ปีกมาร(๓)


สินสมรสคืออะไร,เหตุฟ้องหย่า,ใครจะได้เลี้ยงลูก
ปีกมาร
                                                       อัยการชาวเกาะ 

            เราดูเรื่องร้ายๆของแม่ผัวอย่างคุณนายสลัก ทำต่อลูกสะใภ้ กับนายภูฉาย ลูกชายสุดที่รักของแม่ ที่ไม่ยอมจัดการอะไรให้ครอบครัวมีความสุข เพราะอะไรๆก็ให้แม่ อะไรก็เพื่อแม่ แต่ไม่เคยคิดที่จะทำเพื่อครอบครัวตัวเองเลย  จนในที่สุดลูกสะใภ้อย่างศลัยลาก็ทนไม่ได้ ยอมหนีไปทำงานต่างจังหวัดเพื่อให้ไกลหูไกลตาแม่ผัว และเพื่อให้ผัวตามไปง้อสักหน่อย ก็คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็น่าจะดีขึ้น

            แต่แล้ว ศลัยลาเองก็เกิดไปพบกับลายสือ เด็กรุ่นน้องเพื่อนสนิทของน้องชาย     ที่พอเห็น ศลัยลาก็เกิดอาการหลงรักอย่างหัวปักหัวปำกินไม่ได้นอนไม่หลับขึ้นมาทันที ตามตื๊อศลัยลา ในเบื้องต้นศลัยลาก็เกิดอาการรำคาญ แต่พอทราบข่าวจากภูฉายว่าจะมาหา ก็แต่งตัวสวยรอสามีสุดที่รัก ฝ่ายคุณนายสลักตัวแสบก็หาเรื่องให้ลูกชายต้องอยู่บ้านฟอร์มเดิมจะเป็นจะตายด้วยโรคประจำตัว     ภูฉายก็ต้องอยู่ดูแลมารดาไม่สามารถไปหา ศลัยลาได้ ทำให้ศลัยลาผิดหวังในตัวสามีอย่างรุนแรง ถึงขั้นประชดออกไปพบกับลายสือ ยอมดื่มกับลายสือ อยู่กับลายสือจนสว่าง แต่ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่ายอมให้ลายสือโอบกอด ความรู้สึกพอใจในตัวลายสือก็เริ่มมากขึ้น และเมื่อลายสือมาส่งที่ห้องและจะขอเข้าห้อง สำนึกชั่วดียังมีอยู่ก็เลยปิดประตูไล่ให้ลายสือกลับไปเสีย หลังจากนั้นศลัยลาก็พยายามห่างลายสือเพราะไม่ไว้ใจตัวเอง แต่ลายสือแทบคลั่งหาโอกาสมาใกล้ชิดศลัยลา จับมือถือแขนหาโอกาสกอดศลัยลา  และต่อมาเมื่อเสร็จงานกลับไปอยู่ที่บ้านแม่ ก็มีเหตุทำให้ต้องเจอกับลายสืออีกจนได้เมื่อลายสือมาเที่ยวบ้านพร้อมกับน้องชายของศลัยลา  ลายสือจึงหาเรื่องมาเที่ยวบ้านศลัยลาบ่อยขึ้น และทำรุ่มร่ามกอดศลัยลาจนทำให้ภูฉายมาเห็นเข้า

            สมมติว่าท่านผู้อ่านเป็นสามี แล้วเจอภรรยาถูกผู้ชายโอบกอด เอามือไปจูบอย่างทนุถนอม แล้วพูดดีกับภรรยาไม่ได้เลย มีแต่ท้าให้หย่าขาดจากกัน คุณจะรู้สึกอย่างไร เข้าใจได้ไหมว่าภรรยากำลังสวมเขา โบราณเขาถึงว่า อย่าเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น อย่าเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน จนกว่าจะใคร่ครวญไตร่ตรองเสียก่อน แต่แทบจะทั้งร้อย ไตร่ตรองออกมาตามที่ตาเห็นและหูได้ยิน นี่เราดูละครจึงรู้ว่าความจริงศลัยลากับลายสือยังไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าการกอด และจูบ  ปัญหาจึงเกิดขึ้นมาว่าสิ่งที่ภูฉายเห็น นั้นพอที่จะพิสูจน์ได้หรือยังว่า ศลัยลาคบชู้ เพราะเหตุฟ้องหย่าข้อหนึ่งมีว่า

            สามีอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นฉันภริยาหรือภริยามีชู้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

            แค่นี้ ก็เห็นถึงความไม่เท่าเทียมกันของกฎหมายแล้วใช่ไหมครับ ทีผู้ชายต้องถึงขนาดยกย่องเลี้ยงดูหญิงอื่นฉันภริยา ถ้าไปมีเพศสัมพันธ์กันครั้งเดียวภรรยาจะฟ้องหย่าสามีไม่ได้ แต่พอภริยาไปมีเพศสัมพันธ์กับชายอื่นแม้เพียงครั้งเดียวสามีฟ้องหย่าได้ มันเป็นธรรมกับฝ่ายหญิงที่ไหน จริงไหมครับคุณผู้หญิง..

            แต่เรื่องที่เรากำลังคุยอยู่นี้ ศลัยลากับลายสือยังไม่เกินเลยไปถึงขนาดนั้น ปัญหาจึงอยู่ที่ว่าจะถือได้หรือไม่ว่าศลัยลาคบชู้ ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร

            ข้อเท็จจริงที่เรารู้จากละคร ก็คือศลัยลากับลายสือยังไม่ถึงขนาดมีเพศสัมพันธ์กัน จึงถือว่ายังไม่ถึงกับเรียกว่ามีชู้ แต่ถ้าภูฉายฟ้องหย่าแล้วเอาพยานมายืนยันว่า ตอนที่ศลัยลาไปทำงานต่างจังหวัดและพักอยู่ในโรงแรม ได้ออกจากห้องนอนและไปนั่งดื่มกับลายสือและหายไปจากห้องจนกระทั่งรุ่งสางจึงกลับมาพร้อมลายสือ อาลัยอาวรณ์กันอยู่หน้าห้อง และเมื่อกลับมาบ้านก็ยังแอบพบกัน   และภูฉายเห็นลายสือ กอดศลัยลา เห็นเอามือศลัยลามาจูบอย่างทนุถนอม พฤติการณ์อย่างนี้พอทำให้ศาลเชื่อได้ไหมว่า ศลัยลามีชู้ เพราะการที่เขาจะแอบมีเพศสัมพันธ์กันคงจะหาภาพมายืนยันยากลำบาก แค่นำสืบว่าเห็นเข้าไปในโรงแรมด้วยกัน ตอนเช้าหรือตอนดึกออกมาจากโรงแรมด้วยกัน แล้วบอกว่าไปคุยกันเฉยๆ บางทีแม้จะอมพระประธานในโบสถ์มาพูดก็หาคนเชื่อยาก โอกาสที่ศลัยลาจะแพ้คดีก็มีมาก

            สมมติว่าศาลพิพากษาให้หย่าขาดจากกันเพราะเหตุศลัยลามีชู้  เราก็มีเรื่องให้พิจารณา ๓ เรื่อง คือ เรื่องค่าทดแทนจากชู้,เรื่องของทรัพย์สิน และเรื่องลูก

            ในเรื่องค่าทดแทน กฎหมายบอกว่า

            เมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากันเพราะเหตุตามมาตรา ๑๕๑๖() ภริยาหรือสามีมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากสามีหรือภริยาและจากหญิงอื่นหรือชู้ แล้วแต่กรณี          สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้และภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงตนว่ามีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้

เห็นไหมพ่อลายสือ กฎหมายบอกไว้ชัดเจนว่าผัวเขามีสิทธิเรียกค่าทดแทนได้ ดังนั้นในกรณีที่ภูฉายจะฟ้องหย่าเพราะเหตุศลัยลามีชู้ และจะเอาค่าทดแทนจากลายสือน ภูฉายก็ต้องฟ้องทั้งศลัยลาและลายสือ   หรือ   หากไม่อยากหย่ากับ ศลัยลาก็ฟ้องเฉพาะลายสือที่มาทำรุ่มร่ามกับภรรยาดังที่เราเห็นในจอโทรทัศน์

บรรดาทรัพย์สินของศลัยลา จะตกเป็นของภูฉายอย่างที่คุณนายสลักว่าไหม เพราะระหว่างที่กำลังเป็นความกัน คุณนายสลักพาลูกน้องไปขนทรัพย์สินของศลัยลามาไว้ที่บ้าน ทั้งเฟอร์นิเจอร์ทั้งของตกแต่งบ้าน โดยอ้างว่าเมื่อเวลาหย่ากันจะได้ไม่ต้องเสียเวลาแบ่งเพราะเมื่อศลัยลาได้ลูกไปภูฉายต้องได้ทรัพย์สมบัติว่าไปโน่น.. ก็คงจะต้องทำความเข้าใจให้คุณนายสลักทราบสักนิดนะครับว่า กฎหมายพูดถึงสินสมรสว่า

            สินสมรสได้แก่ทรัพย์สิน          ()ที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส          ()ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรสโดยพินัยกรรมหรือโดยการให้เป็นหนังสือเมื่อพินัยกรรมหรือหนังสือยกให้ระบุว่าเป็นสินสมรส          ()ที่เป็นดอกผลของสินส่วนตัว          ถ้ากรณีเป็นที่สงสัยว่าทรัพย์สินอย่างหนึ่งเป็นสินสมรสหรือมิใช่ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นสินสมรส

            นอกจากนี้กฎหมายยังกำหนดว่า

            เมื่อหย่ากันให้แบ่งสินสมรสให้ชายและหญิงได้ส่วนเท่ากัน

          เพราะฉะนั้นคุณนายสลักขนไปคืนเขาเสีย เพราะดีไม่ดีบางอย่างอาจจะเป็นสินส่วนตัวของศลัยลาเขา ของบางอย่างศลัยลาอาจซื้อมาก่อนจะสมรสกับภูฉายก็เท่ากับเป็นสินส่วนตัว ถึงจะเป็นสินสมรสศลัยลาเขาก็มีสิทธิครึ่งหนึ่ง ไม่ใช่เขาไม่มีสิทธิเลย ลูกไม่ใช่สินสมรสหรือสินส่วนตัวของใครนะ จะไปจุ้นจ้านถึงบ้านเขาไม่ได้นะคุณนายสลักนะเพราะเกิดศลัยลาฟิวส์ขาดขึ้นมาแจ้งข้อหาว่าร่วมกันบุกรุกเข้าไปในเคหสถานโดยไม่มีเหตุอันสมควรตั้งแต่สองคนขึ้นไปและร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานละก้อ….คุณจะทำยังไงเฮอะ….คุณนายสลัก

            ส่วนเรื่องลูก ต่างคนต่างไม่ยอม ศลัยลาอยากได้ลูกไปเลี้ยง แต่คุณนายสลักก็อยากได้หลานไปเลี้ยง ภูฉายจะทำยังไง ถ้าเรื่องลูกตกลงกันไม่ได้ก็ต้องให้ศาลชี้ขาดครับ เพราะกฎหมายเขาบอกว่า

            ในกรณีหย่าโดยความยินยอม ให้สามีภริยาทำความตกลงเป็นหนังสือว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใด ถ้ามิได้ตกลงกันหรือตกลงกันไม่ได้ให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาด          ในกรณีหย่าโดยคำพิพากษาของศาล ให็ศาลซึ่งพิจารณาคดีฟ้องหย่านั้นชี้ขาดด้วยว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใด ในการพิจขารณาชี้ขาดถ้าศาลเห็นว่ามีเหตุจะถอนอำนาจปกครองของคู่สมรสนั้นได้ตาม มาตรา ๑๕๘๒ ศาลจะถอนอำนาจปกครองของคู่สมรสและสั่งให้บุคคลภายนอกเป็นผู้ปกครองก็ได้ ทั้งนี้ ให้ศาลคำนึงถึงความผาสุกและประโยชน์ของบุตรนั้นเป็นสำคัญ            เห็นไหมครับ ใครที่ฟังเขาว่าเวลาหย่าแล้วลูกชายได้พ่อ ลูกสาวได้แม่ โม้ทั้งเพ……  
หมายเลขบันทึก: 131720เขียนเมื่อ 25 กันยายน 2007 21:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท