ถ้าคนจะเอาอย่างกอริลล่า ก็ควรจะกินวิตามินซีวันละ 2,500 มิลลิกรัม
และนี่คือที่มาของคำแนะนำให้กินวิตามินซีในขนาดที่สูงกว่าธรรมดา

คำแนะนำอันนี้ ในวงการแพทย์ยังไม่ยอมรับ และไม่มีการทดลองใดที่สนับสนุนทฤษฏีของเพาลิ่งก์ได้อย่างน่าเชื่อถือ     อยู่ที่ประสบการณ์ของแต่ละคน ว่า เมื่อเป็นหวัด และกินวิตามินซีขนาดสูงกว่าปกติไปแล้ว อาการหวัดบรรเทาลงไหมและฟื้นตัวเร็วกว่าปกติหรือไม่ ร่างกายของแต่ละคน ไม่เหมือนกัน และมีการตอบสนองต่อยาหรือ วิตามิน ก็ไม่เหมือนกัน เรื่องนี้  เป็นประสบการณ์ของตนเองว่า วิตามินซีเสริมชั่วคราวในโดซสูงหน่อย  ให้ประโยชน์อย่างมาก  แต่สำหรับผู้อื่น อาจไม่มีความแตกต่างแต่อย่างใดก็ได้
และเรื่อง high doses ของ vitamin C ก็ยังมีอีกประเด็นหนึ่ง ที่เป็นเหตุผลว่า ทำไมบางคนชอบกินวิตามินซีเสริมกัน คือ วิตามินซี เป็น antioxidant ที่จะป้องกัน cells ของเราไม่ให้ถูกทำลายจากพวก อนุมูลอิสระ (free radicals) มากเกินไป  และ Free radicals นี้ ทางการแพทย์ก็อาจจะเชื่อกันว่า เป็นต้นเหตุ ของโรคหลายโรค ซึ่งรวมถึงหวัดด้วย

::รูปส่วนประกอบทางเคมี ของวิตามินซีจาก วิกิพีเดีย
::ข้อมูลบางส่วนอ้างอิงจาก
the U.S. Food and Nutrition Board of the institute of Medicine

หมายเลขบันทึก: 281110เขียนเมื่อ 28 กรกฎาคม 2009 23:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (44)

เรื่องบางเรื่องข้อสรุปไม่ชัดเพราะทำวิจัยต้องใช้เวลานานและจำนวนคนเยอะ

แต่คนก็มักจะกินไว้ก่อนค่ะ เผื่อจะดี

ความเห็นหมออยากให้กินอาหารตามธรรมชาติมากกว่าค่ะ

เวลาป่วยเป็นหวัดไม่มียาให้ กินวิตามินชีก็ดีเหมือนกันค่ะเพราะอย่างน้อยคนไข้ยังรู้สึกว่าหมอได้รักษาแล้วค่ะ

คุณพี่ดูแลตัวเองและให้หายเร็วๆนะคะ (ถึงแม้จะใกล้หมอ)เพราะไข้หวัด2009 บางคนอาการน้อยค่ะ

สวัสดีค่ะ

ตามมาอ่านอีกแล้ว ปกติไม่ค่อยทานวิตามินซีเสริมค่ะ ทานแต่ผักผลไม้ แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่า ผักผลไม้แต่ละอย่าง ให้วิตามินซีอะไรบ้างคะ คือ ทานไปทุกอย่าง แต่ไม่ทราบ แต่ละอย่าง มีอะไรมากน้อยเท่าใด

สวัสดีค่ะ

  • เด็ก ๆ รออ่านบันทึกเกี่ยวกับสมุนไพรตอนพักกลางวันแต่เน็ตล่มค่ะ
  • กำลังจะทำแปลงพืชสมุนไพร  พอมีต้นฟ้าทะลายโจรและสมุนไพรในท้องถิ่นอยู่บ้างค่ะ
  • ขอขอบพระคุณกับสาระและความคิดเห็นของคุณหมอ พ.ญ. อัจฉรา เชาวะวณิช ค่ะ

สวัสดีค่ะคุณหมอพ.ญ. อัจฉรา เชาวะวณิช 
ดีใจจริงที่คุณหมอมาให้ข้อคิดเห็นค่ะ เพราะพี่เองไม่ใช่หมอ แต่สนใจดูแลสุขภาพของตนเอง และคนใกล้ชิด พร้อมทั้งพนักงานแต่ละคนมาตลอด  บางที ก็ถูกบ้าง ผิดบ้างค่ะ เป็นประสบการณ์ดีค่ะ

ปกติ   พี่กินวิตามินซี  1,000 มิลลิกรัมต่อวัน ไม่เกินกำหนด ที่  the U.S. Food and Nutrition Board of the institute of Medicineกำหนดไว้ บางวัน ก็ไม่ได้กินค่

ถ้าเป็นหวัด ก็จะกินประมาณ 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน เฉพาะเท่าที่จำเป็น พอรู้สึกดีขึ้น ก็ลงไป 1,000 มิลลิกรัมเท่าเดิมค่ะ

พี่อ่านพบบ่อยค่ะ  ว่าโทษภัยของวิตามินซีที่กินเกินขนาด เช่น 2,000 มิลลิกรัมขึ้นไป  แม้จะเกิดไม่บ่อย แต่มีรายงานในวารสารทางการแพทย์อยู่บ้าง เช่น
  ถ่ายท้องเป็นพิษภัยที่พบบ่อยที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นกับเด็กๆเล็กๆ ซึ่งมีประสบการณ์จากหลานพี่เองค่ะ ท้องเสียทุกครั้งที่กินวิตามินซี เมื่อตอนอายุ ไม่ถึงขวบค่ะ แต่พอโตขึ้น ก็หายสนิทค่ะ ไม่แพ้อีกเลย

แม้แต่นิ่วในไต  ก็ทราบว่า พบในคนกินวิตามินซีขนาดที่สูงบ่อยกว่าคนทั่วไป เป็นประจำ แต่ก็มีหลายคนนะคะ ที่กินนาดสูง ประมาณ 3000 มิลลิกรัมต่อวัน มา 30ปี ก็ไม่เป็นอะไรเลย สบายดีทุกอย่าง 
ซึ่งแสดงว่า ร่างกายของแต่ละคน ไม่เหมือนกัน และมีการตอบสนองต่อยาหรือ วิตามิน ไม่เหมือนกัน  แต่โดยส่วนเฉลี่ย น่าจะต้องระวังไว้ดีกว่า

ยังมีอีกนะคะ  อ่านพบว่า ผู้ชายบางคน อาจมีลูกได้ยาก  ถ้ากินวิตามินซีขนาดสูงเป็นประจำ    และมีฤทธิ์เป็นยาคุมกำเนิดอย่างอ่อน ๆ ในผู้หญิง

แท้งลูก  มีรายงานว่า ในกลุ่มหญิงที่กินวิตามินซีวันละ 6,000 มิลลิกรัม 20 คน เกิดการแท้งลูกหลังจากตั้งท้องได้ไม่กี่วันถึง 16 คน

ตับพิการ ในหนูที่ให้กินวิตามินซีขนาดสูง พบว่าเกิดความเสียหายต่อตับ    บางคน แต่น้อยคน กระดูกเปราะ ฯลฯ
ดังนั้นถ้าดูจากข้อมูลแล้ว    คงพอสรุปว่า ถ้าเป็นปกติประจำวัน   ก็ไม่ควรกินวิตามินซีเสริมมากเกินกำหนด และดีที่สุด ถ้าได้วิตามินซีจากอาหารธรรมชาติ 

สวัสดีค่ะ

เป็นเพื่อนคุณกฤษณาค่ะ เป็นหวัดอยู่ และเป็นบ่อยมาก ทานวิตามินซีก็ไม่ได้ผลเท่าใด คงทานน้อยไป วันละ 500 มก.ค่ะ แต่อ่านดูแล้ว เห็นว่า 1000 มก.ก็ได้ ไปเพิ่มอีกหน่อยดีกว่า จะลองดูค่ะ

มาอ่านครับ สงสัยอยู่เหมือนกันว่า ต้องกินวิตามินซีเม็ด วันละเท่าไรดี จึงพอเพียง

สวัสดีค่ะคุณครู ครูคิม 3
ขอบคณค่ะที่มาอ่าน และมาให้กำลังใจ
เรื่องวิตามินซีนี่ ที่ดีที่สุดคือ วิตามินซีที่ได้จากธรรมชาตินะคะ
เวลาพี่เจ็บคอ พี่จะใช้
1. น้ำมะนาว 1 ส่วน
2. ผสมน้ำ 1 ส่วน (น้ำอุ่นหรือน้ำเย็นก็ได้)
3. ใส่น้ำเชื่อมประมาณ 1 ส่วน (หรือน้ำผึ้ง หรือใส่น้ำตาลปรุงรสตามาชอบ)
4. เกลืออีกนิดหน่อย  คนให้เข้ากันดี ค่อยๆจิบ อาการเจ็บคอ และไอ จะทุเลาขึ้นมากค่ะ
ในน้ำมะนาว  มี กรดซิตริก และวิตามินซี อยู่เป็นจำนวนมาก
ซึ่งกรดซิตริก มีฤทธิ์ลดไข้  แก้หิวน้ำได้   เครื่องดื่มผสมผสานกรดซิตริกนี้ จะช่วยให้ร่างกายสดชื่น รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน และป้องกันหวัดได้ดี

ทางต่างประเทศ  ก็ได้เคยทดลองมะนาว (เป็นมะนาวที่อยู่ในตระกูลเดียวกันกับมะนาวในเมืองไทย แต่คนละพันธุ์) พบว่า น้ำมะนาว  สามารถฆ่าเชื้อโรคทำให้เจ็บคอได้ถึง 90-99 เปอร์เซ็นต์ ภายใน 20-30 นาที (เชื้อสแท็ฟออเรียส)

แต่ก็มีข้อควรระวังเหมือนกันค่ะ
1. ถ้ากินมากเกินไปจะไอ แสบคอ เพราะฉะนั้นถ้ากินแล้วไอให้หยุดไว้พักหนึ่งก่อน
2. อย่าจิบทีละมากๆ ควรจิบทีละน้อยๆ แต่บ่อยๆ เพื่อให้น้ำมะนาวออกฤทธิ์ที่คออย่างสม่ำเสมอ ถ้าจิบทีละมากๆ หรือดื่มรวดเดียว ยาจะไปอยู่ที่ท้องหมด
3. ถ้าจิบแล้วรู้สึกแสบคอมาก แสดงว่าน้ำมะนาวมากเกินไปผสมน้ำมากขึ้น
4. เมื่อจิบไปหลายๆ ครั้งแล้ว ควรบ้วนปากแปรงฟัน เพื่อล้างน้ำมะนาวที่ติดฟัน เพราะน้ำมะนาวเป็นกรดจะกัดฟันเสียได้ค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ ธมลวรรณ 2
เรื่องวิตามิน สำคัญๆ ที่คนเราควรได้รับภายใน 1 วัน ไปค้นมาให้แล้วค่ะ ดังตารางข้างล่างนี้นะคะ

สวัสดีค่ะคุณยูงรำ
วันนี้ คุณกฤษณา ยังไม่ได้เข้ามาอ่านเลยค่ะ คิดถึงอยู่

สำหรับวิตามินเสริมวันละ 500 มิลลิกรัม ก็มากแล้วค่ะ คิดว่า ที่คุณเป็นหวัดบ่อยๆ คุณไม่ได้เล่าว่า เป็นหวัดช่วงไหน
อาจมีเรื่องภูมิแพ้เข้ามาเกี่ยวข้องไหมคะ เพราะในครอบครัวดิฉัน ก็มีคนเป็นภูมิแพ้ แบบคัดจมูก มีน้ำมูกบ่อยๆ  แต่จริงๆ ไม่ได้เป็นหวัดค่ะ
ถ้าเป็นภูมิแพ้ เช่นคัดจมูก น้ำมูกไหล มักเป็นเมื่อเราไปสัมผัสหรือสูดดมสิ่งที่แพ้ เช่นแพ้เกสรดอกไม้ หรือแพ้ฝุ่นละออง แพ้ความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอะไรอย่างนี้
แม้ว่า อาการหวัด กับการแพ้ จะคล้ายคลึงกัน แต่ถ้าเป็นหวัด มักจะเป็นประมาณ 7 วันแล้ว ก็หาย ตอนแรกอาการไม่ค่อยดี แต่จะเริ่มดีขึ้นๆ และหายในที่สุด
แต่ถ้าเป็นภูมิแพ้ มักจะเกิดตอนเราไปเจออะไร ที่เราแพ้เข้า และจะเป็นอยู่อย่างนั้น จนกว่าเราจะกำจัด ตัวที่ทำให้เราแพ้ออกไปได้ แต่ถ้าไม่แน่ใจ ก็ไปหาแพทย์ดีกว่าค่ะ

สวัสดีค่ะคุณเฉลิมชัย 6
ดิฉันเอง ชอบทานผักผลไม้มาก จริงๆก็ไม่ขาดวิตามินซี แต่ ในบางครั้ง ที่มีความรู้สึกว่า วันไหน ไม่ค่อยได้ทานผักผลไม้ ก็จะทานวิตามินซีเสริมค่ะ ไม่เกิน 1000 มิลลิแกรม/วัน
คนเรา ถ้าทานวิตามินซี น้อยไป จะรู้สึกไม่สดชื่น เหนื่อยอ่อน กล้ามเนื้อและกระดูกไม่แข็งแรง อาจจะน้ำหนักลดด้วยนะคะ
คุณลองพิจารณาดูค่ะ ว่าแต่ละวัน มีวิตามินซีเข้าไป ในร่างกายพอเพียงไหม นะคะ

สวัสดี ครับ พี่sasinad

ได้อ่านบันทึก คุณภาพ ที่อยู่ในกระแส ขนาดนี้

ดีจังเลย

ขอบพระคุณ ครับ

 

ขอบคุณครับ พี่ศศินันท์ ;)

สวัสดีค่ะคุณ แสงแห่งความดี 11
ขอบคุณที่ีเข้ามาอ่านค่ะ พี่เป็นคนที่ชอบทานผักผลไม้มาก ถ้าวันไหน ทานผักผลไม้สดๆน้อยไปนิด พี่ก็มักจะเสริมด้วยวิตามินซี วันละ 1000 มิลลิกรัมค่ะ
นอกจากจะช่วยเรื่องการทำให้ร่างกายเรา มีภูมิคุ้มกันดีขึ้นแล้ว ยังช่วย
ต้านอนุมูลอิสระในร่างกายของเรา ที่เป็นต้นเหตุของโรคภัยไข้เจ็บอีกมากนะคะ เช่น ผนังของหลอดโลหิตแดงกระด้าง atherosclerosis, cancer, โรคปอด lung disorders, โรคหวัด the common cold, eye ตาต้อ cataracts และความจำเสื่อม เป็นต้นค่ะ
ช่วงที่พี่เป็นหวัด พี่ดื่มน้ำมากเป็นพิเศษ โดยลอยมะนาวเอาไว้ด้วยค่ะ ให้มีวิตามินซี ผสมอยู่ด้วยค่ะ


สวัสดีค่ะอาจารย์Wasawat Deemarn

ขอบคุณมากๆ ที่อาจารย์มาเยี่ยมนะคะ เห็นว่า เจอคนเป็นไข้หวัดนี้อยู่ ต้องระวังติดเหมือนกันนะคะ
พอหายหวัด พี่ก็ไปเที่ยวเลย ไปรับอากาศดีๆ รู้สึกว่า ร่างกายแข็งแรงสบายดีค่ะ
เคยมี คนรู้จักเป็นโรคโลหิตจาง เพราะเม็ดโลหิตแดงของเขาแตกตัวเร็วกว่าปกติ เขากินวิตามินซี 1,000-2,000 milligrams/วัน กับเหล็กคู่กัน อาการดีขึ้นมาก จนเป็นปกติ แต่ก็ต้องคอยดูแลตัวเองอยู่เสมอ เพราะ เป็นหวัดบ่อยมากกว่าคนอื่นๆ

พี่ว่า ผักสดสะอาดๆ กับผลไม้ มีประโยชน์มากๆ อาหารที่ปรุงจนสุกเกินไป ก็จะไม่มี vitamin C เหลือแล้ว
ส่วนคนที่ตั้งครรภ์ แม่ที่ให้นมลูก คนที่มีไข้ คนที่ได้รับการผ่าตัดมา รวมทั้งคนสูบบุหรี่  ก็เป็นกลุ่มคน ที่ต้องได้วิตามินซีมากหน่อยนะคะ


นี้คือ น้ำมะนาว ที่เหยาะน้ำดอกอัญชันลงไปค่ะ สีสวยมากเลย

สวัสดีค่ะพี่ศศินันท์

อ่านบันทึกนี้แล้ว ชอบใจมาก ๆ ค่ะ เปิดให้พี่สาวอ่านด้วย เนื่องจากพี่สาวชอบทานสารพัดวิตะมิน ... ในขณะที่บางครั้งทานแล้วก็ไม่สบายตัวนัก

น้องจึงเปิดและอ่านให้พี่ฟัง เพราะแต่ละคนมึความต้องการ ความทนทานต่างกัน เราควรฟังเสียงและความรู้สึกจากร่างกายของเราเป็นหลักในการดูแลตัวเอง

สำหรับส่วนตัวน้องแล้ว พบว่าการทานวิตะมินซีเม็ด 500 มก. ช่วงที่เพิ่งเริ่มเป็นหวัดช่วยได้มากค่ะ แต่ก็ค่อยอยากทานนัก เพราะวิตะมินก็คือ เคมีชนิดหนึ่งเช่นกัน....

ทานผัก ผลไม้ หมั่นออกกำลังและหลีกเลี่ยง ไม่เสี่ยงกับการรับเชื้อได้น่าจะดีที่สุดค่ะ

ขอให้พี่หายจากอาการหวัดโดยเร็วนะคะ ...

ขนาดพี่ไม่สบายแท้ ๆ ยังหาความรู้มาแบ่งปันได้อีก...ดีจังค่ะ

ระลึกถึงพี่ค่ะ

(^___^)

ยอดอ่อนของต้นอัญชัญ...ซึ่งออกดอกทุกวัน วันละตะกร้าเล็ก ๆ ค่ะ

  • แอบมาหาดึกๆ
  • เพราะกลัวเจอคนมากๆ
  • เดี๋ยวติดหวัด
  • หลับสบายนะคะ
  • หวัดเป็นง่าย
  • แต่รู้จักดูแลตัวเอง
  • ก็หายได้ง่ายๆเช่นกันค่ะ

สวัสดีค่ะน้องคนไม่มีราก

เป็นความจริงอย่างที่สุด ที่น้องบอกว่า....ทานผัก ผลไม้ หมั่นออกกำลังและหลีกเลี่ยง ไม่เสี่ยงกับการรับเชื้อได้น่าจะดีที่สุดค่ะ

แต่ทีนี้ เวลา เราไม่ได้ทานผักหรือผลไม้ ในวันนั้นเลย จะด้วยเหตุผลอะไร ก็แล้วแต่  เราก็ยังมีทางเลือก ที่จะทานวิตามินเสริม เท่าที่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วง ที่เราอาจรู้สึกไม่ค่อยจะสบายอยู่บ้าง

อีกอย่างหนึ่ง การดูดซึมสารอาหารของคนเราไม่เท่ากัน บางที เราทานผักผลไม้ ในจำนวนที่คิดว่า พอ แต่ร่างกายเรา อาจดูดซึมเข้าไปได้ไม่เต็มที่ จึงอาจได้รับน้อยไปหน่อยก็ได้ค่ะ
แต่ก็ไม่ใช่ เป็นกฏตายตัว ที่เราต้องทานวิตามินเสริมทุกวัน ทานบ้าง ไม่ทานบ้างก็ได้ค่ะ ไม่ต้องเคร่งครัดอะไรนัก
จริงๆแล้ว หน้าที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของวิตามินซีคือ  เป็นAntioxidants เหมือนกับ beta carotene   วิตามิน อี  และseleniumค่ะ
วิตามิน ที่เป็น Antioxidants  เหล่านี้  จะไปขัดขวาง ทำให้กระบวนการการที่เซลล์ของเราจะถูกทำลายโดยอ็อกซิเย็นนี้    ให้หยุดหรือเป็นไปอย่างช้าที่สุด ซึ่งกระบวนการที่ให้ผลร้ายกับร่างกายเราเหล่านี้   เกิดจาก สิ่งที่เรียกว่า  free radicals หรือ อนุมูลอิสระ
โดยวิตามินซี  อี เบต้าแคโรทีน  และเซเลเนียม
จะทำหน้าที่ป้องกัน ไม่ให้เกิดกระบวนการเช่นว่านี้ค่ะ   ซึ่งกระบวนการนี้  ถ้าไม่ป้องกัน  ต่อไป จะทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น  heart disease และ diabetes

นอกจากนี้ ตัว Antioxidants  นี้ จะทำให้ภูมิคุ้มกันของเรา ทำหน้าที่ดีขึ้นด้วยค่ะ ทำให้เราติดเชื้อน้อยลง   มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งน้อยลง
เหมือนๆกับ  เราจะไปพยายามหน่วงเหนี่ยว ไม่ให้ลูกแอปเปิ้ล หรือผลไม้  เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล และจะเน่าในที่สุด โดยเราจะเอาผลไม้ดังว่านี้ ไปจุ่มไว้ในวิตามินที่เป็น  Antioxidants   ค่ะ

 

สวัสดีค่ะคุณมนัญญา ~ natachoei ( หน้าตาเฉย)  16

ค่ะ ถ้าเราระวัง ดูแลสุขภาพให้ดี  หรือ คนที่เป็น ก็มีความรับผิดชอบต่อสังคม เราก็คงไม่เป็นกันง่ายๆนักค่ะ
จริงๆ เท่าที่ศึกษาอาการของโรคนี้มามาก  รู้สึกว่า เหมือนๆกับ ...
โรคหวัด ตามฤดูกาลนะคะ แต่มีอาการมากกว่า คือ มีไข้สูง อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และไอ แต่บางคนก็มีน้ำมูก เจ็บคอ คลื่นไส้ อาเจียน และท้องเสีย ด้วย
แต่พวกเรา ก็เตรียมตัวกันดีอย่างนี้ คงไม่ติดใครง่ายๆนะคะ

สวัสดีค่ะ

  • แวะมาอ่านบันทึกดี ๆ มีความรู้เรื่องสุขภาพ
  • ชอบมากค่ะ ทั้งสัมผัสอักษร  และสัมผัสภาพ
  • และมาขอบพระคุณที่ท่านแวะไปฟังเพลงที่ลานเก็บเพลงโปรดอิงจันทร์ค่ะ
  • อยากเรียนเชิญไปสัมผัสกับ ลานธรรมคำกลอน ด้วยค่ะ
  • http://gotoknow.org/blog/ruschadawon-tal/274293
  • ขอบพระคุณสำหรับบันทึกงาม ๆ ที่ให้ความรู้มากมายเช่นนี้
  • มีความสุขเสมอ ๆ นะคะ

ขอบคุณคุณครู อิงจันทร์  16 มากค่ะที่มาเยี่ยม
พี่เอง เวลาไปบล็อกคุณครู มีความสุขทุกที เพลงเพราะมากๆ ขอบอกจริงๆ
ในเรื่องไข้หวัด ส่วนตัว ก็ระวังเรื่อง Close contact ค่ะ
หมายถึง การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยในระยะไม่เกิน 1-2 เมตร ซึ่งจริงๆ ยังไม่เคยที่มีใครเป็นหวัดแล้วมาใกล้ชิดเหมือนกัน

ได้อ่านคำชี้แจงของกรมควบคุมโรค  ก็พบว่า มีการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วยในประเทศไทย พบว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิด A (H1N1) มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล แต่ความรุนแรงอาจจะมากกว่าเล็กน้อย น่าจะทำให้เกิดปอดอักเสบได้มากกว่า
การแพร่กระจายได้เร็วกว่า เกิดการติดเชื้อกับเด็กนักเรียนและวัยหนุ่มสาวเป็นส่วนใหญ่ และยังไม่มีวัคซีนป้องกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้.

ในการวินิจฉัยโรคไข้หวัดใหญ่ ต้องคำนึงถึงการวินิจฉัยแยกโรคอื่นๆตามกระบวนการทางการแพทย์ด้วย.
โรคติดเชื้อไวรัส ไข้หวัดใหญ่
 ระยะฟักตัวของโรค:
- 1-3 วัน (ส่วนน้อยนานถึง 5 วัน)
 ระยะแพร่เชื้อ:
- 1 วันก่อน - 5 วัน หลังป่วย (อาจถึง 7 วัน เป็นส่วนน้อย)
- ผู้ป่วยแพร่เชื้อได้มากที่สุดใน 3 วันแรก
- ผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานต่ำอาจแพร่เชื้ออยู่นานหลายสัปดาห์ หรือเดือน
 การดำเนินโรค:
- ผู้ติดเชื้ออาจไม่มีอาการ ส่วนใหญ่มีอาการเหมือนไข้หวัดธรรมดา คือมีไข้ต่ำๆ เจ็บคอ ไอเล็กน้อย กินอาหารได้พอ บางคนมีอาการของไข้หวัดใหญ่
- ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ มักจะมีไข้สูง (อาจหนาวสั่น) 48 ชม. วันที่ 3 จะเริ่มดีขึ้น โดยปวดศีรษะ ปวดเมื่อย ตัวร้อน เบื่ออาหารน้อยลง
3
- ผู้ป่วยกว่าร้อยละ 90 มีอาการน้อย หายได้เองโดยไม่ต้องรับการรักษาที่โรงพยาบาล.
โดยทั่วไป อาการจะหายภายใน 5-7 วัน
- ผู้ป่วย
นไทย ที่เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ A(H1N1) ประมาณ 30 ราย ร้อยละ 70 มีโรคประจำตัวหรือภาวะสุขภาพที่ทำให้โรครุนแรง. ร้อยละ 30 ไม่พบโรคประจำตัว แต่บางรายเสียชีวิตเพราะการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องขณะป่วย
อ่านแล้ว ก็สบายใจขึ้นนะคะ ว่า ถ้าเรามีสุขภาพดี เจ็บป่วย รีบรักษา ก็คงไม่เป็นอะไรมากนักนะคะ


พี่เอง ตอนนี้ กำลังจะให้แม่บ้านตุ๋นไก่ใส่ผักหลายๆสี ไว้ดื่มเป็นน้ำซุปบำรุงร่างกาย
ต้องให้เขาเคี่ยวนานๆ  จนโปรตีนย่อยสลายเป็นไดเปปไทด์ ( กรดอะมิโนสองโมเลกุล ) อาจช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายสดชื่น และยังให้โปรตีนที่ดีต่อร่างกายด้วยค่ะ
คนจีน ให้ดื่มน้ำซุปไก่กันมานานแล้วนะคะ โดยเฉพาะคนป่วย แต่ไม่ได้อธิบายว่า เป็นเพราะมีกรดอมิโนถูกย่อยออกมา

สวัสดสีค่ะ คุณ sasinand ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ บ้างครั้งเราก็ลืมไปบ้าง วิตามินต่างๆ อยู่ในผักผลไม้อะไรบ้าง จะจำได้ไม่ทุกอย่าง การทานวิตามินซี ตัวเองก็จะทานตอนที่มีคนเป็นหวัดรอบข้าง หรือไม่ก็เป็นหวัดเองก็จะทานค่ะ แต่จะไม่ทานบ่อย เกรงว่าจะเป็นภาระให้กับร่างกายเราต้องมาขับออกอีกค่ะ

สวัสดีค่ะพี่ศศินันท์

ตามมาทักทายด้วยความระลึกถึงแลมาอ่านคำตอบที่มีคุณค่าค่ะ

อ่านแล้วยิ้ม ๆ เห็นด้วยค่ะ...ศักยภาพในการดูดซึมสารอาหาร วิตะมิน เกลือแร่ต่าง ๆ ของแต่ละคนมีไม่เท่ากัน และยังอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกันอีกด้วย...

เรื่องการดูแลสุขภาพเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ควรใส่ใจอย่างยิ่ง แต่บางทีเราก็มีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องนัก...จากหลายเหตุผล

แต่ก่อนตอนที่แม่ยังอยู่ ยามที่ลูกหลานสอบ คร่ำเคร่งอ่านหนังสือ แม่จะตุ๋นไก่กับเครื่องยาจีนสารพัด ให้เราทานกัน คนไม่มีรากยี้ในใจ คิดว่าต้มตุ๋นจนเปื่อยขนาดนี้จะยังมีคุณค่าอาหารอะไรเหลือ แต่ปรากฏในกาลต่อมาว่า การตุ๋นเป็นการช่วยให้กรดอะมิโนแตกตัวเพิ่มขึ้น ทำให้เราได้รับประโยชน์มากขึ้นค่ะ

พี่สบายดีนะคะ

ระลึกถึงพี่ค่ะ

(^___^)

  • พี่ศศินันท์คะ
  • ตอนนี้หว้าก็ออกกำลังกายค่ะ แล้วก็ทานวิตามินซีวันละ1000 มิลลิกรัม  ทานผัก ผลไม้
  • ทานสมุนไพรบ้างตามสมควร เพราะเมื่อก่อนชอบทานสมุนไพรมากๆ แต่ก็ต้องศึกษาว่าบางอย่างทานมากเกินไปก็เป็นผลเสียเหมือนกัน 
  • รักษาสุขภาพนะคะพี่

สวัสดีค่ะอาจารย์ อ.ลูกหว้า

ดีใจมากที่เข้ามาเยี่ยมค่ะ
เรื่องวิตามินซี พี่ก็ทานตามปกติ 1000 มิลลิกรัม แต่ก้ไม่เคร่งครัดว่า ต้องทานทุกวัน บางวัน ทานผลไม้มากพอ ก็งดไป แต่ถ้าวันไหน ทานผักผลไม้น้อยไป ก็จะทานเสริมค่ะ
ส่วนช่วงที่รู้สึกจะเป็นหวัด จะทานเสริมพิเศษไปอีกหน่อย คือ วันละ 2000 มิลลิกรัม ก็ไม่เกินที่แพทย์แนะนำค่ะ
ส่วนเรื่องสมุนไพร พี่ทานที่ผสมในกับข้าว พวก ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด น้ำมะตูม น้ำขิง อะไรพวกนี้ ถ้าเป็นสมุนไพรแปลกๆหน่อย ไม่ค่อยได้ทานค่ะ
อาจารย์ก็รักษาสุขภาพ เช่นกันนะคะ
มีมะเขือเทศ ที่กำลังออกลูกดก ที่บ้านมาฝากค่ะ พี่ชอบทานสดๆและเอามาทำกับข้าวค่ะ มีประโยชน์มาก

สวัสดีค่ะ คุณพี่ศศินันทฺ

แวะมาติดตามข้อมูล ไข้หวัด 2009 ใกล้ตัวเข้ามาทุกทีค่ะ ลูกสาวเพื่อนบ้าน ติดไข้หวัด นี้มาจากโรงเรียนประจำจังหวัด

น่ากลัวจังค่ะ

ขอบคุณค่ะ ครูใหม่ บ้านน้ำจุน ที่แวะมาอีกที

พี่เองก็พยามทำให้ร่างกายแข็งแรง จะได้ไม่ติดหวัดง่ายๆ มีบ้างที่เป็นหวัดนิดหน่อย แต่ไม่มีไข้ค่ะ และตอนนี้ก็หายแล้ว ตอนนี้ ที่บ้านพี่ ทุกคนก็เคร่งครัดกัน ในเรื่องต่อไปนี้ค่ะ


1.ล้างมือบ่อยๆด้วยน้ำ และสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ
2.ไม่ใช้สิ่งของ เช่น แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อนอาหาร ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดตัว เป็นต้น ร่วมกับผู้อื่น
3.ไม่ควรคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัด
4.กินอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ นม ไข่ ทานอาหารปรุงสุกใหม่ๆ และ
ใช้ช้อนกลาง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
5.หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่มีผู้คนแออัดและอากาศถ่ายเทไม่ดีเป็นเวลานาน โดยไม่จำเป็น
6.แนะนำคนรู้จัก  ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอด หอบหืด เบาหวาน โรคไต มีครรภ์ โรคอ้วน ทาลัสซีเมีย ภูมิต้านทานต่ำ ตั้งครรภ์ อายุต่ำกว่า 2 ปี หรือมากกว่า 65 ปี เป็นหวัดต้องพบแพทย์ทันที

สวัสดีค่ะพี่ศศินันท์

แวะมาทักทายและส่งรอยยิ้ม

ระลึกถึงพี่ค่ะ

(^___^)

สวัสดีค่ะน้อง คนไม่มีราก
ตอนนี้ พี่ยุ่งๆจริงๆ แต่ก็ยังพอมีเวลาเข้ามในโกทูโนค่ะ

มีคำขวัญ เกี่ยวกับมรรยาท ของสังคม จาก สสส.ค่ะ
ถึงเวลาที่คนไทยต้องใส่หน้ากากเข้าหากัน...

# ใส่หน้ากาก : การ ใช้หน้ากากอนามัยเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เชื้อไวรัสแพร่ระบาดไปยังคนอื่น
จะ เป็นแบบกระดาษใช้แล้วทิ้งหรือแบบผ้าที่เอามาซักแล้วใช้ได้ใหม่ก็ได้ ซึ่งสามารถลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่มีการติดต่อผ่านมาทางละอองจมูก น้ำลาย เสมหะ การไอและการจาม
(คำขวัญของ สสส. ป้องกันหวัดระบาด)

แม่บ้านพี่ ไปเยี่ยมสามีที่ป่วยอยู่ที่ร.พ. แนะนำให้เขาใส่หน้ากากไปด้วย
เขากลับมาเล่าว่า ที่โรงพยาบาลนี้ เจ้าหน้าที่ ทุกคน ใส่หน้ากากกันหมด คนไปโรงพยาบาล ส่วนใหญ่ก็ใส่
แสดงว่า การรณรงค์ให้ใส่หน้ากาก ได้ผลดีนะคะ

สวัสดีค่ะพี่ศศินันท์

ถึงเวลาที่คนไทยต้องใส่หน้ากากเข้าหากัน...

อ่านแล้วยิ้มเลยค่ะ  รับรองว่าคำขวัญนี้ของสสส.เป็นที่โด่งดังจำได้แม่นแน่ค่ะ....ฮา...

แวะมาทักทายด้วยความระลึกถึงพี่ค่ะ

รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

(^___^)

เถาองุ่นบ้านพี่ชายค่ะ ใบงามยังไม่มีผลเลยค่ะ

สวัสดีค่ะวันครอบครัวค่ะคุณพี่

นานแล้วไม่ได้มาทายทัก แต่น้องยังระลึกถึงเสมอนะคะ

คุณพี่คงหายป่วยแล้ว แหม ใครเลยจะเชื่อนะคะว่าคุณพี่ดูแลสุขภาพกาย ใจอย่างดีเยี่ยมแล้ว ไข้หวัดยังเล่นงานได้ ...  

ปูไม่ได้เป็นไข้หวัดแต่เพิ่งหายป่วยค่ะ เครียดลงกระเพาะเรื่องการงาน แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะ มาทายทักคุณพี่ ก่อนจัดเริ่มจัดระเบียบชีวิตอีกครา มาดูต้นแบบดีๆ เพือชีวีรื่นรมย์ค่ะ

ยังคิดถึงสวนสวย อาหารอร่อยในบ้านบันทึกคุณพี่เสมอค่ะ ...  

โครงการที่พักงาม เงียบ เรียบง่าย ที่นี่ สีคิ้ว ไปถึงไหนแล้วค่ะ  .. ระลึกถึงเสมอค่ะ

สวัสดีค่ะน้องคนไม่มีราก 29

ใช่ค่ะ คำขวัญ ...ถึงเวลาที่คนไทยต้องใส่หน้ากากเข้าหากัน...
อ่านแล้วยิ้มเลยเหมือนกันค่ะ
แต่เรื่องการใสหน้ากากอนามัยนี้ ก็มีด้านที่คนเอาไปใช้ ในเชิงไม่ดีก็มีนะคะ เช่น วันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมาได้มีคนร้ายจำนวน 3 คนพฤติกรรมใช้ผ้าปิดปากป้องกันไข้หวัด 2009 เข้าไปปล้นทรัพย์ร้านขายรถจักรยานยนต์ โดยคนร้ายได้ขึ้นไปที่ชั้นสองของร้านก่อนที่จะรื้อค้นทรัพย์สินได้ทั้งเงินและโทรศัพท์มือถือ และทรัพย์สินอีกหลายรายการ
อย่างนี้ ก็เรียกว่า ฉวยโอกาส ก่อความเสียหายมากนะคะ

สวัสดีค่ะน้อง poo 30
พี่ก็คิดถึงน้องอยู่นะคะ หายไปนานเลย แวะมาเยี่ยมกันบ่อยๆกว่านี้นะคะ
ตอนนี้ ที่กทม.ดูจะซาๆลงไป คนไม่ค่อยเป็นไข้หวัดกันนัก แต่ไปเป็นที่ต่างจังหวัดค่ะ เช่น  จังหวัดบุรีรัมย์  ล่าสุดตรวจพบผู้ติดเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 เพิ่มเป็น 120 ราย ใน 19 อำเภอ

ส่วนมากป่วยผู้ที่พบ จะเป็นนักเรียนอยู่ในกลุ่มอายุระหว่าง 11 - 20 ปี

ซึ่ง  ขณะนี้ทางสำนักงานสาธารณสุข ได้ระดม อสม.ที่มีอยู่ในทุกหมู่บ้านกว่า 30,000 คน แจกเอกสารให้ความรู้ชาวบ้านในหมู่บ้าน และชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในภาวะเสี่ยง หรือครอบครัวที่มีเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ ผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ ให้เฝ้าระมัดระวังดูแลป้องกันเป็นพิเศษ
หากพบว่ามีผู้ต้องสงสัยติดเชื้อไข้หวัด 2009 ก็จะทำการตรวจรักษาและให้ยาโอเซลทามีเวียร์ เพื่อควบคุมป้องกันการระบาดทันที
หวังว่า สถานการณ๋์ คงจะเริ่มดีขึ้นๆแล้วค่ะ

สวัสดีค่ะพี่ศศินันท์

แวะมาด้วยความระลึกถึงพี่ค่ะ

น้องไปเข้ากรรมฐานที่ยุวพุทธิกสมาคมฯ มา 8 วันค่ะ จำนวนคนมากถึง 439 คน และเป็นการปฏิบัติธรรมในห้องปรับอากาศ ... อดจะกังวลไม่ได้เช่นกัน เนื่องจากมีเสียงไอและจามอยู่บ้างหลังการปฏิบัติธรรมในวันที่ 3 ค่ะ  เดาว่าน่าจะเนื่องมาจากการอยู่ในห้องปรับอากาศตลอดวันและห้องนอนก็เป็นห้องปรับอากาศอีกด้วยค่ะ

แต่ก็สังเกตเห็นถึงความตื่นตัวในการป้องกันการแพร่กระจายของหวัดมาก มีหน้ากากอนามัยแจกทุกวัน มีเจลล้างมือวางไว้หน้าห้อง รวมทั้งมีสมุนไพรฟ้าทะลายโจรไว้ให้เผื่อผู้ที่อยากทานไว้ป้องกันด้วยค่ะ

พี่รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

(^___^)

สวัสดีค่ะน้อง. คนไม่มีราก
หายไปปฎิบัติธรรมมานี่เอง ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ

เรื่องความตื่นตัวในการป้องกันการแพร่กระจายของหวัดนี่ เห็นว่า มีมากขึ้น จนน่าพอใจค่ะ หลายแห่งมีหน้ากากอนามัยแจก แต่ส่วนใหญ่มีเจลล้างมือวางไว้บริการ

ส่วนเรื่อง ไทยจะผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้ไม่ทันความต้องการหรรือเปล่า คงต้อติดตาม
และยังมี ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการใช้วัคซีน "เชื้อเป็น" ที่ยังไม่ชัดเจนว่าก่อความรุนแรงต่อผู้รับวัคซีน
หรือทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมในไวรัสไข้หวัดใหญ่หรือไม่ และมีเพียง สหรัฐฯ และรัสเซียที่ทำก่อน ส่วนไทยเพิ่งจะเริ่มศึกษาไปพร้อมๆ กับอินเดีย

ได้ข้อมูลจากท่าน รศ.นพ.ประสิทธิ์ ผลิตผลการพิมพ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวระหว่างการเสวนา "แผนการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ 2009 ระดับโรงงานขนาดใหญ่" ซึ่งจัดขึ้นโดยศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย สวทช. ณ อาคาร สวทช. (ถนนโยธี) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เมื่อวันที่ 20 ส.ค.52  ว่า

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนั้นผลิตมา "เชื้อตาย" (Inactivated vaccine) ของไวรัสไข้หวัดใหญ่ แต่ขณะนี้องค์การเภสัชกรรมกำลังผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จาก "เชื้อเป็น" (Live attenuated vaccine) ของไวรัส

การผลิตวัคซีนจากไวรัสเชื้อเป็นนั้น รศ.นพ.ประสิทธิ์ อธิบายคร่าวๆ ว่าเป็นการทำให้เชื้อไวรัสอ่อนแรง แล้วให้เข้าไปเจริญเติบโตในร่างกายได้ แต่อ่อนแอเกินกว่าจะเกิดโรคและทำอันตรายต่อร่างกาย

ข้อแตกต่างระหว่างการใช้เชื้อเป็นและเชื้อตาย คือถ้าใช้วัคซีนเชื้อตายจะต้องฉีดให้แก่ผู้รับในปริมาณมาก ขณะวัคซีนเชื้อเป็นจะฉีดให้ผู้รับในปริมาณที่น้อยกว่า

ดังนั้น เมื่อเกิดการระบาดจึงเลือกใช้ "เชื้อเป็น" เพื่อผลิตวัคซีน แต่ปัญหาคือวัคซีนจากเชื้อเป็น จะใช้ได้กับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันดีและสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้เท่านั้น แต่ปัจจุบันมีมีผู้ที่ภูมิคุ้มกันไม่ดี เช่นผู้ที่ผ่านการทำเคมีบำบัด ป่วยเรื้อรัง ที่อาจเกิดอาการไม่ดีเมื่อวัคซีนได้

สำหรับเชื้อเป็น ของไวรัสไข้หวัดใหญ่นั้น ถูกทำให้อ่อนแรงโดยนำไปแช่ที่อุณหภูมิต่ำ ทำให้เจริญเติบโตได้ไม่ดี แต่ยังไม่ตาย ซึ่ง ภก.สิทธิ์ ถิระภาคภูมิอนันต์ ผู้อำนวยการกองผลิตวัคซีนจากไวรัส องค์การเภสัชกรรม (อภ.) อธิบายว่า เชื้อไวรัสตั้งต้นสำหรับผลิตวัคซีน จะเติบโตที่อุณหภูมิ 32-33 องศาเซลเซียส ซึ่งจะเจริญเติบโตได้ที่ทางเดินหายใจตอนต้น แต่จะอยู่ไม่ได้ที่อุณหภูมิตั้งแต่ 37 องศาเซลเซียสขึ้นไป

ทั้งนี้ ข้อควรระวังในการใช้วัคซีนจากเชื้อเป็นคือ ไม่ใช้กับผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง คนท้อง ผู้ป่วยหอบหืด ผู้ป่วยโรคไต ผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่างๆ และใช้ในเด็กได้ตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป

สวัสดีค่ะพี่ศศินันท์

ขอบพระคุณพี่ค่ะที่ร่วมอนุโมทนาบุญจากการไปปฏิบัติค่ะ

มาเยี่ยมเยือนพี่ด้วยความระลึกถึง

น้องเพิ่งหายหวัด เป็นหวัดที่ติดมาจากห้องกรรมฐานค่ะ แต่เป็นเพียง 2 วัน วันนี้ไม่มีน้ำมูก ไม่ปวดเมื่อยแล้ว

รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

(^___^)

สวัสดีค่ะน้อง คนไม่มีราก
เป็นหวัดเสียแล้วหรือคะ ขอให้หายเร็วๆนะคะ พี่เองเป็นแล้ว หายแล้วค่ะ

ส่วนเรื่องไข้หวัด2009ในประเทศเรา
จากการติดตามข่าว ประชาชน หน่วยงานรัฐ และเอกชน ร่วมมือกันรณรงค์ป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 พบว่ามีการตื่นตัวค่อนข้างสูง
เช่น กองทัพอากาศ มีการจัด Big Cleaning ทำความสะอาดทั้งกองทัพ เครื่องบิน ซี 130 เช่นเดียวกับกองทัพบกและกองทัพเรือได้ดำเนินการป้องกันมาเป็นระยะเวลา 4 เดือนแล้ว
ตามองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่ จ.นครราชสีมา พบว่า มีความตื่นตัวมาก เช่น มีการตัดเย็บหน้ากากอนามัยแจกกันเองภายในชุมชน

แม้ในกรุงเทพฯ  โรคนี้ จะดูน้อยลง แต่ที่ต่างจังหวัด  ตามข่าวแล้ว  ยังน่าห่วง เพราะการแพร่ระบาดและการติดเชื้อของประชาชนในต่างจังหวัดมีความรุนแรงมากขึ้น และอยู่ในช่วงขาขึ้น
โดยเฉพาะพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะที่ จ.เชียงใหม่ ลำปาง และนครสวรรค์ มีอัตราติดเชื้อเร็วมาก
ส่วนจังหวัดร้อยเอ็ดยังพุ่งสูงเช่นกัน ส่วนที่ จ.นครราชสีมาเริ่มทรงตัว

พี่ว่า  เราอย่าได้ประมาทจะต้องตื่นตัวและช่วยกันดูแลป้องกันตลอดเวลาค่ะ   ถ้าไม่ช่วยกันจะอันตรายมาก โดยเฉพาะในช่วงที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 ออกมานะคะ
ทานผลไม้และน้ำผลไม้ เช่น น้าส้ม น้ำมะนาว เป็นต้นค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ ครูโต๊

ปกติ การทานอาหารครบมู่กับไม่ลืม ทานผักผลไม้ด้วยทุกมื้อ ก็จะเป็นการทำให้ร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว
ถ้าเกิดเป็นหวัด  เป็นที่น่ายินดีว่าฟ้าทะลายโจร Andrographis paniculata ( Burm.f. ) Wall. ex Nees ที่มีชื่อเรียกว่า ซีปังกี ฟ้าทะลาย หรือหญ้ากันงู
สมุนไพรตัวหนึ่งของไทย ที่ได้รับการทดสอบโดยแนวทางการค้นคว้าของแพทย์แผนปัจจุบัน
จนเป็นที่ยอมรับจนได้บรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติของประเทศไทย จะช่วยได้มาก บรรเทาอาการของโรคหวัด ได้แก่ อาการเจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ น้ำมูกไหล และบรรเทาอาการท้องเสียชนิดที่ไม่ติดเชื้อได้ค่ะ

สาเหตุสำคัญก็เนื่องมาจากในฟ้าทะลายโจรเองมีสารออกฤทธิ์เรียกว่าแอนโดรกราฟโฟไลด์ (Andrographolide) ที่ให้ผลในการลดไข้ ต้านอาการอักเสบ ลดอาการจากการหวัด

ส่วนผลต่อไวรัส สมุนไพรตัวนี้จะมีผลไปลดการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส จึงทำให้เชื้อไวรัสเข้าสู่เซลล์ของคนเราได้ยากขึ้น ขณะเดียวกันยังมีฤทธิ์ไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายเราตามปกติ ส่งผลให้ร่างกายของเราต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ดียิ่งขึ้นค่ะ
ขอให้มีสุขภาพดีนะคะ

แวะมาส่งความระลึกถึงพี่ค่ะ

น้องเองไม่ค่อยได้เข้าไปอ่านอนุทิน จึงไม่ค่อยทราบความเป็นไป

แต่ติดตามอ่านบันทึกและอนุทินของพี่ค่ะ

คาดว่าระยะนี้พี่คงมีภารกิจต้องติดตามข่าวสารบ้านเมืองมาก

รักษาสุขภาพมาก ๆ นะคะ

ไม่ทราบชื่อดอกอะไรค่ะ ถ่ายมาจากบ้านพี่ชาย...ที่รังสิตค่ะ

ถามพี่ พี่บอกคนขายบอกแต่จำไม่ได้แล้ว...

(^___^)

สวัสดีค่ะน้อง คนไม่มีราก

ขอบคุณที่ ติดตามอ่านบันทึกและอนุทินของพี่ค่ะ  ระยะนี้พี่มีภารกิจมกหน่อย และต้องติดตามข่าวสารบ้านเมืองมากเหมือนกัน เลยไม่ค่อยได้เขียนอะไรเพิ่มเติม  แต่ก็รักษาสุขภาพอยู่ค่ะ

ดอกไม้สวย พี่ชอบดอกไม้สีเหลืองค่ะ เดี๋ยวนี้ ดอกไม้พันธุ์ใหม่ๆก็มีมาก จำไม่ค่อยได้ บางที คล้ายๆกันมากด้วยค่ะ

พี่มีอาหารต้านหวัด ที่ทานบ่อยๆแล้ว รู้สึกว่า ดี คือ ซุปไก่ ไก่ผัดขิง ยำผลไม้ มันต้มขิง ป็นต้นค่ะ ยิ่งหน้าฝนอย่างนี้ ยิ่งทานแล้ว ดีค่ะ
มีรูปดอกซากุระเต็มต้น สวยมากตอนเมษายน  ที่ญี่ปุ่นมาฝากค่ะ


สวัสดีอีกครั้งค่ะ...

จำได้ว่าพี่เคยบอกชอบดอกไม้สีเหลืองค่ะ ...^_^...

แอบแวะมาอ่าน เรื่องอาหารต้านหวัด เช่น ซุปไก่ ไก่ผัดขิง มันต้มขิง ดูเหมือนจะเป็นอาหารที่มีรสเผ็ดร้อนของเครื่องปรุง เช่น ขิง ซึ่งน่าจะจริงค่ะ

น้องดื่มน้ำขิงทุกวันตอนเช้าค่ะ พี่สาวจัดการให้ ตอนนี้อาการทุเลาแล้ว แต่ยังเสียงอู้อี้นิดหน่อยค่ะ

ขอบคุณความห่วงใยของพี่ค่ะ

(^___^)

เรื่องอาหารต้านหวัด เช่น ซุปไก่ ไก่ผัดขิง มันต้มขิง ดูเหมือนจะเป็นอาหารที่มีรสเผ็ดร้อนของเครื่องปรุง เช่น ขิง เป็นอาหารธรรมดาๆ แต่จะช่วยมาก อย่าลืมลองทานนะคะ

ขิง จะช่วยต้านหวัด และไข้หวัด ลดปริมาณของเชื้อไวรัส ในร่างกาย กระเทียมก้ดีค่ะ ช่วยขับเสมหะ ถ้าทานสดๆไม่ได้ เขามีขายเป็นแคปซูลค่ะ ส่วนฟ้าทะลายโจร แก้เจ็บคอ น้ำมูกไหล ไอ อ่อนเพลีย ปวดศรีษะได้ดี พี่ลองมาแล้วค่ะ หายเร็วกว่าที่คาดเลย

ไข่ตุ๋นก็ดีนะคะ ย่อยง่าย เป็นโปรตีน ทำให้ไม่เพลียค่ะ


สวัสดีค่ะมีคำถามรบกวนนิดนึงค่ะ

คนที่ท้องถ้าเกิดรับประทานวิตามินซีจะมีอันตรายไหมค่ะ

เป็นวิตามินซีแบบ 500 มก ค่ะ

รบกวนตอบด้วยค่ะ

สวัสดีค่ะคุณไก่
คุณถามว่า...คนที่ท้องถ้าเกิดรับประทานวิตามินซีจะมีอันตรายไหมค่ะ เป็นวิตามินซีแบบ 500 มก

ดิฉันอยากขอให้คุณไปปรึกษาแพทย์ดีกว่าค่ะ
แต่ที่บันทุกด้านบน ก็บอกแล้วว่า...
ข้อ เสีย :: ของการได้รับวิตามินซี มากเกินไป ก็มีอยู่ เช่นการสะสมธาตุเหล็กตามกระดูกข้อต่อต่างๆ มากขึ้น และอาจทำให้เกิด โรคเกาต์ได้ในที่สุด หรืออาจเกิดนิ่วในไต และอาจไปรบกวนการดูดซึมของทองแดงและซีลีเนียมได้

และสำหรับบางคน....การได้รับวิตามินซีเกินวันละ 10,000 มิลลิกรัม อาจทำให้ท้องเสีย ท้องอืด ท้องเฟ้อได้

 

และ สำหรับหญิงตั้งครรภ์ the U.S. Food and Nutrition Board ก็ไม่แน่ใจว่า การกินวิตามินซีในรูปอาหารเสริม จะให้ประโยชน์หรือไม่ แต่ถ้าเป็นวิตามินซี จากอาหารธรรมชาติ มีประโยชน์แน่นอน เพราะจะไปช่วยลดอาการภูมิแพ้ในเด็กเมื่อคลอดออกมาได้

และสำหรับหญิงตั้งครรภ์ the U.S. Food and Nutrition Board 
ก็ไม่แน่ใจว่า การกินวิตามินซีในรูปอาหารเสริม จะให้ประโยชน์หรือไม่ 
  
แต่ถ้าเป็นวิตามินซี จากอาหารธรรมชาติ มีประโยชน์แน่นอน เพราะจะไปช่วยลดอาการภูมิแพ้ในเด็กเมื่อคลอดออกมาได้ 
สรุปว่า ทานผักผลไม้ ธรรมชาติดีกว่าค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท