งานบ้าน ลดเสี่ยงมะเร็งเต้านม


การทำงานบ้านเป็นประจำป้องกันมะเร็งเต้านมได้ดีกว่าการเล่นกีฬา หรือออกกำลังอย่างหนัก

Hiker

เราๆ ท่านๆ คงจะชื่นชอบ หรือไม่ก็ชิงชังงานบ้านไม่มากก็น้อย... วันนี้มีข่าวดีสำหรับแม่บ้าน พ่อบ้าน ลูกบ้าน และหลานบ้านที่ทำงานบ้านเป็นประจำครับ...

อาจารย์ดอกเตอร์เลสเลย์ วอล์คเคอร์ แห่งสถาบันวิจัยมะเร็งสหราชอาณาจักร ทำการศึกษาพบว่า ผู้หญิงที่ทำงานบ้านเป็นประจำมีความเสี่ยงมะเร็งเต้านมลดลง

อาจารย์ท่านทำการศึกษาผู้หญิงจำนวนกว่า 200,000 คน ในกลุ่มประเทศยุโรป (EU) 9 ประเทศพบว่า

การทำงานบ้านเป็นประจำป้องกันมะเร็งเต้านมได้ดีกว่าการเล่นกีฬา หรือออกกำลังอย่างหนัก

ผู้หญิงที่ทำงานบ้านเป็นประจำ เช่น กวาดบ้าน ถูพื้น ดูดฝุ่น ฯลฯ สัปดาห์ละ 16-17 ชั่วโมง หรือเฉลี่ยประมาณวันละ 2 ชั่วโมง 21 นาที หรือเกือบ 2 ชั่วโมงครึ่งมีความเสี่ยงมะเร็งเต้านมลดลง

  • ถ้าทำงานบ้านในช่วงก่อนหมดประจำเดือน... ความเสี่ยงมะเร็งเต้านมจะลดลงไป 30%
  • ถ้าทำงานบ้านในช่วงหลังหมดประจำเดือน... ความเสี่ยงมะเร็งเต้านมจะลดลงไป 20%

อาจารย์ท่านแนะนำว่า การทำงานบ้านนับเป็นการออกกำลังแรงปานกลางที่ทำได้เป็นประจำ ช่วยควบคุมน้ำหนัก ป้องกันโรคอ้วน...

การรักษาน้ำหนักไม่ให้อ้วนมีส่วนป้องกันมะเร็งเต้านมได้เช่นเดียวกัน เรียนเชิญท่านผู้อ่านช่วยกันทำงานบ้านคนละเล็กละน้อยครับ...

    แหล่งที่มา:                                      

  • ขอขอบพระคุณ > Housework cuts breast cancer risk > http://news.bbc.co.uk/1/hi/health/6214655.stm > December 29, 2006. // source > Journal of Cancer Epidemiology, Biomarkers & Prevention.
  • ขอขอบพระคุณ > โรงพยาบาลค่ายสุรศักดิ์มนตรี + อาจารย์เทวินทร์ อุปนันท์ IT + หน่วยรังสีกรรม > สนับสนุนทางเทคนิค + อินเตอร์เน็ต.
  • ขอขอบพระคุณ > ศูนย์มะเร็งลำปาง + อาจารย์ ณรงค์ ม่วงตานี และอาจารย์เทพรัตน์ บุณยะประภูติ IT + กลุ่มงานรังสีวินิจฉัย > สนับสนุนทางเทคนิค + อินเตอร์เน็ต.
หมายเลขบันทึก: 70630เขียนเมื่อ 3 มกราคม 2007 10:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:43 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

เป็นข่าวดีจริงๆ ค่ะ

ดิฉันชอบทำความสะอาดบ้าน

กวาดบ้าน ถูบ้าน ฯลฯ

แต่หน้าหนาวถ้าต้องทำอะไรที่ต้องสัมผัสน้ำมากๆ ก็ขยาดเหมือนกันค่ะ  

 

ขอบพระคุณอาจารย์วัลลภครับ

ผมขอเรียกว่า "เหงื่อป้องกันโรค" หรือ "สร้างเสริมสุขภาพด้วยเหงื่อ" ครับ

หมอสุข

ขอขอบคุณอาจารย์มาลินี และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • ขอแสดงความยินดีที่อาจารย์ชอบทำความสะอาดบ้านครับ...
  • ผมชอบทำความสะอาดพระเจดีย์ และวัด...

ไม่ทราบว่า

  • การถูพื้นด้วยน้ำอุ่นจะช่วยให้อาจารย์สบายได้มากขึ้นหรือไม่...
  • บางทีสวมถุงมือก่อนทำงานบ้านคงช่วยได้ครับ

ขอขอบพระคุณอาจารย์หมอสุข และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • ขอขอบพระคุณสำหรับข้อคิด ความเห็นดีๆ ครับ...

ดูเหมือนจะได้ยินคำพระท่านสอน (จำไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ ที่ไหน... )

  • ท่านสอนว่า "เหงื่อออกมาก น้ำตาออกน้อย เหงื่อออกน้อย น้ำตาออกมาก"
  • (1). วัยทำงานขยันมากหน่อย เก็บหอมรอมริบมากหน่อย... วันหลังจะได้ไม่ลำบาก
  • (2). ไม่ว่าจะเป็นวัยใดก็ตาม... ทำงานบ้าน + ออกกำลังมากหน่อย เหงื่อออกหน่อย สุขภาพดีขึ้นทันที...

ขอขอบพระคุณครับ...

นางจิราภา สุทธหลวง

การบริจาคโลหิตทำไมจึงมีการกล่าวว่านแกจากได้บุญยังทำให้สุขภาพดี      ทางการแพทย์อยากเรียนว่า

มีกลไกอย่างไร ที่บริจาคเลือดแล้วดีคะ

ด้วยความเคารพรัก

                                           จิราภา    สุทธหลวง

 

 

ขอขอบคุณอาจารย์จิราภา และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • คำถามนี้เป็นคำถามที่น่าสนใจมาก...

ถ้าเราตอบคำถามนี้ได้...

  • เราจะเข้าใจผู้บริจาคเลือด อยากบริจาค สนับสนุน หรือชักชวนให้คนอื่นบริจาคเลือดมากขึ้น

การบริจาคเลือดนี่... มีส่วนทำให้สุขภาพดีได้หลายอย่างเหมือนกัน

  • (1). ผู้บริจาคจำเป็นต้องเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น ไม่สำส่อนทางเพศ นอนให้พอ ฯลฯ > การลดพฤติกรรมเสี่ยงทำให้ความเสี่ยงต่อโรคลดลง
  • (2). คนเรามีแนวโน้มจะอายุยืนขึ้น เป็นโรคเรื้อรังมากขึ้น ทำให้เกิดวิทยาการแพทย์เกี่ยวกับคนสูงอายุมากขึ้น... อาจารย์นายแพทย์โธมัส เพิร์ลผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์สูงอายุแนะนำให้บริจาคเลือด

คำอธิบาย:

  • ฝรั่งกินเนื้อแดง เช่น วัว ควาย แกะ หมู ฯลฯ มากทำให้ได้รับธาตุเหล็กมากเกิน
  • ธาตุเหล็กเป็นตัวเร่งให้เกิดอนุมูลอิสระ ทำให้เกิดโรคเรื้อรัง หรือมะเร็งเพิ่มขึ้น...

วิธีป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระที่เราทราบกันดีคือ กินข้าวกล้อง ผัก ถั่ว งา ผลไม้ให้มากพอทุกๆ วัน...

  • อีกวิธีหนึ่งที่อาจารย์โธมัส เพิร์ลแนะนำคือ ให้บริจาคเลือดเป็นประจำ เพื่อจะได้เปลี่ยนถ่ายธาตุเหล็ก (ถ้ามีเกิน) ออกไป
  • ผู้หญิงมีการถ่ายธาตุเหล็กออก โดยการเสียเลือดทางประจำเดือน ตั้งครรภ์ คลอดลูก(เสียเลือด) ให้นมลูก...
  • นี่อาจเป็นเหตุหนึ่งในหลายสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงมีอายุยืนกว่าผู้ชาย

ที่มา: Thomas Perls. Living to 100 life expectancy calculator. [     Click     ]  หรือที่นี่ >>> http://www.livingto100.com/ (เชิญทำแบบทดสอบอายุขัยที่เว็บไซต์นี้ได้ - ภาษาอังกฤษ)

  • (3). การบริจาคเลือดช่วยให้ชีวิตเรามีค่า มีความหมาย... คนที่ทำประโยชน์ให้กับสังคม เช่น อาสาสมัคร ฯลฯ มักจะมีคุณภาพชีวิต หรืออายุยืน
  • (4). ทราบมาว่า คนที่มีวิกฤตในชีวิต เช่น ผ่านสงคราม ผ่านชะตากรรมร้ายแรงมา ฯลฯ (มีศัพท์เรียกว่า PTSD / Posttraumatic stress disorder) จำนวนมาก (ไม่ใช่ทุกคน)... อาการทุเลาเมื่อได้บริจาคเลือด หรือทำความดีเป็นประจำ
  • (5). ก่อนบริจาคเลือด... จะมีการตรวจความดันเลือด ชั่งน้ำหนัก ตรวจความเข้มเลือด + หลังบริจาคจะมีการนำเลือดไปตรวจหาโรคเอดส์ ซิฟิลิส ตับอักเสบบี ตับอักเสบซี...

ถ้าตรวจผ่านหมด... นั่นดีที่สุด

  • ถ้าตรวจไม่ผ่าน เช่น ความดันเลือดสูง ฯลฯ ก็ยังพอรักษา หรือขอคำแนะนำจากพยาบาล หรือบุคลากรสุขภาพได้... ดีกว่าคนที่ป่วยโดยไม่รู้ตัวแน่นอน

สตีเฟน โคเวย์... คนที่เขียนหนังสือเกี่ยวกับประสิทธิผล 7 อย่าง ท่านว่า คนเรามีพัฒนาการ 3 ขั้น

  • (1). มีความสุขจาการรับ (happiness in receiving) หรือ "ขี้ขอ"... เป็นลักษณะของเด็กเล็ก ถ้าเป็นเด็กทารกจะดูน่ารัก ถ้ามีลักษณะนี้ตอนโตคือ ออกไปทางเห็นแก่ตัว เข้าสังคมคนดีไม่ค่อยได้
  • (2). มีความสุขจากการให้ (happiness in giving) หรือ "นักให้" ... เป็นลักษณะของผู้ใหญ่ โดยเฉพาะคนที่มีความเป็นพ่อแม่สูง เข้าสังคมกับคนดีได้

"นักให้" เองก็ต้องระวังคนเลว... ประเภทประจบ สอพลอ เพราะคนดีบ่อยครั้งก็เป็นเหยื่อของคนโกง

  • "นักให้" จะประสบความสำเร็จได้... จะต้องเลือกคบคนดีด้วยกัน และไม่คบคนเลว จึงจะมีความสุข และไม่ถูกหลอก หรือปอกลอกมากเกิน
  • (3). มีความสุขจากการแบ่งปัน (happiness in sharing) หรือเป็นความสุขจากมิตรภาพ มีทั้งการให้ และการรับ... เช่น ใน Go2know จะมีคนประเภทนี้มากทีเดียว ฯลฯ

คนที่มี "ความสุขจากการแบ่งปัน" เอง... ก็ต้องระวังการคบคนเช่นเดียวกับ "นักให้"

  • ทางที่ดีคือ ต้องเลือกคบคนดีด้วยกัน และไม่คบคนเลว...
  • เมื่อแลกเปลี่ยน แบ่งปัน และเกิดมิตรภาพในหมู่คนดี... จะเกิดความสุขขึ้นอย่างมากมาย

ตัวอย่าง เช่น อาฟริกาใต้มี club25 รับเฉพาะผู้ที่บริจาคเลือดครบ 25 ครั้ง เพื่อให้เป็นสโมสรของคนทำดี ฯลฯ

  • สถาบันการศึกษา... เช่น โรงเรียน มหาวิทยาลัย การศึกษานอกโรงเรียน กรมการรักษาดินแดน ฯลฯ น่าจะทำกิจกรรมบริจาคเลือดให้ดังไปเลย

คนเลวยังทำเลวให้ดังได้
คนดีก็นาจะทำดีให้ดังได้เหมือนกัน
เพราะความดีระบาดได้มากกว่าความเลว...

ขอเพิ่มเติมอีกหน่อย... 

  • การบริจาคเลือดนับเป็นการบริจาคอวัยวะ (องคบริจาค) ซึ่งบริจาคได้ยากกว่าทรัพย์สินภายนอก > ได้บุญมากกว่า หรือได้สั่งสมบารมีมากกว่า(ถ้าปรารถนาการบรรลุพระนิพพาน)

ขอกราบอนุโมทนา อนุโมทนา... สาธุ สาธุ สาธุ แด่ท่านผู้บริจาคเลือด หรือมีส่วนร่วมในการบริจาคเลือดทุกท่าน...

เรียน  คุณหมอวัลลภ   ที่เคารพรัก

                         เพื่อนเป็นโคเลสเตอรอลสูง  บริจาคเลือดได้ไหมค่ะ   

 

                                             ด้วยความเคารพ

                                                         จิราภา

ขอขอบคุณอาจารย์จิราภาและท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • คนที่มีปัญหาไขมันในเลือดสูง หรือโคเลสเตอรอลสูงบริจาคเลือดได้ (ไม่เป็นข้อห้าม)
  • อย่างไรก็ตาม... คุณภาพเลือดที่ได้น่าจะน้อยลงไปบ้าง เนื่องจากมีแถบไขมันไปแทนที่ส่วนที่เป็นเนื้อ และน้ำเลือด
  • วิธีที่ดีคือ ทำเลือดของเราให้มีคุณภาพสูงสุดก่อนบริจาคทุกครั้ง

คำแนะนำ...

  • คำแนะนำสำหรับท่านที่มีโคเลสเตอรอลสูงก่อนบริจาคเลือดมีดังต่อไปนี้...
  1. ลดอาหารมัน โดยเฉพาะของทอด แกงใส่กะทิ
  2. ลดไขมันทรานส์ (ไขมันแปรรูป) เช่น คุกกี้ เบเกอรี่ เนยเทียม ครีมเทียม (ถ้าจำเป็นควรใช้ชนิดทำจากน้ำมันถั่วเหลือง เช่น ยี่ห้อดีน ฯลฯ) 
  3. ลดน้ำตาล โดยเฉพาะขนม เครื่องดื่ม เช่น ชา กาแฟ ฯลฯ... ถ้าจำเป็นให้ใช้น้ำตาลเทียมแทน
  4. ถ้ารวยหรือฐานะดี... แนะนำให้ใช้น้ำมันมะกอก ถ้าต้องการประหยัดหน่อย... แนะนำให้ใช้น้ำมันรำข้าว (ใช้น้ำมันแต่น้อยจะไม่เปลือง)
  5. หาข้าวโอ๊ต... พยายามกินข้าวเช้า และใช้ข้าวโอ๊ตผสมนมร้อนหน่อย + แอปเปิ้ล... สูตรนี้มีเส้นใย(ไฟเบอร์)ชนิดละลายน้ำสูง ช่วยดูดซัมโคเลสเตอรอลได้
  6. ออกกำลัง... การออกกำลังที่ดีมากในการลดไขมันคือ การเดิน... ควรเดินอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็นเดินเร็ว 30 นาที + เดินเร็วปานกลาง 30 นาที (ให้เริ่มจากน้อยไปหามาก อย่าหักโหมเดินมากในทันที)
  7. ถ้าเป็นไปได้... ควรออกกำลังต้านแรง เช่น ยกน้ำหนัก ฯลฯ เสริม เพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ (กล้ามเนื้อเผาผลาญน้ำตาลได้สูงกว่าไขมันมาก)
  8. เดินแกว่งแขวน... อย่าเดินแบบ "แขนนิ่ง" จะใช้กำลังงานเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 20%
  9. หาเครื่องออกกำลังชนิดบีบมือ-คลายมือ (hand-grips) มาฝึกบีบ 2 นาที พัก 1 นาที x  4 เซ็ต เพื่อป้องกันความดันเลือดสูง... ถ้าทำไปพร้อมกับการเดินได้ยิ่งดี
  10. ลดน้ำหนัก... ถ้าอ้วน น้ำหนักมากเกิน หรือลงพุง
  11. ถ้าเป็นไปได้... ให้ฝึกเดินหลังอาหาร (เดินเร็วปานกลาง หรือเดินช้าๆ) 10 นาที/มื้อ
  12. ก่อนบริจาคเลือด 2 ชั่วโมง... ไม่ควรกินอาหารมัน เช่น ข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง ฯลฯ และไม่ควรกินเนื้อมากๆ (แม้แต่เนื้อแดงก็มีไขมันแฝงมาก)
  13. แนะนำให้ค้นคำ "โคเลสเตอรอล" โดยดูจากทางขวามือของบล็อก "บ้านสุขภาพ" หรือ "health2you" ทางขวามือ > "กลุ่มป้าย (กลุ่มคำหลัก): บันทึก" > คลิก "มีต่อ" > คลิก "โคเลสเตอรอล"...
  14. ถ้านับถือพระพุทธศาสนา... ควรสวดมนต์อย่างน้อยเช้า-เย็น เน้นบทพระปริตรธรรม โดยเฉพาะโพชฌังคปริตร เพื่ออธิษฐานให้เราได้บริจาคเลือด และขอให้เลือดของเรามีฤทธิ์เป็นยา... [ Click - คลิกที่นี่ - Click ] หรือที่นี่... (Google > search วัดท่ามะโอ)http://www.wattamaoh.com/home/download.php
  15. ถ้าโคเลสเตอรอลสูงมาก หรือมีความเสี่ยงสูง เช่น มีเบาหวานร่วมด้วย ฯลฯ ควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจจะต้องใช้ยาช่วย

ขอขอบคุณ...

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท