ตี๋ตระกูลซ่ง(๓)


ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์/จับคนไปขังผิดไหม

ตี๋ตระกูลซ่ง (๓)

อัยการชาวเกาะ

 

                ในเรื่องตี๋ตระกูลซ่ง ส่วนใหญ่เนื้อหาสาระก็จะเน้นอยู่ที่การกระทำของบุคคลในตระกูลซ่ง ซึ่งมีทั้งขยันทำงาน จิตใจโอบอ้อมอารีย์ อีกคนหนึ่งก็เอาแต่ใจ คิดหาเงินโดยวิธีง่ายๆ แต่ผิดกฎหมายซึ่งความแตกต่างของคนในครอบครัวเดียวกันนี้ ถ้าจำไม่ผิดผมเคยเขียนถึงเรื่องการเลี้ยงลูกไว้ในบทความของผมมาครั้งหนึ่งแล้ว ว่า เราลองสังเกตดูว่าการเลี้ยงลูกให้ลำบากในตอนแรก จะส่งผลให้เขาเป็นคนดีในอนาคต ถ้าเลี้ยงลูกให้สบายในตอนแรก ลูกก็จะเป็นเด็กที่มีปัญหาในอนาคต ผู้ปกครองมักบ่นให้ผมฟังอยู่เสมอว่า ลูกไม่ค่อยเชื่อฟังพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ไม่เหมือนผู้ปกครองที่มาปรึกษา สมัยก่อนพ่อดุแม่ด่าจะเงียบไปหมดไม่กล้าเถียง เดี๋ยวนี้มันไม่กลัวเลยกับพ่อกับแม่ มันเถียงคำไม่ตกฟาก ขอให้ผมช่วยสอนลูกเขาหน่อย  แค่ฟังเรื่องนี้ผมเกือบจะปากหมาว่า ก็เพราะคุณเลี้ยงลูกอย่างนี้ มันจึงเป็นอย่างนั้น การที่พ่อแม่ไม่กล้าสอนลูก แล้วขอให้คนอื่นช่วยสอนนี่ ผมบอกได้เลยว่าที่เป็นแบบนี้เพราะพ่อแม่กลัวลูกโกรธ ถ้าเป็นแบบนี้ก็จบตั้งแต่แรกแล้วครับ ท่านลองสังเกตดูนะครับว่า พ่อแม่ยุคปัจจุบันเป็นแบบนี้ไหม ผมเชื่อว่าเป็นแบบนี้ เพราะเด็กในยุคปัจจุบันมันก็ถอดพิมพ์มาแบบนี้เหมือนกันเกือบร้อยเปอร์เซนต์  เฮ้อ...ขอคนแก่บ่นซักหน่อยเหอะ..

                เล้ง เป็นลูกคนสุดท้องของตระกูล เอาแต่ใจตัวเอง ซึ่งหากดูเหตุผลแล้วจะเห็นว่าเคี้ยงและกิมเน้ยเสียอาไช้ไปเพราะเจินขอไปเลี้ยงที่ฮ่องกง พอมีเล้งมาทดแทน ก็ทุ่มเทความรักให้ชดเชยความสูญเสียทำนองนั้น ประกอบกับฐานะทางครอบครัวเริ่มไม่ลำบาก ก็เกิดการตามใจจนเล้งเป็นเด็กมีปัญหา คนในครอบครัวรักใครก็จะดูขวางหูขวางตาไปหมด เหมือนตัวเองกำลังถูกแย่งความรักเล้ง สร้างวีรกรรมไว้เยอะ เช่น พานักเลงมารุมชานในวันประกวดตี๋ไชน่าทาวน์ ไล่กระทืบกันบนเวทีประกวดแต่ชานก็เอาตัวรอดมาได้และคณะกรรมการเข้าใจว่านี่เป็นการแสดงของชาน  ก็เลยตัดสินให้ชานชนะการประกวด  ไอ้การพาพวกมารุมกระทืบเขาโดยตัวเองไม่ได้ลงมือทำเอง เป็นการ ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิด ต้องได้รับโทษเท่ากับทำเอง นี่ครับกฎหมายเขาบอกว่าไม่ใช่เฉพาะการใช้เท่านั้นนะครับ ยังรวมการบังคับขู่เข็ญ การจ้างวาน หรือการยุยงส่งเสริม หรือมันจะทำด้วยวิธีอะไรก็ตามที่ทำให้เขาไปกระทำความผิด ดูตรงนี้ครับ

                ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการใช้ บังคับขู่เข็ญ จ้าง วานหรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด          ถ้าผู้ถูกใช้ได้กระทำความผิดนั้น ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการถ้าความผิดมิได้กระทำลง ไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทำ ยังไม่ได้กระทำหรือเหตุอื่นใด ผู้ใช้ต้องระวางโทษเพียงหนึ่งในสามของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น                เห็นไหมครับ ถ้ามีการกระทำความผิดตามที่ใช้ ก็รับโทษเท่าทำเอง แต่ถ้าผู้ถูกใช้ไม่ยอมทำหรือยังไม่ได้ทำหรือมีเหตุอื่นที่ทำให้ไม่ได้ทำ ก็ยังต้องถูกลงโทษหนึ่งในสาม เห็นไหม เหมือนกฎหมายเขาบังคับอย่าให้คนพูดสั่งการพล่อยๆ แฮ่.....                ต่อมาชานได้รับรางวัลเป็นเงินหนึ่งแสนบาท เล้งคิดจะเอาเงินไปรักษาอาม่า ก็เลยคบคิดกับฟู่แย่งเงินจากชาน ฟู่เป็นพี่ก็จริงแต่ความที่รักน้องและรักอาม่าจึงถูกเล้งชักจูงจนยอมร่วมมือด้วย ความจริงแล้วพี่ต้องเตือนต้องสอนน้องไม่ใช่ให้น้องจูงจมูกแบบนี้ ฟู่ไปหลอกชานออกมาให้เล้งตีเพื่อชิงเอาเงิน การกระทำขั้นตอนนี้เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ ท่านผู้อ่านอาจสงสัยว่าเออ...แล้วลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ยักยอกทรัพย์ ฉ้อโกงทรัพย์ นี่มันเป็นยังไง ก็ล้อมวงเข้ามา ข้าฯจะเล่าให้ฟัง เฮอะๆๆ.....

                การลักทรัพย์ คือการเอาทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต

                การวิ่งราวทรัพย์ก็คือการลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า

                การชิงทรัพย์คือการลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย

                ส่วนการปล้นทรัพย์ก็คือการชิงทรัพย์ที่มีผู้ร่วมกระทำความผิดตั้งแต่สามคนขึ้นไป

                การยักยอกทรัพย์ ก็คือการที่ได้ครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นแล้วเบียดบังยักยอกเอาไปโดยทุจริต เห็นไหมครับว่ามันแตกต่างกับลักทรัพย์เพราะยักยอกต้องเป็นคนถือเอาทรัพย์ของผู้อื่นไว้จะด้วยการเขาฝากไว้หรือยึดถือแทนเขาเพราะเหตุใดก็ตาม แต่ลักทรัพย์ไปแอบเอามาโดยเขาไม่รู้

            การฉ้อโกงทรัพย์ ก็คือการหลอกลวงผู้อื่นให้ส่งมอบทรัพย์ให้ จะโดยวิธีวิธีพูดเท็จหลอกเขาจนเชื่อ หรือปกปิดข้อเท็จจริงบางส่วนเพื่อให้เขาหลงเชื่อ เห็นไหมครับมันแตกต่างกับลักทรัพย์ตรงที่ลักทรัพย์แอบเอาไปโดยเจ้าของไม่รู้(เจ้าทรัพย์ไม่ได้เจอกับผู้ลัก) แต่ฉ้อโกงต้องหลอกให้เขาส่งมอบทรัพย์ให้(ทั้งเจ้าทรัพย์ทั้งผู้หลอกต้องติดต่อสัมพันธ์กันทางใดทางหนึ่ง)

                ผมเขียนอย่างนี้เข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ยักยอกทรัพย์ ฉ้อโกงทรัพย์และปล้นทรัพย์ ชัดไหมครับ

                ย้อนกลับมาที่ละคร ทั้งฟู่และเล้งต่างก็มีความผิดฐานร่วมกันชิงทรัพย์ และเป็นคดีความผิดที่ยอมความไม่ได้ แม้ชานจะไม่เอาเรื่องมีสิทธิติดคุกทั้งคู่ครับ

                วีรกรรมของฟู่กับเล้งมีหลายเรื่องครับ เล้งคบกับนักเลงชื่อป่อง ถูกป่องหลอกใช้ให้ไปส่งอาวุธปืน ในครั้งแรกเล้งไม่รู้ว่าถืออะไรไป แต่พอสงสัยเปิดดูเป็นปืนก็เอาไปคืนป่อง ซึ่งตอนนี้ต้องถือว่าเล้งไม่มีความผิดเพราะไม่มีเจตนามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตหรือเจตนาพาอาวุธปืนติดตัวโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ข้อกฎหมายในเรื่องนี้ผมเคยเขียนเรื่องปืน! อาวุธที่ควรมีไว้ในครอบครัว? ไว้แล้ว แต่ถ้าเล้งรู้ว่าเป็นอาวุธปืนยังพาไปส่ง ย่อมปฏิเสธความรับผิดไม่ได้

                ฟู่ถูกไพบูลย์หลอกใช้  เพราะรู้สถานะของฟู่ และใช้ฟู่ไปจับตัวมนสิชาพาไปขังไว้ แถมยังรู้ด้วยว่าขณะที่ฟู่ไปจับตัวมนสิชาจะมีวงจรปิดถ่ายภาพไว้โดยตลอด ดังนั้นหากมีการจับกุมขึ้นมาคนที่ปฏิเสธความรับผิดไม่ได้ก็คือฟู่  เรามาดูข้อกฎหมายกันดีกว่าว่าการ การจับคนมาขังโดยไม่มีอำนาจจับตามกฎหมาย จะมีความผิดอะไร  เรามาดูนี่เลย

                  "ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"            ในกรณีฟู่การไปบังคับจับตัวเขาก็ผิดไปขั้นหนึ่งแล้ว ยังเอาเขาไปขังไว้ก็ผิดต่อไปอีก เพราะกฎหมายเขากำหนดว่า

          "ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

                การบังคับให้คนต้องทำตามที่ตนต้องการ เช่นให้เดินตาม ให้อยู่กับที่ อย่าส่งเสียง มิฉะนั้นจะตบ จะยิง จะเปิดเผยความลับ จะทำลายทรัพย์สินฯลฯ อย่างนี้เป็นเรื่องการทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ  แต่ขังไว้ในห้อง หรือ ไม่ยอมให้กลับ หรือถ่วงเวลา ก็เป็นความผิดหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น เช่น ไปขอประกันตัวชั้นตำรวจ แต่ตำรวจบ่ายเบี่ยงว่าสารวัตรไม่อยู่ ยังไม่ว่าง ผู้ต้องหาก็ยังอยู่ในห้องขัง จะสั่งยังไงก็ไม่สั่งสักที ยื่นตั้งแต่เช้า จนหัวค่ำก็ยังไม่ได้ประกันให้ประกันหรือไม่ให้ประกันก็ไม่บอก แกล้งขังไว้อย่างนั้นแหละ  อย่างนี้ก็เป็นความผิดนะสารวัตร...แฮ่.....

หมายเลขบันทึก: 130582เขียนเมื่อ 22 กันยายน 2007 10:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน 2012 17:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ไปขอประกันตัวชั้นตำรวจ แต่ตำรวจบ่ายเบี่ยงว่าสารวัตรไม่อยู่ ยังไม่ว่าง ผู้ต้องหาก็ยังอยู่ในห้องขัง จะสั่งยังไงก็ไม่สั่งสักที ยื่นตั้งแต่เช้า จนหัวค่ำก็ยังไม่ได้ประกันให้ประกันหรือไม่ให้ประกันก็ไม่บอก แกล้งขังไว้อย่างนั้นแหละ อย่างนี้ก็เป็นความผิดนะสารวัตร...แฮ่.....

แล้วแบบนี้ฟ้องตำรวจคืนได้หรือไม่คะ หรือเขาไม่ทำกัน อิอิ

สวัสดีครับ

กรณีอย่างนี้ ศาลเคยพิพากษาลงโทษจำคุกตำรวจมาแล้ว ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังให้ผู้อื่นเสื่อมเสียเสรีภาพครับ อิอิ

โดนอย่างนี้ก็แจ้งความเลย ไม่รับแจ้งก็เล่นอีกข้อหาปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แล้วแจ้งความกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือแจ้งความผ่านสื่อ(เล่นข่าวไปเลย อิอิ)เอาให้ดังไปทั่วประเทศแล้วตำรวจจะรู้เองแหละคราวนี้ อิอิ

ขอบคุณค่ะ copy คำแนะนำนี้เลย อิอิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท