... ภาพที่ 1: > แรงงานเม็กซิโก 1 ใน 7 อพยพไปทำงานในสหรัฐฯ (ปี 2548) ส่งเงินกลับบ้านเดือนละ $100-$200 = 3,500-7,000 บาท (คิดที่ 35฿/$) > Thank [ SFgate ] แรงงานเม็กซิโกส่งเงินกลับประเทศปีละ $20billion = 20,000 ล้านดอลลาร์ฯ = 700,000 ล้านบาท > Thank [ SFgate ] ... ประเทศที่อาศัยเงินจากแรงงานต่างด้าวในสหรัฐฯ มากได้แก่ (ร้อยละ = ผู้ใหญ่ในประเทศที่อาศัยเงินส่งกลับ; ตัวเลขในวงเล็บ = M = ประชากร หน่วยล้านคน) เอล ซัลวาดอร์ (6.8M) > 28%; กัวเตมาลา (12.3M) > 24%; เม็กซิโก (107M) > 18%; ฮอนดูรัส (7.3M) > 16%; เอกวาดอร์ (13.5M) > 14% ปี 2548 คนหลบหนีเข้าเมืองสหรัฐฯ มาจากเม็กซิโก 56%(6.2M); ละตินอเมริกา (= ประเทศทวีปอเมริกากลาง-ใต้) 22%(2.5M); เอเชีย 13%(1.5M); ยุโรป-แคนาดา 6%(0.75M); อาฟริกาและประเทศอื่นๆ 4%(0.5M) ....................................................................................................
ภาพที่ 2: > คุณอิสมาเอล คาสเตโด อายุ 23 ปี มุดรั้วเข้าซาน ดิเอโก สหรัฐฯ (เข้าใจว่า อาจมีการจ่ายเงินนิดหน่อยจึงจะถ่ายภาพได้) > Thank [ SFgate ] ....................................................................................................
ภาพที่ 3: > ภาพแถวบนประมาณการณ์ผู้อพยพเข้าสหรัฐฯ (หน่วยแสนคนต่อ 10 ปี) จำนวนผู้อพยพเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วใน 30 ปีหลัง > Thank [ SFgate ] ภาพแถวล่างแสดงจำนวนผู้อพยพจากเม็กซิโกเข้าสหรัฐฯ เฉลี่ยปีละ 4 แสนคนขึ้นไป (หน่วยพันคน) ....................................................................................................
การอพยพของชาวเม็กซิกันและอเมริกากลางไปสหรัฐฯ เป็น 1 ในปรากฏการณ์อพยพที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ คนเม็กซิโก 10% จากทั้งหมด 107 ล้านคนอยู่ในสหรัฐฯ และแรงงานเม็กซิโก 15% หรือ 1 ใน 7 ทำงานในสหรัฐฯ ... การอพยพดังกล่าวเริ่มต้นมานานกว่า 100 ปี(ศตวรรษ)... เพิ่มขึ้นหลังวิกฤตเศรษฐกิจในเม็กซิโกปี 1982 (พ.ศ. 2525) และเพิ่มขึ้นเร็วหลังปี 1990s (พ.ศ. 2533-2542) เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ โตขึ้นเร็วมาก 3/4 ของคนหลบหนีเข้าเมืองสหรัฐฯ (12 ล้านคน) ในปี 2548 มาจากเม็กซิโก (56%); อเมริกากลาง (22%); อเมริกาใต้ (22%) ...
ทุกๆ ปีจะมีคนหลบหนีเข้าสหรัฐฯ จากเม็กซิโก อเมริกากลาง-ใต้รวมกันประมาณ 5 แสนคน ทำให้ชุมชนบ้านนอกในประเทศเหล่านี้ไม่ค่อยมีผู้ชายวัยแรงงานเหลืออยู่เลย สาเหตุหนึ่งเป็นผลจากรายได้ที่ต่างกันประมาณ 10 เท่า เมืองบ้านนอกบางเมืองในเม็กซิโกมีประชากรลดลงจากพ.ศ. 2528 เหลือ 1/10 ... รัฐ 5 รัฐในเม็กซิโกมีรายได้หลักมาจากเงินที่ผู้อพยพส่งกลับบ้าน ปี 2549 เม็กซิโกมีรายได้จากแรงงานอพยพ(ในสหรัฐฯ) $20billion = 700,000 ล้านบาท = รายได้จากการส่งออกน้ำมัน และการท่องเที่ยว ...
คนสหรัฐฯ เองก็ "ปากว่า-ตาขยิบ" หรือ "ทั้งรัก-ทั้งชัง" แรงงานต่างด้าว เนื่องจากคนสหรัฐฯ ชอบสบาย ชอบมีพี่เลี้ยงเด็ก คนดูแลบ้าน คนดูแลคนไข้-คนสูงอายุ และคนงานสารพัดในราคาที่แสนถูก ช่วงปี 1994-2000 = พ.ศ. 2537-2543 ค่าแรงในสหรัฐฯ เพิ่ม 30% ขณะที่ค่าจ้างในเม็กซิโกเพิ่ม 8-9% ปัจจัยนี้เพิ่มแรงดึง (pull) แรงงานต่างด้าวอย่างแรง ... ยิ่งประชากรกลุ่มใหญ่รุ่น "คุณป้า (baby boomers = เบบี้บูม)" จะทยอยกันเกษียณ หรือครบ 60 ในปี 2549 จะยิ่งทำให้ความต้องการแรงงานต่างด้าวเพิ่มขึ้นอีก อ.จอร์จ โบร์ยาส นักเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดทำการศึกษาในปี 2543 พบว่า ผู้อพยพชาวเม็กซิกัน 63% ไม่ได้จบมัธยมฯ ...
แรงงานต่างด้าวรุ่นใหม่มีแนวโน้มจะทำงานในเมืองมากขึ้น เช่น โรงแรม รานอาหาร ก่อสราง ฯลฯ ไม่เหมือนเดิมที่ทำงานตามบ้านนอก หรือทำงานตามบ้าน ปัญหาแรงงานต่างด้าวไม่ได้มีแต่ในสหรัฐฯ ประเทศเดียว... ทุกๆ ประเทศที่มีเพื่อนบ้านยากจน เช่น เยอรมนี-โปแลนด์, ฝรั่งเศส-สเปน ฯลฯ ก็มีปัญหาทำนองนี้เหมือนกัน ... ถึงแม้คนสหรัฐฯ จะมองเม็กซิโกว่า "ยากจน-ขี้เมา-ไม่น่าไว้ใจวางใจ" ซึ่งเป็นธรรมดาของประเทศที่รวยกว่าที่จะมองแบบนี้ต่อเพื่อนบ้าน ทว่า... เม็กซิโกก็เป็นกลจักรสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น เป็นแหล่งแรงงานราคาถูก ทำให้สินค้า-บริการสหรัฐฯ แข่งขันกับนานาชาติได้ ฯลฯ ... เม็กซิโกเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของสหรัฐฯ (รองจากจีน) และเงินที่เม็กซิโกใช้ซื้อสินค้า-บริการจากสหรัฐฯ ก็ไม่ได้มาจากไหน ทว่า... มาจากเงินส่งออกแรงงานคนยาก น้ำมัน และรายได้จากการท่องเที่ยว และแล้ว... เงินที่สหรัฐฯ จ่ายก็ไหลกลับเข้าสู่สหรัฐฯ อีกครั้ง (ไม่เหมือนการลงทุนที่ก่อให้เกิดรายได้น้อยมากๆ เช่น ก่อสงคราม ฯลฯ) ... ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ ...
ที่มา
ไม่มีความเห็น