คราวนี้เรามาดูกันต่อ ศลัยลา หมดความอดทนกับภูฉายที่เชื่อแม่ ผิดสัญญากับตนตลอดเวลา นัดไปกินข้าวก็จะมีปัญหาไม่สามารถไปได้ตามนัด นัดจะไปนอนค้างที่บ้านกับศลัยลาก็จะมีปัญหาให้ไปไม่ได้ทุกครั้งเพราะฤทธิ์เดชของคุณนายสลัก เวลาคลอดลูกภูฉายก็ไม่ได้ไปดูแล แถมพอคลอดลูกมาแล้วตกลงกันว่าจะมาอยู่กันที่บ้านของศลัยลา ก็ถูกคุณนายสลักใช้เล่ห์เพทุบายเอาลูกไปเลี้ยงเองโดยไปเอาเด็กจากโรงพยาบาลไปเลี้ยงที่บ้าน แถมเมื่อถึงบ้านยังเข้าไปนอนในห้องของภูฉายเสียอีก ตีกันทุกวิถีทาง ใครที่ดูละครเรื่องนี้ ก็จะรู้สึกอึดอัดกับความแสบของอียายคุณนายสลัก และรู้สึกสงสารนางเอก ผมก็สงสาร…เพราะศลัยลา..สวย…แฮ่ม!
เรารู้ เราเข้าใจกันว่า สามีภริยาต้องดูและซึ่งกันและกัน ตามสภาพครอบครัวและสังคมไทย ท่านเคยรู้บ้างไหมครับว่ากฎหมายเขากำหนดหน้าที่ของสามีภริยากันไว้อย่างไร เขาบอกอย่านี้ครับ
คำว่า “ต้อง” แสดงว่ากฎหมายบังคับให้ทำ การอยู่กินฉันสามีภริยานั้น นักกฎหมายเขาบอกว่า หมายถึงอยู่ร่วมบ้านกัน ร่วมชีวิตในการครองเรือนด้วยกัน และร่วมประเวณีกัน ส่วนจะเป็นอย่างไรก็ต้องแล้วแต่กรณีไป เช่นการอยู่ร่วมบ้านกัน สามีทำงานบริษัทน้ำมันอยู่กลางทะเล อยู่ในทะเล ๑๕ วัน อยู่บนบกกลับมาอยู่ที่บ้าน ๑๕ วัน อย่างนี้ก็ต้องถือว่าอยู่ร่วมบ้านกัน ร่วมชีวิตในการครองเรือนกัน ส่วนจะมีการร่วมประเวณีกันกี่ครั้ง เอ้อ….กฎหมายไม่ได้กำหนด ฮิฮิ…
ศลัยลา อยู่กับภูฉายไม่มีความสุขเลย จิตใจอ่อนล้า แต่ละวันที่อยู่ด้วยกันมีแต่ความไม่สบายใจ และภูฉายก็ไม่เคยแก้ปัญหาสักที มีทางเดียวที่จะทำได้ก็คือ อย่าอยู่ด้วยกันเลย มันจะได้สบายใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย ศลัยลาก็จะได้มีอิสระจากคุณนายสลัก ส่วนภูฉายก็จะได้ตามใจแม่อย่างสะดวกสบายใจ ขั้นตอนตรงนี้ไม่ถึงกับขั้นหย่าขาดจากกันหรอกนะ เป็นเพียงแค่แยกกันอยู่ถ้าแยกกันอยู่แล้วยังไม่สามารถตกลงกันได้ก็ค่อยหย่ากัน เพราะเป็นที่รู้กันว่า ภูฉายรักศลัยลามาก และศลัยลาก็รักภูฉายมาก แถมยังมีลูกเป็นราหุลอีก อ้อ..คำพระน่ะครับ ตอนที่เจ้าชายสิทธัตถะมีลูก ก็รำพึงขึ้นมาว่า ราหุลลัง ชาตัง แปลเป็นไทยว่า ห่วงเกิดขึ้นแล้ว ศลัยลายสามารถทำตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งก็คือ
ศลัยลาพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำได้เลยว่า การอยู่ร่วมกันจะเป็นอันตรายแก่จิตใจและทำลายความผาสุกอย่างมากของสามีภริยา เหตุเพราะภูฉายไม่ยอมแก้ไขปัญหา ทำอาหารให้ทานก็ถูกแม่สามีเย้ยหยัน จะใช้ชีวิตเป็นส่วนตัวก็ไม่ได้สารพัด อยู่ไปมีแต่เรื่องไม่สบายใจ แล้วอยู่ไปทำพระแสงของ้าวทำไม สมัยก่อนภรรยาไม่มีสิทธิหือกับสามี เพราะกฎหมายไทยเขียนโดยผู้ชาย และกฎหมายลักษณะผัวเมียก็ให้อำนาจสามีทำโทษภริยา ถ้าด่าสามีก็ต้องเอาข้าวตอกดอกไม้ขอโทษสามีด้วยนะ แต่เป็นสมัยนี้ กฎหมายรัฐธรรมนูญบอกว่าชายหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน ดังนั้น การที่คู่สมรสจะเลือกถิ่นที่อยู่ ก็ต้องเป็นเรื่องตกลงพร้อมใจกันโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของครอบครัวเป็นหลัก ศลัยลาบอกให้ภูฉายย้ายไปอยู่ด้วยกันที่บ้านตนเพื่ออยู่อย่างอิสระ เอาลูกไปเลี้ยงกันเอง ภูฉายก็อยากไปแต่กลัวแม่ ถือว่าภูฉายไม่มีเหตุผล กรณีอย่างนี้หากศลัยลาต้องการค่าอุปการะเลี้ยงดูก็ย่อมจะมีสิทธิได้จากภูฉายตามสมควรเช่นกัน
เอาละ สมมติว่าแยกกันอยู่มาครบสามปีแล้ว ตัดสินใจกันแล้วว่าไม่เอาแล้ว เพราะขณะที่แยกกันอยู่ภูฉายก็ยังเหมือนเดิม คุณนายสลักแกก็ไม่ยอมตายสักที เมื่อขอหย่ากับภูฉาย ก็ไม่ยอมไปจดทะเบียนหย่า ศลัยลามีสิทธิฟ้องหย่าได้เพราะเข้าหลักเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนดเหตุฟ้องหย่าข้อหนึ่งว่า
แต่ถ้าจะวิเคราะห์กันในเรื่องเหตุฟ้องหย่าที่ฝ่ายศลัยลาจะฟ้องหย่าภูฉายมันไม่ได้มีเพียงเรื่องแยกกันอยู่กันสามปี มันยังมีเหตุอื่นตามกฎหมายอีก เอ๊า..ตามผมมา มาดูว่ามีเหตุอะไรที่ ศลัยลาจะอ้างได้อีก
ในเรื่องนี้ศลัยลาย่อมอ้างถึงการทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรงของภูฉาย และถึงขนาดที่ศลัยลาเดือดร้อนเกินควรเมื่อเอาสภาพ ฐานะ และความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยากับภูฉายมาคำนึงประกอบ ความเป็นครอบครัวเป็นเรื่องของการอยู่กินกันด้วยความรัก ความเข้าใจ และปฏิบัติต่อกันและกันอย่างอบอุ่น แต่ถ้าครอบครัวต้องมีมารผจญอยู่ตลอดเวลา แล้วครอบครัวจะมีความสุขได้อย่างไร ศลัยลาเดือดร้อนแน่อย่างที่ท่านเห็น(ในละคร)
ความจริงแล้วเขาสอนว่า ก่อนตัดสินใจแต่งงานต้องคิดใคร่ครวญให้รอบคอบ ทั้งฐานะความเป็นอยู่ ความขยันหมั่นเพียรของผู้ที่จะมาเป็นสามี ความซื่อสัตย์สุจริต การให้เกียรติผู้หญิง ความเป็นอยู่ในครอบครัวของฝ่ายชาย ญาติพี่น้อง ดูให้ทุกด้าน เมื่อดูดีจึงค่อยตัดสินใจแต่งงาน อย่าเห็นว่ารูปหล่อ พ่อรวย แล้วตัดสินใจแต่ง มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ๖ เดือนเลิกเยอะแยะไปหมด และเมื่อแต่งแล้วก็อย่าไปรับรู้รับฟังหรือไปอยากรู้อยากเห็นให้มากนัก ฟังหูไว้หู มีสติพูดคุยแก้ปัญหากัน ชีวิตสมรสก็จะมีความสุขครับ เจอกันตอนหน้า คราวนี้เราจะมาดูว่าถ้าภูฉายคิดจะฟ้องหย่าเมียล่ะจะทำได้ไหม..
ไม่มีความเห็น