(สูเราะฮฺ ยูซุฟ)
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[1] อะลีฟ ลาม รออฺ เหล่านี้คือโองการทั้งหลายแห่งคัมภีร์ที่ชัดแจ้ง
[2] แท้จริงพวกเราได้ให้อัลกุรอานแก่เขาเป็นภาษาอาหรับ หวังว่าพวกเจ้าจะใช้ปัญญาคิด
ยูซุฟเป็นใครมากจากไหนเมื่อวานได้พูดคุยกันแล้วในบันทึกแรก และมีความสำคัญมากขนาดบท(หรือสูเราะฮฺ)หนึ่งในอัลกุรอานได้ตั้งให้เป็นชื่อท่าน เรื่องราวในบทนี้จะกล่าวถึงท่าน ความหมายต่างๆของแต่ละโองการในบทนี้บรรดาอุลามาอฺ(ผู้รอบรู้ในอิสลาม)ได้บรรยายไว้มากมาย ผมก็ได้ศึกษามาบ้างบวกกับความรู้ทางการศึกษาและจิตวิทยาที่ได้ศึกษามา จึงขอพูดในมิติที่เป็นทางการศึกษาและจิตวิทยา
อายัตหรือโองการแรกในบทหรือสูเราะฮฺนี้ พระผู้เป็นเจ้าอัลลอฮฺจะกล่าวว่า ..
เป็นตัวอักษรในภาษาอาหรับ 3 ตัว มาเชื่อมต่อกัน เวลาอ่านก็จะอ่านที่ละตัวโดยไม่ได้อ่านให้เชื่อมต่อกันหรืออาจกล่าวได้ว่ามันเป็นอักษรย่อกลุ่มหนึ่ง ความหมายของอักษรย่อนี้ ไม่มีผู้ใดสามารถบอกเจาะจงได้ว่ามันคืออะไร และแปลว่าอยางไร เพราะท่านนบี(ศ็อลฯ)ศาสนฑูตของผู้ตรัสเองก็ไม่ได้บอกความหมายของอักษรย่อกลุ่มนี้ แม้ว่าระยะหลังจะมีบรรดาผู้รู้หลายคนให้ความหมายที่แตกต่างกัน เช่น อะลิฟ นั้นมาจากคำว่า อัลลอฮฺ ลาม มาจากคำว่า ละตีฟ(ที่อ่อนโยน) และรออฺ มาจากคำว่า อัรรอฮฺมาน(ผู้เมตตา) แต่นั้นก็เป็นการให้ความหมายของคนๆหนึ่งหรือคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ไม่มีใครรับรองเลยว่ามันถูกต้องแท้จริง
ผู้รู้บางท่านบอกว่า นี้เป็นมหัศจรรย์อย่างหนึ่งที่อัลลอฮฺประทานมาในอัลกุรอาน คนอาหรับก่อนหน้าที่อิสลามจะถูกประทานลงมา พวกเขานิยมเจ้าบทเจ้ากลอนมากหรือที่เรียกว่าชิอิรฺ(شعر) ชอบเล่นคำ เล่นภาษา และพวกเขานับถือและเชื่อในสรรพสิ่งต่างๆ เช่น ต้นไม้ ท่อนไม้ หิน ดิน ทราย และอื่นๆ มีอำนาจทั้งสิ้นแล้วแต่จะเชื่อ แม้กระทั่งอาหารการกินที่พวกเขาปั้นๆให้เป็นรูปคนก็กราบไหว้บูชากัน
เมื่ออิสลามถูกประทานลงมาผ่านศาสนฑูตที่เป็นชาวบ้านธรรมดาๆที่ชื่อว่ามุฮำมัด มาบอกแก่เขาว่า ผู้มีอำนาจจริงๆนั้นคือพระผู้เป็นเจ้าอัลลอฮฺ ไม่ใช่พวกสรรพสิ่งที่เขาเชื่อกัน ด้วยนิสัยที่ถูกครอบงำด้วยมารร้ายไชฏอนก็จะต่อต้านทันที พวกเขาจะยึดมั่นอย่างยิ่งยวดกับการเป็นผู้อนุรักษ์นิยม อะไรที่คนเก่าคนแก่ ปู่ย่าตาทวด เคยยึดถือ เคยเชื่ออย่างไร ก็จะตามเขา เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เมื่อบอกว่าอัลกุรอานนี้เป็นคำพูดของพระผู้เป็นเจ้าผู้มีอำนาจจริงๆ เขาจะเอามือปิดหูตัวเองหรือเอาผ้าคลุมทันที
แต่ด้วยการที่พวกเขานิยมเจ้าบทเจ้ากลอน นิยมการเล่นคำ การกล่าวคำในสิ่งที่เขารู้สึกแปลไม่เคยได้ยินแบบนี้มาก่อน เขาก็จะเปิดหูรับฟังทันที
บทหรือสูเราะฮฺในอัลกุรอาน ที่เริ่มต้นด้วยอักษรย่อเหมือนในสูเราะฮฺยูซุฟนี้ มีหลายสูเราะฮฺและเกือบทุกสูเราะฮฺหลังจากกล่าวคำนี้แล้วจะตามด้วยการกล่าวถึงความยิ่งใหญ่และชัดแจ้งของอัลกุรอานทันที
ในสูเราะฮฺนี้ อัลลอฮฺ จะตรัสตามอักษรย่อด้วยคำตรัสที่มีความว่า เหล่านี้คือโองการทั้งหลายแห่งคัมภีร์ที่ชัดแจ้ง
หมายถึงคำที่กล่าวต่อไปนี้นั้นคือโองการต่างที่กล่าวมาอย่างชัดเจน
อักษรย่อ อะลิฟ ลาม รออฺ ในที่นี้ เป็นสิ่งดึงดูดให้พวกเขาจากที่ไม่อยากฟัง ไม่อยากได้ยิน เขาต้องเปิดหูฟังในทันที หรือที่เรารู้จักกันที่เรียกว่าเป็นการจูงใจ(Motivation)
อะลีฟ ลาม รออฺ الر จึงเป็น แรงจูงใจ(Motivative)อย่างหนึ่ง
นักวิชาการสมัยใหม่ได้ให้ความหมายของแรงจูงใจเพื่อให้เข้าใจอย่างชัดเจนว่า
จากอายัตแรกในสูเราะฮฺนี้ ในมิตินี้ทำให้เราตระหนักได้ว่า การที่จะสอนอะไรแก่เด็กๆ ถ้าเด็กไม่ค่อยสนใจเราเท่าไร เราก็ต้องหาอะไรที่เด็กสนใจในเวลาและเป็นเรื่องแปลกประหลาดก็พยายามผูกเรื่องเหล่านั้นกับเนื้อหาที่เราจะสอนเขา
(อีกโองการหนึ่งไว้พูดพรุ่งนี้)
ผมอยากให้คนเป็นครูหลายคนได้เข้ามาอ่านบทเรียนนี้มากครับ และอยากให้คนที่คิดจะเป็นผู้สอนซึ่งอาจไม่ใช่ประกอบอาชีพครู (อาจจะเป็น พ่อ แม่ พี่...) ได้เข้ามาเรียนรู้ เพราะนี่คือบทเรียนที่ทรงคุณค่า ที่จะทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น โดยเฉพาะเข้าใจผู้อื่น
ขออัลลอฮฺทรงตอบแทนอาจารย์สำหรับการนำบทเรียนดีๆ มาเผยแพร่เป็นที่ประจักษ์ครับ
แวะมาเรียนรู้ค่ะ
สุขภาพเป็นไงบ้างค่ะ
คงจะมีครู จำนวนหนึ่ง ทีเดียว ที่เข้ามาชมเว็บนี้
อินชาอัลลอฮฺ......
ผมชอบบทความนี้เพราะท่านได้วงเล็บความหมายของคำต่างๆ ไว้ด้วย ซึ่งเป็นประโยชน์มากเลยครับ
ผมเองสนใจอิสลามเพราะท่านพุทธทาสกล่าวไว้ว่า ถ้าศึกษาทุกศาสนาให้ลึกพอ ก็จะนำไปสู่ความดีและสันติสุขด้วยกันทั้งสิ้น
แต่การที่คนพุทธจะอ่านเรื่องอิสลาม คริสต์ ให้เข้าใจนั้นยากในการทำความเข้าใจถ้อยคำ
ดังนั้นที่ทอาจารย์ได้วงเล็บความหมายไว้ ช่วยได้มากจริงๆครับ
ขอบคุณมากครับ
แล้วผมจะพยายามต่อไป .. เพราะช่วงนี้หาเวลายากมากเลย..
ดีใจมากค่ะที่ได้มาอ่านบทความของอาจารย์ ทำให้หนูได้เข้าใจและรู้สึกมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยค่ะ อยากให้คุนครูอีกหลายๆคนได้มาอ่านกันบ้าง
ญาซากัลลอฮฺค็อยร็อน