แนวคิดการใช้เว็บไซด์เพื่อการพัฒนาสังคม
กรณีศึกษาที่ ๑ www.rakdek.or.th โดย คุณเดชา น้อยมะลิวัน จาก พัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อสิทธิเด็กมูลนิธิรักษ์เด็ก[1] : The Life Skills Development Foundation
ทำความรู้จัก มูลนิธิรักษ์เด็ก
เป็นองค์กรพัฒนาเอกชน ที่มุ่งทำงานด้านเด็กและเยาวชนสตรี
และครอบครัว เพื่อที่จะให้เด็กได้รับประโยชน์ที่สูงสุด
โดยให้เด็กได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสมตาม อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก
เสริมทักษะชีวิต ปลูกฝังให้เด็กเป็นคนที่มีจิตใจดีงาม
มีทัศนคติที่ดีต่อการดำรงชีวิต เสียสละเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่สังคม
ประกอบกับการมีพัฒนาการด้านสติปัญญาและความรู้
ตั้งอยู่บนฐานของทักษะชีวิต
ขณะเดียวกันก็ได้รับการเอื้ออำนวยจากบุคคลและสถาบันต่างๆ
ที่ประสานงานกันอย่างเหนียวแน่นในสังคม
ความเป็นมาของการจัดตั้งมูลนิธิรักษ์เด็ก
ปี
๒๕๓๙ องค์การเซฟเดอะชิลเดร็น (สหรัฐอเมริกา)
สำนักงานประเทศไทย เริ่มโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชน
โดยเริ่มจากการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม ด้วยการประเมินความต้องการของ
นักเรียน แล้วเสนอให้ครูกรรมการศึกษา
จัดทำโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็ก และเยาวชนในโรงเรียน
และจากการประเมินดังกล่าว จึงเกิดเป็นความร่วมมือ
ในการทำงานร่วมกับสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดนครสวรรค์
ในโครงการประสานความร่วมมือพัฒนาเด็กและเยาวชนในพื้นที่ชนบท
หลังจากนั้นปี ๒๕๔๑ องค์การเซฟเดอะชิลเดร็น (สหรัฐอเมริกา)
สำนักงานประเทศไทย
ได้ปิดการดำเนินงานในประเทศไทยลงในส่วนผู้บริหารองค์การฯ
จึงมีแนวคิดในการจัดตั้งองค์กรท้องถิ่นขึ้นมา เพื่อสานต่องานของ
องค์การเซฟเดอะชิลเดร็น (สหรัฐอเมริกา) สำนักงานประเทศไทยต่อไป
จึงได้บริจาคงบประมาณส่วนหนึ่งสำหรับการจัดตั้ง มูลนิธิรักษ์เด็ก
ให้เน้นการทำงานเรื่องทักษะชีวิตและสิทธิเด็ก แก่ครอบครัว เด็ก เยาวชน
และสตรี ที่สนองตอบต่ออนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก
เพื่อที่จะทำให้เกิดการขยายงานและความยั่งยืนไปสู่จังหวัดต่างๆ
ในประเทศไทย
จุดเริ่มการทำงานกับมูลนิธิเด็กของคุณเดชา
คุณเดชา น้อยมะลิวัน ชื่อเล่น ชื่อ “อุ๋ย” เป็นคนง่ายๆสบายๆ ยิ้มง่าย หนุ่มหน้าตาคมเข็มแต่ใจดีคนนี้ มีจุดเริ่มที่น้าสนใจมาก ตอนเด็กได้ทำกิจกรรมกับพี่ๆNGOsสายงานสิ่งแวดล้อมมาเยอะมากเริ่มตั้งแต่อยู่ป.๖ ก็ออกค่ายสิ่งแวดล้อมแล้วก็ทำงานประเด็นเพื่อสังคมต่างๆมาโดยตลอด เช่น การต่อต้านการสูบบุหรี่ สิ่งแวดล้อม พลังงาน เป็นต้นมาเรื่อยๆจนจบมัธยม แล้วก็หยุดทำกิจกรรมไปช่วงเรียนอุดมศึกษา จบการศึกษาด้านสารสนเทศ (IT) จึงมีแนวคิดว่า จะนำความรู้มาประยุกต์กับการทำงานเพื่อสังคมได้
แต่ก่อนหน้าที่จะมาทำงานที่มูลนิธิรักษ์เด็ก คูณเดชายังได้กลับไปทำงานกับองค์กรที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมอยู่ แล้วหลังจากนั้นก็คิดว่าน่าจะนำความรู้ที่ได้เรียนมา มาประยุกต์กับงานNGOsดูประกอบกับพึ่งจบมาก็อยากหาประสบการณ์ในการทำงานพัฒนาที่หลากหลายดูบ้าง แล้วปัจจุบันนี้NGOsหลายๆองค์กรก็ได้นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในองค์กรมากขึ้น ซึ่งคุณเดชามองว่าจุดนี้เป็นเรื่องที่สำคัญและดี ก็เลยได้มาทำงานที่มูลนิธิรักษ์เด็ก
จุดเริ่มต้นเว็บไซต์ www.rakdek.or.th
แรกเริ่มเดิมทีเว็บไซต์ของมูลนิธิรักษ์เด็กเกิดขึ้นเพราะว่ามี นิตยสารเพื่อนเด็กสำหรับเครือข่ายโรงเรียนเพื่อนเด็กแห่งประเทศไทย โดยการสนับสนุนขององค์การเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ UNICEF และเนื่องจากกลุ่มเป้าหมายของเรามีอยู่ทั่วประเทศ มูลนิธิฯเลยมีแนวคิดว่าจะใช้ระบบสื่อสารออนไลน์ มาเป็นสื่อกลางในการย่นระยะเวลาในการติดต่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย โดยในระยะแรกภายในเว็บไซต์ก็จะมีนิตยสารเพื่อนเด็กซึ่งเป็นไฟล์ PDF และ JPG ให้ดาวน์โหลด แล้วก็มีการแนะนำมูลนิธิฯ และในการพัฒนาเว็บไซต์นี้มูลนิธิรักษ์เด็กเป็นผู้สนับสนุนร่วมในโครงการนี้กับ UNICEF
และหลังจากนั้นก็ถูกพัฒนามาเรื่อยๆจนถึงเวอร์ชั่นปัจจุบัน
ซึ่งพัฒนาโดย mr.dachi
ก็คือ คุณเดชานั่นเอง
การสร้างเนื้อหาที่เข้าใส่ในเว็บอย่างไรบ้างเอ่ย?
เนื้อหาในเว็บไซต์จะมีสองส่วน คือ ส่วนที่หนึ่ง ในส่วนที่อัพโหลดครั้งเดียวแล้วก็จบ หรือจนกว่าข้อมูลนั้นจะมีการอัพเดตให้เป็นปัจจุบันที่สุดก็จะทำการอัพเดตอีกครั้ง เช่น ข้อมูลองค์กรในด้านต่างๆ เช่น เราเป็นใคร ทำอะไร ที่ไหน บุคคลากรมีใครบ้าง อย่างนี้เป็นต้น
ส่วนที่สองคือส่วนที่เป็นคอลัมน์ที่ต้องอัพเดตอยู่ตลอด เว็บไซต์มูลนิธิรักษ์เด็ก www.rakdek.or.th นั้นมีคอลัมน์ที่ต้องอัพเดตอยู่ตลอดคือ คอลัมน์แวดวงการศึกษา ข่าวประชาสัมพันธ์ ข่าวและกิจกรรมของมูลนิธิฯ ข่าวอาสาสมัคร นิตยสารเพื่อนเด็ก และสื่อออนไลน์ (อยู่ระหว่างการพัฒนา)
โดยเนื้อหาที่จะนำมาอัพเดตนั้น ได้มาโดยคุณเดชาที่ลงพื้นที่กับโครงการต่างๆ รวมถึงเจ้าหน้าที่ของแต่ละโครงการที่จัดกิจกรรมเสร็จแล้วก็นำผลมาให้ผมอัพเดตในเว็บไซต์ ในส่วนของแวดวงการศึกษานั้น ทางฝ่ายสารสนเทศเรามีการเปิดรับอาสาสมัครไอซีที เข้ามาช่วยงานโดยส่งข่าวที่เราได้เปิดอ่านอยู่เป็นประจำอยู่แล้วบนอินเตอร์เน็ต แล้วเห็นว่าข่าวไหนมีความน่าสนใจและเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กก็ส่งมา ซึ่งในแต่ละเดือนอาสาสมัครก็จะส่งข่าวมาให้ทางมูลนิธิฯไม่ต่ำกว่า 50 ข่าวต่อเดือน แต่ทางเราได้เลือกบางข่าวนำเสนอแล้วข่าวที่เหลือจะรวบรวมเป็นรวมข่าวด้านการศึกษาประจำปีไว้ให้ดาวน์โหลดอีกที
สรุปก็คือ ส่วนหนึ่งมาจากมูลนิธิฯ ส่วนหนึ่งมาจากอาสาสมัคร
วัตถุประสงค์ของ www.rakdek.or.th
๑. เป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายที่อ่านนิตยสารเพื่อนเด็ก ซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศ
๒. เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้เรื่องของทักษะชีวิตและสิทธิเด็ก
๓. เพื่อประชาสัมพันธ์การดำเนินงานของมูลนิธิฯ
๔. เป็นสื่อกลางในการระดมความช่วยเหลือให้กับเด็กที่อยู่ในภาวะยากลำบากและเด็กที่ได้รับผลกระทบจากโรคเอดส์ ทั้งในรูปแบบ สิ่งของช่วยเหลือ เงินสนับสนุน การซื้อผลิตภัณฑ์ระดมทุน และการร่วมเป็นอาสาสมัครทำกิจกรรมกับมูลนิธิฯทั้งระยะสั้นและระยะยาว เป็นต้น
กลุ่มเป้าหมายที่เข้าใช้งานในเว็บไซต์
๑. หน่วยงานภาครัฐ เช่น สพฐ.แต่ละพื้นที่ โรงเรียน เป็นหน่วยงานที่มูลนิธิฯดำเนินงานด้วย
๒. เด็กนักเรียน เยาวชน
๓. บุคคลทั่วไป ที่สนใจงานของมูลนิธิฯ อย่างเช่นเวลามีการประชาสัมพันธ์การรับสมัครอาสาสมัครจัดกิจกรรมต่างๆ การประกาศรับสมัครงาน ก็จะมีกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้เยอะเป็นพิเศษ
๔. พ่อแม่ผู้ปกครอง
๕. องค์กรพัฒนาเอกชน
ปัจจุบันนี้เฉลี่ยผู้เข้าชมก็จะตกอยู่ประมาณ
๓,๗๐๐-๔๕๐๐ คนต่อเดือน โดยบางเดือนอย่างที่บอกว่ามีการประกาศรับสมัคร
จะมีผู้เข้ามาชมเว็บไซต์เป็นจำนวนมากและในจำนวนนี้ที่เข้าก็จะต้องศึกษาข้อมูลขององค์กรเพื่อเริ่มต้นอย่างแน่นอนและนั่นก็เป็นการขยาย
เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับงานที่มูลนิธิฯทำมากขึ้น
แนวคิดการใช้ ICTเพื่อสร้างประโยชน์สำหรับงานเพื่อเด็กและเยาวชน จากประสบการณ์ของ คุณเดชา
“ในความคิดของผมแล้วผมว่า ICT มีประโยชน์กับคนทุกชนชั้นทุกระดับ แล้วแต่ว่าเราจะนำมาใช้ หรือใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างไร และในส่วนของเด็กและเยาวชน ผมว่ามีความสำคัญมากที่เด็กจะมีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องในการใช้ ICT เพราะอย่างที่รู้กันว่า มันมีทั้งด้านดีและไม่ดี แต่ถ้าเราเตรียมพร้อมเด็กและเยาวชนให้ดี แน่นอนว่าต้องเกิดสิ่งที่ดีๆตามมาอย่างแน่นอน
งานICT มีประโยชน์สำหรับงานเพื่อเด็กและเยาวชนอย่างไร สำหรับในส่วนของมูลนิธิรักษ์เด็กแล้วประโยชน์ที่เกิดขึ้นก็คือ เด็กและเยาวชนในโครงการได้รับการช่วยเหลือเพิ่มมากขึ้นทั้งจากการบริจาคและการเข้ามาทำงานอาสาสมัคร เด็กในบางพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลและไม่ได้รับสื่อของมูลนิธิฯเช่นนิตยสารเพื่อนเด็ก คุณครูสามารถเข้ามาดาวน์โหลดแล้วปริ้นนิตยสารให้เด็กอ่านได้ เด็กได้รับความรู้ใหม่ๆ ได้เปิดโลกกว้างมากขึ้น ประโยชน์ทั้งหมดนี้เป็นเพียงบางส่วนที่เกิดจากการนำ ICT เข้ามาใช้ในงานพัฒนา”
อุปสรรคของการทำงาน
ประการแรก คือ จำนวนบุคลากร ในองค์กรเองมีน้อยไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน
ประการถัดมา คือ การบริหารจัดการเวลาของทีมงานเองขาดประสิทธิภาพเนื่องจาก ต้องทำงานทั้งในส่วนของมูลนิธิด้วยและต้องทำงานจัดการเว็บไซด์ด้วย ซึ่งปัจจุบัน คนที่ดูแลเว็บไซด์ทั้งหมด คือ คุณเดชาเพียงคนเดียว และมีทีมงานอีกหนึ่งคนที่ดูแลนิตยสารเพื่อนเด็ก จึงมักพบปัญหาเรื่องข้อมูลข่าวสารล่าช้าไม่ทันสมัย หรือ เรื่องของ Spam เป็นต้น
ข้อเสนอแนะสำหรับโครงการเด็กหัวใสฉลาดใช้ไอซีที
1. เปิดโอกาสให้องค์กร หน่วยงานต่างๆที่ทำงานด้าน ICT เสนอโครงการหรือโปรเจคต่างๆที่ใช้ ICT ในการพัฒนาเด็กและเยาวชน ขอรับการสนับสนุนจากมูลนิธิสยามกัมมาจล เป็นการขยายงานต่อในพื้นที่
2. หลังจากนั้นก็มีเวทีนำเสนองาน เพื่อใช้เป็นต้นแบบในการพัฒนางานรูปแบบต่างๆต่อไป
[1] มูลนิธิรักษ์เด็ก ๑๕๙/๒๖ หมู่บ้าน อนุสารวิลล่า ถ. เชียงใหม่-ฮอด ต. ป่าแดดอ. เมือง จ. เชียงใหม่ ๕๐๑๐๐ โทรศัพท์ ๐๕๓ ๒๐๑๒๔๖ โทรสาร ๐๕๓ ๒๐๑๒๔๗
ผมทำงานเกี่ยวกับพัฒนาเด็กและเยาวชน ในอำเภอหล่มเก่า มีเด็กที่อยู่ในโครงการ 1,800 คน ชาวบ้านประมาณ 1,500 คน เน้นการศึกษาเด็ก และส่งเสริมอาชีพชาวบ้าน แต่ไม่มีความรู้ด้าน ICT กำลังเรียนรู้เพื่อนำมาพัฒนางานที่ทำ ครับ หากจะเป็นวิทยาทาน แบ่งปันความรู้บ้างก็ดีครับ
ขอบพระคุณครับ
คุณเปี๊ยก มีอะไรให้อี๋รับใช้บอกได้เลยค่ะ
หารูปน้องเดชาอยู่ เดี๋ยวจะโชว์ให้ดู หน้าตาคนตั้งใจทำงานคะ
ลองหารือกับ น้องพี จากกระจกเงา สิ [email protected]