คนทั่วโลกควรช่วยป้องกันหวัด2009ยก2


 

...

คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซินทำการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่า ไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก, ไข้หวัดหมู, หรือหวัดใหญ่ 2009 ไม่ชอบ "หัว" แต่ใฝ่ต่ำกว่านั้น คือ ชอบลง "ปอด"

การศึกษาใหม่พบว่า หวัด 2009 อาจเลียนแบบการระบาดคล้ายไข้หวัดใหญ่ 1918 (พ.ศ.2461) ซึ่งทำให้คนตายหลายล้านคน

...

โรคกลุ่มหวัด ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ส่วนใหญ่จะใฝ่สูง คือ อยู่บริเวณส่วนหัว (หู-คอ-จมุก) เช่น ทำให้ปวดหัว คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ จาม เจ็บคอ คออักเสบ ทอนซิลอักเสบ ฯลฯ ทำให้อาการไม่รุนแรง

ไข้หวัดใหญ่ที่มีอาการรุนแรงจะใฝ่ต่ำ คือ ลงจากหัวเข้าสู่ปอด ทำให้ปอดบวม การหายใจล้มเหลว โอกาสเสียชีวิตเพิ่มขึ้น

...

ความแตกต่างที่สำคัญอยู่ที่ไวรัสนั้นจะชอบอุณหภูมิสูงหรือต่ำ... ถ้าชอบอุณหภูมิต่ำจะใฝ่สูง แบ่งตัวมากในส่วนหัว ปาก คอ จมูก ทำให้อาการน้อย และแพร่พันธุ์ได้เร็วในคน

ถ้าชอบอุณหภูมิสูงจะใฝ่ต่ำ แบ่งตัวมากในปอด ทำให้อาการมากหรือรุนแรงขึ้น และอาจแพร่พันธุ์ได้เร็วในนก เนื่องจากอุณหภูมิจมูกนกสูงกว่าคนเรา เช่น ไข้หวัดนก (H5N1) ฯลฯ

...

การศึกษาใหม่ทำในสัตว์คล้ายพังพอน (ferrets), ลิง (monkeys), และหนู (mice) ทำให้รู้ว่า ไวรัสหวัด 2009 มีลักษณะอยู่ตรงกลาง ไม่แรงแบบไข้หวัดนก ค่อนไปทางไข้หวัดใหญ่ทั่วไป แต่แรงกว่านิดหน่อย

ทุกวันนี้มีคนติดเชื้อทั่วโลกมากกว่า 1 ล้านคน เสียชีวิตไปกว่า 500 ราย การปิดประเทศจึงช่วยอะไรไม่ได้อีกต่อไป โอกาสเสียชีวิตมีประมาณ = 500/ล้าน = 50/แสน = 5/หมื่น = 0.5/พัน

...

โอกาสตายจากไข้หวัดใหญ่ทั่วไปมีประมาณ 1 ในพัน โอกาสตายจากหวัดใหญ่ 2009 ยกแรก = 0.5 ในพัน

ปัญหาใหญ่คือ ไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดรุนแรงมักจะมา 2 ยก, ยกแรกมาแบบเบาๆ สบายๆ, ยกสองเริ่มร้าย กลายพันธุ์ และหมัดหนัก (โอกาสเสียชีวิต) มากขึ้น

...

คนทั่วโลกมีส่วนช่วยป้องกันการระบาดยก 2 ได้ ด้วยการล้างมือด้วยสบู่และล้างก๊อกน้ำบ่อยๆ, คนไทยควรพกสบู่ติดตัว เนื่องจากเมืองไทยรวยก๊อก แต่จนสบู่ (มีแต่ก๊อกน้ำ ไม่ค่อยมีสบู่บริการ)

ถ้าไม่มีสบู่และน้ำ, เจลแอลกอฮอล์ช่วยฆ่าเชื้อได้เช่นกัน

...

การไอ-จามแต่ละครั้งทำให้เชื้อกระจายไปได้ 6 ฟุต หรือ 1.8 เมตร และอาจกระจายได้กว้างไกลในห้องแอร์ เพราะฉะนั้นการหลีกเลี่ยงห้องแอร์ได้น่าจะดี

โรงเรียนและสถานศึกษาที่ติดแอร์ ควรจัดให้ครูบาอาจารย์-นิสิต-นักศึกษาล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลก่อนเข้าห้องเรียนทุกครั้ง ติดพัดลมดูดอากาศเพิ่มขึ้น และใช้พัดลมดูดอากาศแทนแอร์ไปจนกว่าช่วงระบาดจะผ่านพ้นไป

...

รัฐบาลไทยควรลงทุนโรงงานผลิตวัคซีนเพิ่ม เตรียมยาเพิ่ม เผื่อคนไทยด้วย เผื่อเพื่อนบ้านที่ดีกับไทย โดยเฉพาะลาวกับพม่าด้วย

ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ

 > Thank BBC

ที่มา                                                                      

  • นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ โรงพยาบาลห้างฉัตร ลำปาง สงวนลิขสิทธิ์. ยินดีให้นำไปเผยแพร่โดยอ้างอิงที่มาได้. ห้ามนำไปใช้เพื่อการค้า >  > 14 กรกฎาคม 2552.
  • ข้อมูล ทั้งหมดเป็นไปเพื่อการส่งเสริมสุขภาพ ไม่ใช่วินิจฉัยหรือรักษาโรค ท่านที่มีโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงต่อโรคสูงจำเป็นต้องปรึกษาหมอที่ดูแล ท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้.

หมายเลขบันทึก: 276422เขียนเมื่อ 14 กรกฎาคม 2009 13:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 07:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ขอบพระคุณมากๆ เลยคับ คุณหมอ..กู๊ดดี้ติดตามอ่านเรื่องนี้เสมอเลยคับ..

เพราะมันเป็นเรื่องที่หนีไม่พ้นจริงๆ แต่เราจะเตรียมตัวรับมือกับไข้หวัด 2009 นี้ได้นานขนาดไหน..

ขอบคุณครับ

งานนี้คงต้องหาสบู่แบบพกพา แล้วก็ต้องมีหน้ากาก หรือกระดาษที่ป้องกันเชื้อได้

แต่ถ้าได้วัคซีนก็คงจะดีกว่าใช่หรือเปล่าครับ

แล้วอนาคตจะมีไวรัสตัวใหม่ที่จะลงต่ำอีกหรือเปล่าครับ

เราควรจะมีการเตรียมการอย่างไรบ้างครับ นอกเหนือจากการผลิตวัคซีนและยา

กระผมคิดไปเองครับว่าโลกเกิดสงครามโรค ไม่ทราบว่าถูกหรือเปล่าครับ เพราะเท่าที่สังเกตช่วงที่ผ่านมาไม่กี่ปีมีโรคร้ายแรงใหม่ๆเกิดขึ้นบ่อยและมีความถี่เพิ่มมากขึ้น

ขอขอบคุณทุกๆ ท่าน ทุกๆ ความเห็นครับ...

  • มีความเป็นไปได้มากทีเดียวที่ว่า วัคซีนน่าจะดีกว่ายา

ทว่า... ปัญหาใหญ่ คือ ตอนนี้มีแนวโน้มจะผลิตได้ไม่พอใช้

  • การล้างมือ การพกสบู่ เจลแอลกอฮอล์ยังเป็นวิธีที่ทุกคนช่วยโลก ช่วยชาติ และช่วยสังคมไทยได้แน่ๆ เลย
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท