10 ข้อมูลสุขภาพเรื่องน้ำตาลเทียม+น้ำตาล


 

... 

 [ Wiki ]

ภาพที่ 1: ความหวานสัมพัทธ์ของน้ำตาล > Thank [ Wikipedia ]

โปรดสังเกตว่า น้ำตาลนม(lactose)มีความหวานต่ำ(16), น้ำตาลทราย(sucrose)มีความหมานสูง(100) ทำให้บริษัทนมผงพยายามเติมน้ำตาลทรายลงไป เพื่อให้เด็กติดรสหวาน และไม่ยอมกินนมแม่ (กรณีใช้นม 2 ชนิดปนกัน)

...

 [ flickr ]

ภาพที่ 2: อาจารย์ที่ถ่ายภาพบอกว่า นี่เป็นเจ้าเด็ก "น้ำตาล (sugar)" เหมือนกัน แต่เป็น 'sugar pea fairy (sugar pea = ถั่วลันเตา; fairy = เทพธิดา)' = เทพธิดาถั่วลันเตา > Thank [ flickr ][ dizznbonn ] 

...

 [ WHfoods ]

ภาพที่ 3: ตารางแสดงคุณค่าทางอาหารของกากน้ำตาลชนิด 'blackstrap molasses' = กากน้ำตาลที่ได้จากการเคี่ยวน้ำตาล 3 รอบ ขนาด 2 ช้อนชา (% DV = % daily value = % ของปริมาณที่ร่างกายคนตัวโต หรือฝรั่งต้องการใน 1 วัน) > Thank [ WHfoods ]

...

 [ flickr ]

ภาพที่ 3: ซองน้ำตาลหลากสี > Thank [ flickr ] , [ roeyahram ]

โรงแรมชั้นดีมักจะมีน้ำตาลทรายขาว-ทรายแดงให้เลือก ถ้าเป็นโรงแรมสุดหรูจะมีน้ำตาลเทียมให้เลือกเพิ่มขึ้นไปอีกอย่าง... แล้วจะเลือกอะไรดี วันนี้มีข้อมูลมาฝากครับ

..................................................................................

อาจารย์แคเตอลีนส์ คอลลินส์ [ Caroline Collins ] หัวหน้านักโภชนากร โรงพยาบาลเซนต์จอร์จ ลอนดอน ตีพิมพ์เรื่องเกี่ยวกับน้ำตาลใน 'MailOnline' ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ 

คนอังกฤษกินน้ำตาลเฉลี่ยปีละ 88 ปอนด์ = 39.952 กิโลกรัม ซึ่งถ้านำน้ำหนักน้ำตาลที่แต่ละคนกินชั่วชีวิตจะมีน้ำหนักพอๆ กับรถขนาดกลาง 1 คัน

...

(1). น้ำตาลเพิ่มเสี่ยงโรคหัวใจได้ไหม?

ปี 1972 หรือ พ.ศ. 2515 ศาสตราจารย์จอห์น ยุดคิน (John Yudkin) ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเรียกน้ำตาลว่า "pure, white and deadly" = "บริสุทธิ์, ขาว, และทำให้ถึงตายได้"

...

ท่านเตือนว่า การกินน้ำตาลมากเกินไปเพิ่มเสี่ยงโรคหัวใจ

เกือบ 40 ปีต่อมา... นักวิจัยสหรัฐฯ พบว่า การกินน้ำตาลมากเกิน โดยเฉพาะน้ำตาลในเครื่องดื่ม เพิ่มเสี่ยงโรคหัวใจกำเริบ (heart attack) 30% ในผู้หญิงหลังหมดประจำเดือน

...

(2). น้ำตาลทุกชนิดทำให้ฟันผุจริงไหม?

ข่าวดีคือ น้ำตาลไม่ได้ทำให้ฟันผุทุกชนิด... โลกเรามีน้ำตาลตั้ง 1 ชนิดที่ไม่ทำให้ฟันผุ คือ น้ำตาลนม (lactose)

...

ข่าวร้ายคือ น้ำตาลนมมีความหวานต่ำกว่าน้ำตาลทราย บริษัทนมผงหลายชนิดและผลิตภัณฑ์นมส่วนใหญ่จึงเติมน้ำตาลทรายลงไป เพื่อเพิ่มความหวาน

สำนักมาตรฐานอาหาร (Food Standards Agency) สหราชอาณาจักรแนะนำว่า คนเราไม่ควรได้รับกำลังงาน หรือแคลอรีในรูปน้ำตาลเกิน 10% = 10-12 ช้อนชา/วัน

...

ผลการศึกษาพบว่า ผู้หญิงอังกฤษ(UK)กินน้ำตาลเกินวันละ 50 กรัมเล็กน้อย, ผู้ชายกินมากหน่อย คือ 80 กรัม/วัน, กลุ่มที่น่ากลัวหน่อย คือ ผู้ชายอายุน้อย ซึ่งกินน้ำตาลเฉลี่ย 96 กรัม/วัน

ที่มาของน้ำตาลเกือบทั้งหมดมาจากเครื่องดื่มเติมน้ำตาลกับขนม

...

(3). น้ำตาลทรายแดงดีกว่าน้ำตาลทรายขาวจริงไหม?

คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า น้ำตาลทรายแดง (brown sugar; brown = สีน้ำตาล; sugar = น้ำตาล; โปรดสังเกตว่า คนชาติต่างๆ เรียกชื่อสีไม่ตรงกัน) ดีกว่าน้ำตาลทรายขาว

...

ความจริง คือ น้ำตาลทรายแดง = น้ำตาลทรายขาวเติมโมลาสส์ (molasses) หรือกากน้ำตาล

น้ำตาลทรายแดงสีอ่อนมีโมลาสประมาณ 3%, น้ำตาลทรายแดงสีเข้มมีโมลาส 6%, โมลาสส์ความเข้มข้นต่ำขนาดนั้นมีสารอาหารปนอยู่เล็กน้อยได้แก่ โพแทสเซียม, เหล็ก, แมกนีเซียม, แคลเซียม [ Molasses ] 

...

สรุปคือ น้ำตาลทรายแดงมีดีเล็กน้อย... ถ้าราคาต่างกันไม่มากอาจจะดี ถ้าราคาต่างกันมาก การเลือกซื้อน้ำตาลทั่วไปคงจะคุ้มค่ามากกว่า

สมมติว่า เราเติมน้ำตาลทรายแดงที่มีกากน้ำตาลชั้นดี (blackstrap molasses) 3% จำนวน 2 ช้อนชา/วัน จะได้คุณค่าทางอาหารคิดเป็นร้อยละของความต้องการใน 1 วันสำหรับคนตัวโต หรือฝรั่งดังต่อไปนี้ [ WHfoods ]

  • แมงกานีส = 3/100 x 18% = 0.54%
  • ทองแดง = 3/100 x 14% = 0.42%
  • เหล็ก = 3/100 x 13.5% = 0.405%
  • แคลเซียม = 3/100 x 12.5% = 0.375%
  • โพแทสเซียม = 3/100 x 12% = 0.36%

...

วิธีเทียบง่ายๆ คือ นมไขมันต่ำ (ไขมัน 1%) 240 มิลลิลิตร (244 กรัม) = 1 หน่วยบริโภค (serving) มีแคลเซียม 29% DV [ nutritiondata ]

ปริมาณแคลเซียมในน้ำตาลทรายแดงที่มีกากน้ำตาลชั้นดี 3% = นมไขมันต่ำ 2.98 มิลลิลิตร หรือประมาณ 3 มิลลิลิตร = 0.6 ช้อนชา ต่างกันตรงที่แคลเซียมในนมดูดซึมได้ง่ายกว่า

... 

ถ้าต้องการแคลเซียมเท่านมไขมันต่ำ 240 มล. (ซึ่งจริงๆ ไม่เท่า เพราะการดูดซึมต่ำกว่าแคลเซียมในนมมาก) ต้องกินน้ำตาลทรายแดงแบบกากน้ำตาล 3% จำนวน 154.67 ช้อนชา

สารอาหารที่น้อยมากๆ เหล่านี้ไม่นิยมนำมาคิด คือ กินหรือไม่กินก็ต่างกันน้อยมาก

...

(4). น้ำตาลผลไม้-น้ำผลไม้เพิ่มเสี่ยงข้ออักเสบเกาต์ได้ไหม?

การกินน้ำตาลฟรัคโทส (fructose) ปริมาณสูงเกิน 50 กรัมจากเครื่องดื่มเติมน้ำตาล หรือน้ำผลไม้อาจเพิ่มระดับกรดยูริค (uric acid) และเพิ่มเสี่ยงโรคเกาต์ได้

...

(5). ดื่มน้ำผลไม้มากๆ ทำให้ไม่สบายได้ไหม?

ขณะเดียวกัน... การกินเครื่องดื่มเติมน้ำตาลผลไม้ หรือน้ำผลไม้มากๆ อาจทำให้คนที่มีโรคลำไส้แปรปรวน (irritable bowel syndrome / IBS) กำเริบ ซึ่งอาจทำให้ปวดท้อง ท้องอืด แน่นท้อง ท้องเสีย หรือท้องผูกได้

...

ถ้าชอบน้ำผลไม้... ควรดื่มชนิดปั่นรวมกาก (smothie) ไม่กรองกาก เพื่อให้ได้เส้นใยหรือไฟเบอร์

การศึกษาที่ผ่านมาพบว่า สารต้านอนุมูลอิสระมักจะอยู่ที่เปลือกและส่วนใกล้เปลือกมากกว่าเนื้อผลไม้ นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ควรกินผลไม้ทั้งผล หรือน้ำผลไม้ปั่นรวมกาก มากกว่าน้ำผลไม้กรองกาก

... 

การดื่มน้ำผักหรือน้ำมะเขือเทศช่วยลดปริมาณน้ำตาลได้มากกว่าการดื่มน้ำผลไม้กรองกากมากมาย

...

(6). ช่วงชีวิตช่วงไหนควรระวังน้ำตาลมากเป็นพิเศษ

การศึกษาที่ผ่านมาพบว่า ช่วงชีวิตที่ควรลดน้ำตาล(รวมทั้งข้าว) เพื่อป้องกันน้ำหนักขึ้นมากเป็นพิเศษ คือ วัยกลางคน เพราะถ้าอ้วนขึ้นในช่วงนี้... ความเสี่ยงโรคหัวใจ-ระบบไหลเวียนเลือดจะเพิ่มขึ้นชัดเจน

...

(7). น้ำตาลเทียมทำให้เป็นมะเร็งจริงไหม?

การศึกษาที่ผ่านมาพบว่า น้ำตาลเทียมชนิดแซคคาริน (saccharin) เพิ่มเสี่ยงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ส่วนน้ำตาลเทียมชนิดอื่นยังไม่มีหลักฐานจากการวิจัยว่า เพิ่มเสี่ยงมะเร็ง

...

ชาวบ้านที่ทำผลไม้ดองท่านหนึ่งบอกว่า ใช้แซคคาริน... เรื่องนี้จะจริงเท็จอย่างไร ใช้กันมากน้อยขนาดไหนคงต้องรอผลการศึกษาวิจัย

สิ่งที่พวกเราควรทำตอนนี้ คือ หลีกเลี่ยงผลไม้ดอง เพราะมีทั้งน้ำตาลสูง เกลือสูง และยังเสี่ยงแซคคารินอีกต่างหาก

...

เรื่องที่มีความเป็นไปได้คือ ถ้าการใช้น้ำตาลเทียมลดเสี่ยงอ้วนได้ก็จะช่วยลดเสี่ยงมะเร็งหลายชนิดได้เช่นกัน เนื่องจากความอ้วนเพิ่มเสี่ยงมะเร็งหลายชนิด

...

(8). น้ำตาลในหมากฝรั่งทำให้ท้องอืดได้ไหม?

น้ำตาลเทียมที่อาจทำให้คนเราท้องอืด แน่นท้อง ปวดท้อง หรือท้องเสียได้ คือ กลุ่มน้ำตาลเทียมที่ "มาจากธรรมชาติ" เช่น ซอร์บิทอล, แมนนิทอล, ไซลิทอล ฯลฯ

...

น้ำตาลเทียมกลุ่มนี้พบในผลไม้บางชนิด เช่น ลูกพรุน ฯลฯ ทว่า... การสกัดมาใช้ปริมาณสูงอาจทำให้แบคทีเรียในลำไส้พร้อมใจกันผลิตแก๊ส ทำให้คนบางคนรู้สึกไม่สบายในท้องได้หลายรูปแบบ

มีรายงานคนไข้ท้องเสียจากการกินหมากฝรั่งวันละมากๆ มาแล้ว ทางที่ดีคือ เรื่องชีวิตควรเลือกทางสายกลาง กินอยู่อย่างพอดี (eating in moderation) น่าจะดี

...

(9). น้ำตาลเพิ่มเสี่ยงเบาหวานหรือไม่?

น้ำตาลไม่ได้เพิ่มเสี่ยงเบาหวานโดยตรง ทว่า... การกินอาหารกลุ่มให้กำลังงานได้แก่ โปรตีน (เช่น เนื้อ ถั่ว เต้าหู้ ฯลฯ), คาร์โบไฮเดรต (คาร์บ = แป้ง ข้าว น้ำตาล), ไขมันทำให้คนเรามีน้ำหนักเกิน หรืออ้วนขึ้นได้

...

ปัญหาอยู่ที่ว่า อาหารกลุ่มคาร์บทำให้คนเราอิ่มได้น้อยกว่าโปรตีนหรือไขมัน อาหารกลุ่มแป้งและน้ำตาลจึงเพิ่มเสี่ยงโรคอ้วนได้ง่ายกว่า และภาวะน้ำหนักเกินนี่เองที่เพิ่มเสี่ยงเบาหวาน

การกินน้ำตาลฟรัคโทส (fructose) อาจหลอกเราว่า ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นไม่มากได้ เนื่องจากวิธีตรวจเลือดใช้วิธีวัดระดับน้ำตาลกลูโคส ซึ่งเป็นน้ำตาลต่างชนิดกัน

...

(10). กินน้ำตาลยิ่งมาก ฟันยิ่งผุมากจริงไหม?

คำตอบคือ ไม่แน่เสมอไป... แบคทีเรียในช่องปากย่อยสลายน้ำตาลเกือบทุกชนิด(ยกเว้นน้ำตาลนม)เป็นกรด ทำให้ฟันสึก หรือฟันผุได้

...

โอกาสเกิดฟันผุแปรตามความถี่ของการกินน้ำตาล... ยิ่งกินบ่อยยิ่งเสี่ยง (ปริมาณ)มากน้อยไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่

ตรงกันข้ามกับความอ้วนที่แปรตามปริมาณน้ำตาล... ยิ่งมากยิ่งอ้วน

...

 

ขอแนะนำให้อ่านเรื่อง "มารู้จักน้ำตาลเทียมกันเถอะ (สถาบันวิจัยโภชนาการฯ)" > [ Click ]

ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ 

...

 > Thank MailOnline; Thank [ Wikipedia ]; Thank [ flickr ][ dizznbonn ]; Thank [ flickr ] , [ roeyahram ]   

ที่มา                                                                      

  • นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ โรงพยาบาลห้างฉัตร ลำปาง สงวนลิขสิทธิ์. ยินดีให้นำไปเผยแพร่โดยอ้างอิงที่มาได้. ห้ามนำไปใช้เพื่อการค้า >   > 7 มิถุนายน 2552.
  • ข้อมูลทั้งหมดเป็นไปเพื่อการส่งเสริมสุขภาพ ไม่ใช่วินิจฉัยหรือรักษาโรค ท่านที่มีโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงต่อโรคสูงจำเป็นต้องปรึกษาหมอที่ดูแลท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้.

หมายเลขบันทึก: 267290เขียนเมื่อ 11 มิถุนายน 2009 00:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 20:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท