มัทนา
มัทนา (พฤกษาพงษ์) เกษตระทัต

เรียนรู้ความเหมือนของศาสนาต่างๆจากประวัติศาสตร๋ยุคสมัย Axial (6)


บทที่ 1 (ต่อ)

ตอนที่แล้วพวกเราได้รู้จักกับบรรดาเหล่าริชี (rishi) ไปแล้ว ตอนนี้มาทำความรู้จักกับชาวอารยันอีกพวกหนึ่งที่มีความเชื่อ และการใช้ชีวิตที่แตกต่างไปจากพวกริชีค่ะ

2.4 ยุคพระเวท: พวกนักรบและกองโจร (ต่อ)

นักรบอารยันยุคพระเวทนี้เชื่อว่าเค้าจะได้เป็นหนึ่ง และเข้าถึงเทพเจ้าด้วยการต่อสู้ (นั่งสมาธิเฉยๆไม่เอา) ยิ่งสู้จนพลีชีพไปเลยยิ่งดี เป็นการเสียสละอย่างดียิ่ง 

ดังที่เคยเกริ่นๆไว้ว่า พวกเค้านับถือเทพอินทรา (Indra) ซึ่งเป็นเทพแห่งความกล้าหาญ เทพนักรบ พวกเค้าเชื่อว่าต้องทำตามเทพอินทราแล้วจะได้ดี

เทพต้องสู้กับอสูร

สมัยที่ยังไม่ย้ายมาอินเดีย อสูรก็คือพวกโซโรอัสเตอร์นั่นเองค่ะ 

คำว่าอสูร จริงๆไม่ได้แปลว่ายักษ์หรือปิศาจนะคะ คำว่า Asura  เป็นภาษาสันสกฤตของคำว่า Ahura ในภาษาอเวสถาน แปลว่า Lord  ซึ่งเป็นคำนำหน้าเรียนพระผู้เป็นเจ้า (เช่น Lord Jesus) พวกโซโรอัสเตอร์เรียกเทพมาซด้าว่า Lord Mazda หรือ Ahura Mazda นั่นเอง 

ทีนี้พวกของโซโรอัสเตอร์เป็นศัตรูกับพวกนักรบรถม้าใช่ไม๊ค่ะ พวกนักรบรถม้าก็เทียบว่าตนคืิอพวกเทพ (deva) ส่วนพวกตรงข้ามเป็นพวก ahura หรือ asura หรือ อสูรนั่นเอง

พอย้ายมาอินเดียไม่มีพวกโซโรอัสเตอร์แล้วให้ทายค่ะว่าอสูรพวกใหม่คือใคร 

ก็พวกคนอินเดียพื้นเมืองแหละค่ะ กลายเป็นเป้าหมายใหม่ (asura คือพวกที่รักสงบไม่ยอมนับถือ Indra)  

นักรบรถม้าจู่โจม ขโมยวัวของคนพื้นเมืองด้วยความเข้าใจว่า เค้ากำลังเลียนแบบ Indra บนสวรรค์ ลืมเล่าไปว่าในตำนานนั้น Indra ดื่มน้ำโสม หรือ น้ำโสมา (soma) ซึ่งเป็นพืชที่มีฤทธิ์หลอน/กระตุ้นประสาท เพราะฉะนั่นเหล่านักรบก็ highยาไปจู่โจมไป ประมาณนั่นค่ะ เวลาสู้ เค้าก็มีอารมณ์ร่วมไปกับตำนาน คิดว่าได้สัมผัสกับพลังเหนือธรรมชาติบางอย่างที่เค้าเรียกว่า "เข้าถึงพระเจ้า" นี่แหละค่ะ แม้เป็นความรู้สึกชั่วคราว เค้าก็เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีมากๆ เหมือนได้เกิดใหม่

------------ 

http://www.dhushara.com/book/orsin/soma.jpg

[พืชที่ทางนักประวัติศาสตร์คาดว่ามันคือ Soma ที่ในคัมภีร์พระเวทกล่าวถึง - จาก www.dhushara.com

-------------- 

ที่นี้การซุ่มปล้นนี่ไม่ใช่สนามรบใหญ่ค่ะ ยังมีมากกว่านั่น...

สมัยนั้นเริ่มอารยันอพยพมาหลายกลุ่ม ก็มีกันหลายเผ่า กระจายกันอยู่ทั่วลุ่มน้ำสินธุ แต่ละเผ่าก็จะมีหัวหน้า (cheif) เรียกว่า Raja หรือ ราชา นั่นเองค่ะ แต่ละเผ่าแต่ละพวกก็ไม่่ได้ใหญ่โตเป็นประเทศหรอกค่ะ แต่ก็เรียกว่า ราชา

สมัยนี้เริ่มมีพิํํธีบวงสรวงใหญ่โตค่ะ เผ่านี้ชวนเผ่าอื่นมาร่วมด้วย

งานบวงสรวง Indra เป็นทั่งพิธีทางจิตวิญญาณและเป็นงานรื่นเริง แรกๆก็ดูดีค่ะ มีเจ้าภาพ มีแขกที่เดินทางมาจากเผ่าต่างๆมาร่วมวง นึกภาพตามนะคะ

งานนี้มีสัตว์ที่โดนสังเวชกองพะเนินค่ะ ยิ่งฆ่ามาไดเยอะยิ่งดีเทพเจ้าพอใจ คนเผ่านั่นจะได้ขึ้นสวรรค์ มีการร้องรำทำเพลง ดื่มเหล้าและน้ำโสม มีการแข่งความเร็วรถม้า แข่งยิงธนู ต่อมาเริ่มไปกันใหญ่ค่ะ มี casual sex กับพวกทาสหญิง มีการทำสงครามจำลองตำนาน สู้ไปสู้มาโกรธจริง ฆ่ากันตายจริง  แต่โชคดี(รึเปล่าไม่รู้) มีคนตะโกนว่า คนที่ตายหน่ะ (Sthura) เป็นการพลีชีพให้เทพ ก็เลยตกลงกันได้ไม่มีสงครามจริงตามมา

แต่เรื่องยังไม่จบค่ะ การบวงสรวงแบบนี้จะสลับกันเป็นเจ้าภาพ ไปแต่ละเผ่าละเผ่า แล้วมีการโชว์พาวค่ะ งานต่อไปต้องจัดให้ใหญ่ขึ้น มีสัตว์มาสังเวยมากขึ้น (ก็แปลว่าต้องไปออกปล้นมากขึ้น) แถมเรื่องการเชิญแขกไม่ครบก็เป็นปัญหาค่ะ ถ้ามีงานแล้วเผ่าไหนไม่ได้รับเชิญก็โกรธ เสียหน้าค่ะ ยอมไม่ได ไม่เชิญข้า ไม่เป็นไร ข้าไปเอง บุกไปกลางงานเลยค่ะ คราวนี้ก็สู้จริงสิค่ะ ชีวิตก็เป็นวงจรแบบนี้ไป ความรุนแรงยิ่งมากขึ้นทุกทีคราวนี้รบเพื่อเทพเจ้า กับรบเพราะตัวเองจะแก้แค้นก็มั่วไปหมดแล้วค่ะ

แล้วมันก็คงเหมือนทุกๆอย่างในธรรมชาติ มันคงแย่มากจนถึงจุดเปลี่ยนค่ะ สมัยพระเวทช่วงหลังๆเริ่มมีคนคิดปฏิรูป (แต่ยังไม่สำเร็จดี) พวกนักรบด้วยกันเองก็เริ่มเห็นว่ามันไม่ไหว

ในคัมภีร์ฤคเวทตอนท้ายๆก็มีเขียนไว้ว่า ผู้คนท้อและเหนื่อย  (worn out) พวกริชีก็บ่น 

2.5 ปลายยุคพระเวท: เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง

ช่วง 1000 ปีก่อนคริสตกาลนี้เองที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงช้าๆอีกครั้ง

พวกclan-man หรือนักรบที่ไม่ใช่หัวหน้าเผ่า หรือระดับขุนนาง เริ่มปักหลักที่หมู่บ้านเป็นกสิกร ไม่ออกไปเข้าป่าแล้วพวกนี้เรียกว่า Vaishyas

โครงสร้างของเผ่าเลยเปลี่ยนไป เหลือแต่พวกขุนนางเป็นใหญ่เรียกว่าพวก Kshatriyas พวกนี้เริ่มรวมตัวกันสร้างอาณาจักร คำว่า ราชา ตอนนี้เลยหมายถึงคำว่า King ในที่สุด แต่สมัยนั้นหัวหน้าเผ่าแต่ละเผ่าสลับกันเป็น ราชา ปีละคน คนที่อยากเป็นต่อต้องมา challenge คนเก่าประลองฝีมือ ใครชนะได้เป็นราชา ใครแพ้ต้องเข้าป่าไป (แต่มักจะกลับมา challenge อีกในปีต่อๆไปค่ะ) พิธีประลองฝีมือนี้เรียกว่า Rajasuya  บ้านเมืองไม่สงบหรอกค่ะ

ใช่แล้วค่ะใครจะทนได้ ทั่งชาวอารยันและชาวอินเดียพื้นเมืองเริ่มอพยพอีกครั้ง คราวนี้้เดินทางไปทางตะวันออก แล้วเรียกพื้นที่บริเวณนั้น (ระหว่างแม่น้ำ Yamuna กับ แม่น้ำ Ganges) ว่า Arya Varta หรือ Land of the Arya พวกเค้าตั้งเมืองใหม่ขึ้น 2 เมือง

  • King of KuraPanchala ตั้งเมืองอยู่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของแม่น้ำ Ganges ชื่อว่า Hastinapura
  • ส่วนพวก Yadava คือพวกสามัญชน ไปตั้งเมืองชื่อ Mathura อยู่ทางใต้

ยุคพระเวทก็ใกล้สิ้นสุดลงค่ะ จะกลายเป็นยุคพราหมณ์แล้ว เป็นยุคที่นักปฏิรูปทำการสำเร็จ ความรุนแรงหมดไปจริงๆ เพราะมีตำนานเทพองค์ใหม่มาลบความเชื่อเทพอินทราไว้ได้ค่ะ ไว้จะมาเล่าต่อนะคะ ช่วงนี้ยุ่งเขียนได้อาทิตย์ละวันเองค่ะ 

----------------------------------------------------------------------- 

 มีภาพมาฝากค่ะ

นักรบรถม้าก็อารมณ์ประมาณนี้ค่ะ

http://www.himalayanacademy.com/resources/books/dws/images/dws_time_krishna-arjuna.jpg

จาก http://www.himalayanacademy.com

จาก http://www.mysteriousworld.com/

http://www.westminster.edu/staff/brennie/images/gita.gif

จาก http://www.westminster.edu

เริ่มมีชนชั้นวรรณะแล้วค่ะ

http://www.sfusd.k12.ca.us/schwww/sch618/India/caste.jpg
จาก http://www.sfusd.k12.ca.us/schwww/sch618/India/caste.jpg


---------------------------------------------------------------------- 

  • หมายเหตุ: การแปลเรื่องThe Great Transformation: The Beginning of Our Religious Traditions ของ Karen Armstrong ที่นี่ไม่ได้ขอลิขสิทธิ์และไม่มีจุดประสงค์ทาง ธุรกิจ กรุณาอ่านข้อตกลงทางลิขสิทธิ์ที่ได้จดไว้กับ creative common ทางแถบข้อมูลด้านขวาล่างของบันทึกนี้และปฏิบัติตามด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ 
หมายเลขบันทึก: 95743เขียนเมื่อ 12 พฤษภาคม 2007 02:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 พฤษภาคม 2012 10:21 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

แวะมาเยี่ยมครับ...งานชุม(ยังกะยุง)เหมือนกัน...ใกล้เปิดเทอมแล้ว...ชีวิตเมื่อ 1000ปีก่อนก็คงยุ่งเหมือนทุกวันนี้ละมังครับ...

โอชกร

อ. พี่โจ (โอชกร): ใช่เลยค่ะ โดยเฉพาะการทำสงคราม

รบเพื่อการเข้าถึงเทพเจ้า หรือ รบเพราะตัวเองจะแก้แค้นเอง ก็มั่วไปหมดแล้วค่ะ

3000 ปีผ่านมาแล้ว คนเราก็วนไปวนมาทีีเดิม 

สวัสดีครับพี่มัทนา

ลองอ่านดูแล้ว ในยุคพระเวทนั้น คงจะวุ่นวายเอามากเลยครับ โดยเฉพาะงานบวงสรวงอินทรานั่นแล้ว สัตว์นอนตายกันเป็นกองภูเขา ลองนึกภาพแล้วไม่น่าสดใสเลยครับพี่

ขอบคุณครับพี่ 

สวัสดีึค่ะ น้อง ปริวิทย์

นั่นหน่ะสิคะ แต่เดี๋ยวก็จะมีการปฏิรูปแล้วค่ะ คนยุคพราหมณ์ จะใช้ชีวิตแนว อหิงสา (ahimsa) แล้วคราวนี้ 

  • ตามมาทักทาย
  • ทุกครั้งที่อ่าน
  • ผมชอบคิดว่าตัวเองเป็นนักรบครับ
  • ไม่อย่างนั้นก้คิดว่าเป็นลูกพระพาย
  • ฮ่าๆๆๆ

สวัสดีครับ อาจารย์มัท

        พี่มีบทความที่อาจารย์อาจจะสนใจครับ เคยนำลงใน นสพ.กรุงเทพธุรกิจ มาก่อน 

        มหาวีระ ศาสดาแห่งศาสนาเชน ตอนที่ 1

        มหาวีระ ศาสดาแห่งศาสนาเชน ตอนที่ 2

ปล. ขอเรียกตัวเองว่าพี่นะครับ เพราะปีนี้อายุ 42 แล้ว น่าจะมากกว่าอาจารย์มัทแน่ๆ ครับ ;-)

 

ผมชอบเรื่องแบบนี้มากเลยครับถ้าเป็นจริงผมจะจำและผมจะอ่านต่อไปเรื่อยๆครับผมอ่านหมดแล้วครับแล้วเขียนต่อตอนไหนครับจะรออ่านครับและถ้าเป็นไปได้ผมอยากย้อนเวลาไปดูเลยครับขอบคุณมากครับ

ตอนที่เจ็ด เขียนหรือยังครับ รออ่านมาหลายปีแล้ว กำลังมันส์เลย อยากให้บ้านเราพวกปฏิรูปเอาชนะวรรณะนักรบ กับพ่อค้า ได้ซะที 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท