ปีกมาร(๒)


คำเตือน ตอนนี้ทะลึ่งตึงตังไปหน่อยไม่เหมาะสำหรับเด็กต่ำกว่า ๑๘ ปี บริบูรณ์
 ปีกมาร
                                                      อัยการชาวเกาะ 

            คราวนี้เรามาดูกันต่อ ศลัยลา หมดความอดทนกับภูฉายที่เชื่อแม่ ผิดสัญญากับตนตลอดเวลา นัดไปกินข้าวก็จะมีปัญหาไม่สามารถไปได้ตามนัด นัดจะไปนอนค้างที่บ้านกับศลัยลาก็จะมีปัญหาให้ไปไม่ได้ทุกครั้งเพราะฤทธิ์เดชของคุณนายสลัก เวลาคลอดลูกภูฉายก็ไม่ได้ไปดูแล แถมพอคลอดลูกมาแล้วตกลงกันว่าจะมาอยู่กันที่บ้านของศลัยลา ก็ถูกคุณนายสลักใช้เล่ห์เพทุบายเอาลูกไปเลี้ยงเองโดยไปเอาเด็กจากโรงพยาบาลไปเลี้ยงที่บ้าน แถมเมื่อถึงบ้านยังเข้าไปนอนในห้องของภูฉายเสียอีก ตีกันทุกวิถีทาง ใครที่ดูละครเรื่องนี้ ก็จะรู้สึกอึดอัดกับความแสบของอียายคุณนายสลัก และรู้สึกสงสารนางเอก ผมก็สงสารเพราะศลัยลา..สวยแฮ่ม!

            เรารู้ เราเข้าใจกันว่า สามีภริยาต้องดูและซึ่งกันและกัน ตามสภาพครอบครัวและสังคมไทย ท่านเคยรู้บ้างไหมครับว่ากฎหมายเขากำหนดหน้าที่ของสามีภริยากันไว้อย่างไร เขาบอกอย่านี้ครับ

            สามีภริยาต้องอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา          สามีภริยาต้องช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูกันตามความสามารถและฐานะของตน

            คำว่า ต้องแสดงว่ากฎหมายบังคับให้ทำ การอยู่กินฉันสามีภริยานั้น นักกฎหมายเขาบอกว่า หมายถึงอยู่ร่วมบ้านกัน ร่วมชีวิตในการครองเรือนด้วยกัน และร่วมประเวณีกัน ส่วนจะเป็นอย่างไรก็ต้องแล้วแต่กรณีไป  เช่นการอยู่ร่วมบ้านกัน สามีทำงานบริษัทน้ำมันอยู่กลางทะเล อยู่ในทะเล ๑๕ วัน อยู่บนบกกลับมาอยู่ที่บ้าน ๑๕ วัน อย่างนี้ก็ต้องถือว่าอยู่ร่วมบ้านกัน ร่วมชีวิตในการครองเรือนกัน ส่วนจะมีการร่วมประเวณีกันกี่ครั้ง เอ้อ….กฎหมายไม่ได้กำหนด ฮิฮิ

            ในเรื่องการร่วมประเวณีกับคู่ของตัวเอง หลังจากอยู่มาหลายปี อาจเกิดความเบื่อหน่าย จากที่มีระยะเวลาถี่ ทุกวัน ก็เริ่มห่างเป็นอาทิตย์ละครั้ง แล้วก็มาเป็นเดือนละ ๒ ครั้ง แล้วเป็นเดือนละครั้ง จนกระทั่งปีละครั้งก็มี เพราะเมื่อมีอายุมากขึ้นการมีเพศสัมพันธ์ก็เริ่มจะไม่ค่อยไหวจะให้เบิ้ลสองครั้งแบบหนุ่มๆ ก็จะตายเอา  มีเพื่อนคนหนึ่งมาคุยในวงเหล้าว่าสมรรถภาพยังดี ยังเบิ้ลได้ เพื่อนๆไม่เชื่อน้ำหน้ามันหรอก ก็เลยให้เมียไปหลอกถามเมียเพื่อน ในที่สุดก็ได้ความจริงมาว่าสมรรถนะของมัน ปีละครั้งเพิ่งไม่กี่วันมานี้ไม่รู้ไปกินอะไรมา เป็นครั้งที่สองในรอบปี อ๋อมันถึงบอกว่าเบิ้ล ถุย….

            ศลัยลา อยู่กับภูฉายไม่มีความสุขเลย จิตใจอ่อนล้า แต่ละวันที่อยู่ด้วยกันมีแต่ความไม่สบายใจ และภูฉายก็ไม่เคยแก้ปัญหาสักที มีทางเดียวที่จะทำได้ก็คือ อย่าอยู่ด้วยกันเลย มันจะได้สบายใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย ศลัยลาก็จะได้มีอิสระจากคุณนายสลัก ส่วนภูฉายก็จะได้ตามใจแม่อย่างสะดวกสบายใจ ขั้นตอนตรงนี้ไม่ถึงกับขั้นหย่าขาดจากกันหรอกนะ เป็นเพียงแค่แยกกันอยู่ถ้าแยกกันอยู่แล้วยังไม่สามารถตกลงกันได้ก็ค่อยหย่ากัน เพราะเป็นที่รู้กันว่า ภูฉายรักศลัยลามาก และศลัยลาก็รักภูฉายมาก แถมยังมีลูกเป็นราหุลอีก อ้อ..คำพระน่ะครับ ตอนที่เจ้าชายสิทธัตถะมีลูก ก็รำพึงขึ้นมาว่า ราหุลลัง ชาตัง แปลเป็นไทยว่า ห่วงเกิดขึ้นแล้ว ศลัยลายสามารถทำตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งก็คือ

            ถ้าการอยู่ร่วมกันจะเป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจหรือทำลายความผาสุกอย่างมากของสามีหรือภริยา ฝ่ายที่จะต้องรับอันตรายหรือความเสียหายอาจร้องขอต่อศาลขอให้สั่งอนุญาตให้ตนอยู่ต่างหากในระหว่างที่เหตุนั้นๆยังมีอยู่ก็ได้ กรณีเช่นนี้ศาลจะกำหนดจำนวนค่าอุปการะเลี้ยงดูให้อีกฝ่ายหนึ่งเสียให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งตามควรแก่พฤติการณ์ก็ได้

            ศลัยลาพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำได้เลยว่า การอยู่ร่วมกันจะเป็นอันตรายแก่จิตใจและทำลายความผาสุกอย่างมากของสามีภริยา  เหตุเพราะภูฉายไม่ยอมแก้ไขปัญหา ทำอาหารให้ทานก็ถูกแม่สามีเย้ยหยัน จะใช้ชีวิตเป็นส่วนตัวก็ไม่ได้สารพัด อยู่ไปมีแต่เรื่องไม่สบายใจ แล้วอยู่ไปทำพระแสงของ้าวทำไม สมัยก่อนภรรยาไม่มีสิทธิหือกับสามี เพราะกฎหมายไทยเขียนโดยผู้ชาย และกฎหมายลักษณะผัวเมียก็ให้อำนาจสามีทำโทษภริยา ถ้าด่าสามีก็ต้องเอาข้าวตอกดอกไม้ขอโทษสามีด้วยนะ แต่เป็นสมัยนี้ กฎหมายรัฐธรรมนูญบอกว่าชายหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน ดังนั้น การที่คู่สมรสจะเลือกถิ่นที่อยู่ ก็ต้องเป็นเรื่องตกลงพร้อมใจกันโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของครอบครัวเป็นหลัก ศลัยลาบอกให้ภูฉายย้ายไปอยู่ด้วยกันที่บ้านตนเพื่ออยู่อย่างอิสระ เอาลูกไปเลี้ยงกันเอง      ภูฉายก็อยากไปแต่กลัวแม่ ถือว่าภูฉายไม่มีเหตุผล กรณีอย่างนี้หากศลัยลาต้องการค่าอุปการะเลี้ยงดูก็ย่อมจะมีสิทธิได้จากภูฉายตามสมควรเช่นกัน

            เอาละ สมมติว่าแยกกันอยู่มาครบสามปีแล้ว ตัดสินใจกันแล้วว่าไม่เอาแล้ว เพราะขณะที่แยกกันอยู่ภูฉายก็ยังเหมือนเดิม คุณนายสลักแกก็ไม่ยอมตายสักที เมื่อขอหย่ากับภูฉาย ก็ไม่ยอมไปจดทะเบียนหย่า ศลัยลามีสิทธิฟ้องหย่าได้เพราะเข้าหลักเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนดเหตุฟ้องหย่าข้อหนึ่งว่า

                   สามีและภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปีหรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของศาลเป็นเวลาเกินสามปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

          แต่ถ้าจะวิเคราะห์กันในเรื่องเหตุฟ้องหย่าที่ฝ่ายศลัยลาจะฟ้องหย่าภูฉายมันไม่ได้มีเพียงเรื่องแยกกันอยู่กันสามปี มันยังมีเหตุอื่นตามกฎหมายอีก เอ๊า..ตามผมมา  มาดูว่ามีเหตุอะไรที่ ศลัยลาจะอ้างได้อีก

            สามีหรือภริยาไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควรหรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ถ้าการกระทำนั้นถึงขนาดที่อีกฝ่ายหนึ่งเดือดร้อนเกินควรในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

            ในเรื่องนี้ศลัยลาย่อมอ้างถึงการทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรงของภูฉาย และถึงขนาดที่ศลัยลาเดือดร้อนเกินควรเมื่อเอาสภาพ ฐานะ และความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยากับภูฉายมาคำนึงประกอบ  ความเป็นครอบครัวเป็นเรื่องของการอยู่กินกันด้วยความรัก ความเข้าใจ และปฏิบัติต่อกันและกันอย่างอบอุ่น แต่ถ้าครอบครัวต้องมีมารผจญอยู่ตลอดเวลา แล้วครอบครัวจะมีความสุขได้อย่างไร ศลัยลาเดือดร้อนแน่อย่างที่ท่านเห็น(ในละคร)

            ท่านผู้อ่านที่เป็นหญิง ที่ยังไม่แต่งงาน รู้ไหมว่าคนโบราณเขาสอนเอาไว้ว่า ก่อนแต่งให้เปิดหูเปิดตาทั้งสองข้างให้กว้าง  แต่หลังแต่งให้ปิดหูและปิดตาอย่างละข้างทำไมต้องเปิดหูเปิดตาให้กว้างล่ะ  ผมถามเพื่อนซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องครอบครัว มันตอบว่าไงรู้ไหม มันตอบว่า เพราะคนโบราณบอกว่า ความรักทำให้คนตาบอดดังนั้นเพื่อป้องกันการตาบอดเลยต้องเปิดหูเปิดตาให้กว้างไว้ก่อน เจี๊ยก

            ความจริงแล้วเขาสอนว่า ก่อนตัดสินใจแต่งงานต้องคิดใคร่ครวญให้รอบคอบ ทั้งฐานะความเป็นอยู่ ความขยันหมั่นเพียรของผู้ที่จะมาเป็นสามี ความซื่อสัตย์สุจริต การให้เกียรติผู้หญิง ความเป็นอยู่ในครอบครัวของฝ่ายชาย ญาติพี่น้อง ดูให้ทุกด้าน เมื่อดูดีจึงค่อยตัดสินใจแต่งงาน อย่าเห็นว่ารูปหล่อ พ่อรวย แล้วตัดสินใจแต่ง   มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ๖ เดือนเลิกเยอะแยะไปหมด และเมื่อแต่งแล้วก็อย่าไปรับรู้รับฟังหรือไปอยากรู้อยากเห็นให้มากนัก ฟังหูไว้หู มีสติพูดคุยแก้ปัญหากัน ชีวิตสมรสก็จะมีความสุขครับ  เจอกันตอนหน้า คราวนี้เราจะมาดูว่าถ้าภูฉายคิดจะฟ้องหย่าเมียล่ะจะทำได้ไหม..

หมายเลขบันทึก: 131707เขียนเมื่อ 25 กันยายน 2007 21:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท