โทรถามโรงพยาบาลทราบผลตรวจเชื้อแล้วเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009


ไข้หวัดใหญ่ 2009 : ลดความเหลื่อมล้ำทางความรู้ด้วยการช่วยกันแนะนำวิธีการดูแลและป้องกัน

     เมื่อวันที่ 1 3 กรกฎาคม 2552 น้องพงศะได้ไปนอนโรงพยาบาลช่วงนั้นไข้หวัด 2009 กำลังระบาดรุนแรงหนักขึ้น เกือบทุกโรงพยาบาลห้องเต็ม ที่โรงพยาบาลนี้ก็เต็มเหมือนกัน กว่าน้องพงศะจะได้ห้องเดี่ยว ต้องพากันกลับบ้านแล้วมาใหม่ตอนบ่าย

     อาการก่อนหน้านั้น 2 วัน คืนวันจันทร์น้องพงศะเป็นไข้สูง 39 องศา ก็พาไปหาหมอคืนวันอังคารก็ยังไข้สูง เช้าวันพุธ 1 ก.ค. 52 ก็เลยพาไปโรงพยาบาล

     พอได้ห้องแล้ว น้องพงศะก็ถูกเจาะเลือดและป้ายจมูกเอาเชื้อไปตรวจแล็ป และถูกเข็มแทงเพื่อให้น้ำเกลือ สงสารจังโดนเข็มแทงฟรีไป 1 ครั้ง เพราะไม่เห็นเส้นเลือดที่มือเลย อากาศหนาวมันหดหายไปหมด        

     ต้องรอเวลาให้เห็นเส้นเลือดขึ้นก่อนค่อยแทงเข็มใหม่ ช่วงอยู่โรงพยาบาล อาการน้องพงศะก็ดีขึ้น ได้กินยาทางสายน้ำเกลือ และผลตรวจออกมาก็ทราบว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ แต่ต้องส่งไปตรวจพิเศษที่รามา อีก 3 วัน (คือ วันจันทร์ 6 ก.ค.) จึงจะรู้ผลว่าเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือไม่ แต่ถึงอย่างไร คุณหมอก็บอกเราว่าวิธีการรักษาเหมือนกันกับ ไข้หวัดใหญ่ธรรมดา

     ตอนอยู่โรงพยาบาล น้องพงศะก็มีอาการไอมาก มีไข้บ้างแต่ลดลง อาเจียนบ้าง ท้องเสียบ้าง ที่สำคัญน้องพงศะชอบมากเพราะได้ดูช่องการ์ตูนทั้งวันตั้งแต่เช้าจนดึก ไม่รู้จักนอนหลับพักผ่อน อยู่ 1 คืน คุณหมอบอกว่าให้กลับบ้านได้ แต่เราก็เลยให้พักดูอาการไป 2 คืน

     กลับมาพักผ่อนที่บ้านอีก 1 วัน แล้ววันอาทิตย์ที่ 5 ก.ค. 52 พวกเราก็ไปเที่ยวหัวหินกัน 3 วัน 2 คืน เพราะได้จองที่พักไว้ล่วงหน้าเป็นเดือนแล้ว  อยู่หัวหินน้องพงศะก็หายแล้วแต่ก็ให้กินยาที่หมอสั่งจนหมด พอเช้าวันอังคารที่ 7 ก.ค. นึกได้ว่าต้องโทรไปถามผลจาก          โรงพยาบาล (เลยมา 1 วันแล้ว) ก็โทรไปถามหมอถามพยาบาล ทราบผลว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009

     พวกเราก็ตกใจ แต่น้องพงศะก็หายแล้วนี่ ยังไม่ปลิดทิ้งเสียทีเดียว เช้าวันนั้นน้องพงศะขอว่ายน้ำสระที่โรงแรมให้ได้ ก็ให้ว่ายน้ำไป 1 ชั่วโมง แล้วก็เหมือนจะเป็นหวัดขึ้นมาอีกรอบเพราะจามน้ำมูกไหล หลังจากวันนั้นจนวันนี้ น้องพงศะก็มีเป็นหวัดคัดจมูกบ้าง ก็ให้กินยา (ไม่รู้ที่ได้ฟังข่าวว่า ใครที่เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แล้ว จะมีภูมิคุ้มกัน จะไม่เป็นอีกนั้น จริงหรือไม่)

 

    แต่ที่สำคัญ เชื้อนี้คงช่างรุนแรงเหลือเกินจริง ๆ เพราะหลังจากนั้น ทั้งคุณน้องและ มะลิ มาพา ก็งอมไปเลย เพราะเป็นไข้ มีอาการไอมาก ๆ เป็นอยู่ 2 วัน คุณน้องก็ไปหาหมอก่อน คุณหมอก็เจาะเลือดและป้ายจมูกไปตรวจเชื้อ และให้ยามากิน ได้ผลมากเลย อาการดีขึ้นมากทันตาเห็น  ส่วนมะลิ มาพา รอเวลางอมให้เต็มที่ก่อน ค่อยไปหาหมอหลังจากนั้น หมอก็ป้ายจมูกไปตรวจเชื้อ ไม่ได้เจาะเลือด แต่ป้ายจมูกก็ไม่ค่อยมีน้ำมูกให้ไปตรวจ เพราะมะลิ มาพา มีไข้และไอมาก ๆ ไม่ค่อยมีน้ำมูก ไม่มีอาการหวัดนัก ได้ยามากินเหมือนกัน ดีขึ้นมากเลย  รอผลตรวจเชื้อวันนั้นก็ผลเป็นลบ ก็ตีความได้ 2 อย่าง คือ ไม่เป็นไข้หวัดใหญ่ กับตรวจแล้วไม่รู้ผลเพราะป้ายจมูกแล้วไม่มีน้ำมูกพอที่จะตรวจเชื้อได้

 

     ส่วนผลตรวจของคุณน้อง ผ่านไปอีก 2 3 วัน คุณหมอก็โทรมาบอกผลว่า เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ก็ไม่รู้ว่าคุณน้องไปเผยแพร่ความรู้ หรือว่าเชื้อโรคให้ใครอีกหลายคนหรือไม่ เพราะช่วงนั้นคุณน้องมีงานประชุมสัมมนากับคนไทยและคนต่างชาติหลายต่อหลายงาน

 

     สรุปแล้วน้องพะริของเราโชคดีที่สุด แข็งแรงที่สุด โดนหางเลขเล็ก ๆ น้อย ๆ พอได้มีอาการไข้หวัดน้ำมูกไหลบ้าง กินยาปกติตามอาการ ไม่อินเทรนด์กับเค้าเสียเลย

หมายเลขบันทึก: 284425เขียนเมื่อ 8 สิงหาคม 2009 00:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท