คุณธรรมจริยธรรม(๔)


อันนินทากาเลเหมือนเทแกลบ ไม่เจ็บแสบเหมือนเอาแหนบมาถอนขน

ในหน่วยงานของท่าน มีคนขี้นินทาบ้างไหม หรือท่านเคยนินทาคนอื่นไหมหรือเคยเอาสีไปป้ายคนอื่นไหม หรือถูกคนอื่นป้ายสีไหม  รู้ไหมว่าคนถูกนินทาเป็นอย่างไร วันนี้เรามาดูกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น

                                        คุณธรรมจริยธรรม(๔)

                                                                                   บัณฑูร  ทองตัน  

         คราวนี้ เราจะมาว่ากันต่อถึงเรื่องคุณธรรมจริยธรรมอีกนะครับ ผมว่าวิธีการอธิบายถึงเรื่องคุณธรรมจริยธรรมนั้น ถ้าเอานิทานมาเล่าสู่กันฟังจะเข้าใจง่ายและอ่านแล้วไม่เครียด และถ้าอ่านแล้วรู้สึกซาบซึ้งกับนิทานเหล่านั้นก็จะเป็นการปลูกฝังคุณงามความดีเข้าสู่ตัวเราเองเรื่อยๆ และเราก็จะเป็นข้าราชการที่พึงประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอันเป็นที่รักและเคารพยิ่งของปวงชนชาวไทยทั้งมวล

         วันนี้ ขอเอาเรื่องการนินทากาเล เขาบอกว่า

         อันนินทากาเลเหมือนเทแกลบ ไม่เจ็บแสบเหมือนเอาแหนบมาถอนขน

         การที่เราพูดจาใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นอันจะเกิดจากความเข้าใจผิดหรือไม่ก็ตาม ล้วนแต่สร้างความเสียหายให้กับผู้อื่นจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่งเพราะมันจะสร้างความแตกแยก ทำให้ความสามัคคีต้องร้าวฉาน ยังผลไปถึงสังคมต้องเดือดร้อนวุ่นวาย เดือดร้อนไปถึงคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดังที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน

            มีใครเกลียดเพื่อนแล้วให้ร้ายเพื่อนบ้างไหม ทั้งๆที่เพื่อนคนนั้นเป็นคนดี เมื่อถูกให้ร้ายเขาก็เลยท้อถอยที่จะทำความดี เมื่อผมเป็นนักเรียนที่โรงเรียนสตรีภูเก็ต ผมทำทุกอย่างที่จะพัฒนาตนเองในทางที่ดี โดยไม่เคยให้ร้ายใคร การทำอย่างนั้น ทำให้ผมเป็นนักเรียนที่โดดเด่นในสายตาของครูอาจารย์และเพื่อนๆ แต่มันออกจะเกินหน้าเพื่อนไป วันหนึ่งเพื่อนนักเรียนผู้หญิงก็เขียนกลอนส่งให้ว่า กลอนที่เขียนก็ไม่ใช่เขาเขียนเอง แต่เป็นกลอนที่เตือนใจได้ดีมาก กลอนมีว่า

            อันที่จริงเขาก็อยากให้เราดี   แต่เราเด่นขึ้นทุกทีเขาหมั่นไส้

จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย      ไม่มีใครเขาอยากเห็นเราเด่นเกิน"

           ถ้าจำไม่ผิดกลอนนี้เป็นของหลวงวิจิตรวาทการ

         ซึ่งผมเองมีความรู้สึกว่าเมื่อเพื่อนเก่ง ทำไมเราไม่สนับสนุนส่งเสริมเพื่อน ในเมื่อเรามีความสามารถสู้เขาไม่ได้ก็ต้องยอมรับความสามารถของเขาสิ แต่มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่อิจฉาริษยา มาดูเรื่องคนขี้อิจฉากันบ้าง          นิทานวันนี้เป็นเรื่องของชนชาติยิว ที่ขี้อิจฉาและเป็นเรื่องในอินเทอร์เน็ตไม่ใช่เรื่องที่ผมเขียนขึ้นมาเอง แต่เห็นว่าเป็นประโยชน์กับพวกเราจึงเอามาเล่าสู่กันฟัง ครับ

 เรื่องมีอยู่ว่า มีแร็บไบคนหนึ่งในชุมชนของชาวยิว ณ เมืองแห่งหนึ่ง เป็นคนดี มีศรัทธาในพระเจ้าเป็นอย่างมาก เขาสั่งสอนให้คนในหมู่บ้านกระทำแต่ความดีอยู่เป็นเนืองนิจ ทำให้ชาวบ้านเคารพรักและศรัทธาในตัวของแร็บไบผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง จึงทำให้ตาเฒ่าชาวยิวซึ่งเป็นระดับหัวหน้าในชุมชนแห่งนี้ผู้หนึ่ง เกิดความอิจฉาริษยาในตัวแร็บไบผู้นี้เป็นอย่างมาก ตาเฒ่า (สารพัดพิษ) คนนี้ จึงหากลวิธีที่จะทำลายแร็บไบ โดยการ เข้า ๆ ออก ๆ บ้านโน้นที บ้านนี้ที พร้อมทั้งติฉินนินทากล่าวร้ายป้ายสีแร็บไบให้เสียหาย เมื่อเป็นเช่นนี้ปากต่อปากของชาวบ้านจึงทำให้ข่าวลือในทางเสียหาย แต่ไม่มีมูลความจริงเกี่ยวกับตัวแร็บไบแพร่สะพัดไปทั่วทั้งหมู่บ้านด้วยความรวดเร็วราวกับลมพายุ ชาวบ้านส่วนใหญ่เริ่มเสื่อมศรัทธาในตัวแร็บไบ บางคนถึงกับเชื่อเรื่องโกหกเหล่านั้นถึงกับไม่พูดจาเสวนากับแร็บไปด้วยความรังเกียจ โดยชาวบ้านที่โง่งมงายเหล่านี้ก็ไม่เคยไปไต่ถามแร็บไบด้วยตัวเอง ถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องแต่อย่างใด แต่แล้วจู่ ๆ วันหนึ่งตาเฒ่าผู้เป็นต้นเรื่องทั้งหมดเกิดความสำนึกในการกระทำของตนว่า กระทำความไม่ดีกับแร็บไบมากจนเกินไป เพราะความอิจฉาริษยาของตนเอง จนเป็นสาเหตุให้เกิดเหตุที่น่าเศร้ากับแร็บไบ และซ้ำร้ายแร็บไบผู้นี้ในไม่ช้าก็จะต้องออกจากหมู่บ้านไปยังที่อื่น ซึ่งหมายถึงว่า หมู่บ้านที่เขาอยู่นี้จะไม่มีบุคคลที่เคยเป็นที่พึ่งทางจิตใจให้กับชาวบ้านผู้ที่ประสบทุกข์อีกสืบไป ดังนั้นตาเฒ่าจึงรีบรุดไปพบแร็บไบ และขอสารภาพบาป อีกทั้งขอให้แร็บไบลงโทษเขาด้วยวิธีใดก็ได้ให้สาสมกับสิ่งที่เขาทำลงไป โดยที่เขาจะปฏิบัติตามบทลงโทษนั้นทุกประการอย่างไม่มีเงื่อนไข เมื่อแร็บไบได้ยินคำสารภาพบาปจากตาเฒ่าขี้อิจฉาแล้ว แต่ยังมีกริยาอยู่ในความสงบและเอ่ยวาจาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกับตาเฒ่าผู้นั้ นว่า ข้ายินดีรับคำสารภาพบาปนั้น แต่ข้าไม่มีบทลงโทษใด ๆ กับเจ้า ยกเว้นเสียแต่ว่า ข้ามีเรื่องที่จะขอให้เจ้าทำสิ่งหนึ่งให้กับข้าจะได้หรือไม่ ตาเฒ่ารับคำด้วยความยินดีว่า ท่านแร็บไบจะให้ข้าทำกิจธุระในเรื่องใดหรือแร็บไบบอกว่า ขอให้เจ้าจงนำหมอนหนึ่งใบพร้อมด้วยมีดหนึ่งเล่ม แล้วมาพบข้าในวันพรุ่งนี้ตอนเช้าโดยขอให้เป็นช่วงที่ชาวบ้านทุกคนตื่นนอนแล้ว และกำลังจะออกจากบ้านไปทำงานหรือไปตลาดกันตาเฒ่ารับคำแล้วรีบกลับบ้านไป เช้าวันรุ่งขึ้นในขณะที่ชาวบ้านทุกคนตื่นนอนแล้วและกำลังจะออกจากบ้านไปทำงานหรือไปตลาดกัน ตาเฒ่าก็มาถึงยังบ้านของแร็บไบพร้อมด้วยสิ่งของที่แร็บไบสั่งให้เขานำมาด้วย เมื่อแร็บไบออกมาพบตาเฒ่าแล้วจึงบอกตาเฒ่าว่า เจ้าจงนำหมอนใบนี้พร้อมด้วยมีดไปที่จัตุรัสกลางเมืองที่มีคนพลุกพล่าน จากนั้นเจ้าจงนำมีดกรีดลงไปบนหมอนเพื่อให้ปุยนุ่นปลิวออกมาได้ แล้วเจ้าจงนำหมอนใบนั้นโบกสะบัดเหนือหัวของเจ้า เพื่อนุ่นจะได้ปลิวไปได้ไกล ๆ พร้อมกับสายลม เจ้าจงทำเช่นนั้นจนกว่าปุยนุ่นจะหมดจากหมอน จากนั้นเจ้าจงกลับมาพบข้า ตาเฒ่าได้ยินเช่นนั้น นึกดีใจว่า ช่างเป็นบทลงโทษที่ไม่น่ากลัวและแสนจะง่ายดายเสียนี่กระไร จึงรีบขมีขมันไปทำตามคำสั่งของแร็บไบทันที เมื่อปุยนุ่นปลิวออกไปจากหมอนจนหมดแล้ว ตาเฒ่าก็รีบกลับมาหาแร็บไบพร้อมกับถามแร็บไบว่า ท่านแร็บไบข้าทำตามที่ท่านสั่งเรียบร้อยแล้ว ท่านจะให้ข้ากระทำสิ่งใดต่อไปหรือเมื่อแร็บไบทราบด้งนั้นแล้ว จึงบอกกับตาเฒ่าว่า เจ้าจงไปเก็บปุยนุ่นทั้งหมดที่ปลิวออกไปกลับมาใส่หมอนให้ครบ ตาเฒ่าได้ยินดังนั้นก็เกิดอาการตาเหลือกลมแทบจับ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า มันจะเป็นไปได้อย่างไร ข้าไม่มีวันที่จะเก็บปุยนุ่นเหล่านั้นได้หมดหรอก เพราะว่ามันปลิวไปที่ไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้แร็บไบยิ้มรับคำพูดของตาเฒ่าผู้นั้นแล้วตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลเป็นอย่างยิ่งว่า ข้ารู้ว่าเจ้าทำไม่ได้หรอก และจะไม่มีวันที่ใครจะทำได้ด้วย เพราะว่า ปุยนุ่นเหล่านั้นเป็นเสมือนคำพูดของตัวเจ้าเอง ที่เฝ้าติฉินนินทากล่าวร้ายป้ายสีข้า และคำพูดเหล่านั้นก็ปลิวไปเหมือนกับปุยนุ่น ซึ่งเจ้าก็จะไม่มีวันที่จะไปตามแก้ไขหรือตามเก็บคำพูดของเจ้าได้หมดข้าต้องการให้เจ้าสำนึกไว้ว่า การพูดให้ร้ายผู้อื่นโดยไม่มีมูลความจริงจะให้ผลเสียเช่นไรตามมาบ้าง และเจ้าจงพึงจดจำไว้เถิดว่า ผลของการกระทำของเจ้าจะย้อนกลับมาหาเจ้าสักวันหนึ่งข้างหน้าเช่นกันหมายเหตุ แร็บไบ เป็นอาจารย์ในศาสนายิว เหมือนดะโต๊ะในศาสนาอิสลาม          การใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น ไม่ก่อให้เกิดผลดีแก่ตนเองและผู้อื่น แต่เราก็ยังชอบนินทาว่าร้าย ก็ต้องขอบอกว่าเลิกเสียเถอะครับ ชีวิตจะได้มีความสุขมากกว่านี้

หมายเลขบันทึก: 133880เขียนเมื่อ 2 ตุลาคม 2007 06:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน 2012 21:06 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (32)
  • สวัสดีครับ
  • เห็นด้วยครับ วิธีการที่ดีที่สุดคือ ปล่อยวางครับ
  • นินทากาเลเหมือนเททิ้ง  อิอิ

สวัสดีครับคุณสายลม

เคยถูกนินทามั่งไหมเอ่ย..ฮิฮิ

  • สวัสดีครับ
  • ผมว่ามีคนนินทาเราแสดงว่าเค้าสนใจในตัวเรา ติดตามเรื่องราวของเรา  อิอิ
  • ถือซะว่าเป็นแฟนคลับประเภทนึงครับ
  • กะซาง กะซาง กะซาง
  • 5555555

อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนภรรยาทำหน้าบูด

อิ อิ

สวัสดีค่ะพี่อัยการขา

จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย      ไม่มีใครเขาอยากเห็นเราเด่นเกิน"  ( เป็นของสุนทรภู่ หรือป่าวน๊า...  ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ )

จริงๆนะคะ  หนิงเองก็คิดคล้ายๆกับ น้องมะเดี่ยวนะคะ  ถ้าใครนินทาเรา  ก็ให้ดีใจว่า  แสดงว่าเรายังเป็นที่สนใจอยู่  อิอิ  คิดแบบนี้แล้วก็สบายใจ 

สวัสดีตอนเช้าครับ ท่าทางตาเฒ่าจะเป็นลมเอาตอนที่ให้ไล่จับนุ่นให้กลับมาอยู่ในหมอนให้ได้ ... สิ่งที่ออกจากปากเราไปแล้ว จะเอากลับคืนมาไม่ได้อีก ...

* เป็นนิทานที่สอนเปรียบเทียบได้ดี ครูเอียดแอบนำไปให้ครูที่สอนจริยธรรมระดับม.ต้นด้วย

* การนินทาเป็นเรื่องปกตินิสัยที่มีอยู่ทุกพื้นที่

* ดังนั้นการจะทำสิ่งใด ขอให้ยืนหยัดในการทำความดีต่อไป

*  คนที่นินทา  คือคนที่ไม่มีดีจะโชว์

* ดังนั้นคนที่ถูกนินทา  แสดงว่ามีดี (หรือไม่ดี)  ตัวเราเท่านั้นที่รู้

ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เป็นสิ่งที่เรามักปรารถนา

เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ เป็นสิ่งที่เราไม่ปรารถนา

แต่ก็ไม่มีใคร หลีกพ้น เพราะเป็นโลกธรรม ธรรมที่ครอบงำโลก

ผู้ไม่หวั่นไหวในโลกธรรม เป็นมงคลอันสูงสุด

"อันนินทาการเลเหมือนเทแกลบ มันไม่แสบเหมือนเอาตูดไปครูดหิน" อิอิ ผมท่องไว้ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วครับ ยิ่งทำงานมาก ยิ่งแก่มาก ยิ่งเจอ เฮ้อ ต่อหน้ามะพลับ ลับหลังมะไฟ คิดตามแล้วกลุ้ม เลยอย่าคิดซะดีกว่า ยึดคติข้างบน

อ่านบันทึกนี้แล้วขำๆๆๆๆๆ

นึกถึงที่เคยอ่านเจอ ( สงสัยของอุ๊ยจั๋นตา )  ที่เวลามีคนว่า  ก็จะถามว่า 

แกว่าใคร ?

ก็ว่าแกนั่นแหละ 

อ๋อ  ว่าแก  ไม่ได้ว่าชั้น  แล้วไป  อิอิ

 

  • ที่ใดไม่มีคนนินทา...ที่นั่น...เป็นที่ที่ผิดปกติ (เท่าที่เห็นมีทุกที..อิอิ)
  • ใครเขาว่ากระไรก็ช่างเขา...เราไม่เป็นอย่างเขาว่า...แค่นี้ก็พอ

ใครนินทาว่าไรเราไม่สน....ทนให้ได้

ใครนินทาว่าไรเราไม่บ่น....ทนต่อไป

ใครนินทาว่าไรเราไม่จน...ทนทำไป

ใครนินทาว่าไรเราไม่เดือนร้อน...ไปนอนดีก่า...สุขอุราเอย

  • อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนสามีภรรยาไม่พูดกันให้เข้าใจ  ให้ใจกันไม่เป็น....อิอิ
  • ........
  • ได้ของที่ลืมไว้มาแล้วนะค่ะ
  • หาวิธีฝากไปให้อยู่นะค่ะ

สวัสดีค่ะ แวะเข้ามาอ่าน เพราะเห็นหัวข้อน่าสนใจ อ่านไปอ่านไป เนื้อหายิ่งน่าสนใจไม่แพ้หัวข้อ ขอบคุณที่มีนิทานตัวอย่างดีมาเล่าสู่กันอ่าน เลยอยากร่วมแลกเปลี่ยนความคิดค่ะ

"อยู่ใต้ฟ้าอย่ากลัวฝน อยู่กับคนอย่ากลัวถูกนินทา" ประโยคนี้ได้มาจาการอ่านหนังสือของท่านว.วชิระเมธี ค่ะ อ่านแล้วสบายใจ จากคนที่เคยทุกข์เพราะถูกนินทา ตอนนี้ยิ้มได้ เพราะ..."คนไม่ถูกนินนทา ไม่มีในโลก" พระพุทธเจ้าเคยสอนไว้อย่างนั้น แม้แต่พระองค์เองก็ยังถูกนินทา เช่น ถูกกล่าวหาว่าทำผู้หญิงท้อง เป็นต้น ไม่ได้ตั้งใจเอาตัวไปเปรียบเทียบกับพระพุทธเจ้านะคะ แต่การคิดอย่างนี้ทำให้ตัวเราเห็นชัดเจนขึ้นว่า แม้ศาสดาเอกของโลก ยังต้องเจอมรสุม "ลมปาก" ดังนั้น เราเป็นแค่คนๆหนึ่งและตัวเล็กๆ ทำถูกบ้าง ทำพลาดบ้าง(แม้ไม่ได้ตั้งใจ)ถูกนินทาบ้าง ก็ช่างมันเถอะ ต้องขอบคุณเขาที่ทำให้เราได้ระมัดระวังพฤติกรรมทางกาย วาจา ใจ ของตัวเองให้มาก ทุกวันนี้จึงมีความสุข แม้จะยังถูกนินทาอยู่บ้าง ช่างหัวมัน! แก้ที่ปากเขาไม่ได้ ต้องแก้ที่เราอย่างเดียว แม้ทำดีแล้ว ไม่รู้จะแก้การกระทำของเราอย่างไร? ก็แก้ที่ใจเราสิค่ะ อยู่กับมันได้เพราะเห็นว่า "มันป็นเช่นนั้นเอง" เสียงนินทา "เกิดแล้วก็ดับ" แล้วยึดทำไม

ทุกสิ่งทุกอย่าง มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป เหมือนการนินทาเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป อย่าไปใส่ใจมากนัก เพราะแม้แต่พระพุทธรูปยังถูกนิน

ทา แต่ถ้ารู้ว่ามีคนนินทาก้ทำใจลำบากเหมือนกันนะ เอาทางพระเข้ามาข่มก็ไม่ค่อยอยู่ ต้องทำใจแล้วให้มันดับไปเอง

จำจากที่ยายท่องให้ฟ้งบ่อยๆ ว่า "อันนินทากาเลเหมือนเทแกลบ...ไม่เจ็บแสบเหมือนเอาตูดไปครูดหิน"

การนินทา เป็นเรื่องปกติของคนทั่วไปค่ะ

สวัสดีค่ะท่านอัยการค่ะ

เค้าว่ากันว่าผู้หญิงกับการนินทาเป็นของคู่กัน อิอิ แล้วผู้ชายละคะ นินทากันบ้างไหม..หรือว่านินทาแต่ภรรยาตัวเอง อิ๊อิ๊

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับพ่อครูบา

อิอิ อิอิอิ อิอิอิอิ

สวัสดีครับน้องสุขสม,น้องหนิง,คุณเอกราช

คนเราเวลาว่างก็มักหาเรื่องตำหนิคนอื่น

โทษคนอื่นเราเห็นเป็นภูเขา

โทษของเราเราเห็นเป็นเส้นขน

ตดคนอื่นเหม็นเบื่อช่างเหลือทน

ตดของตนถึงเหม็นไม่เป็นไร

ขอบคุณครูเอียด และครูพิสูจน์ ที่เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเติมเต็มในบันทึกครับ

คุณ tguitar

เอาไปครูดหินมันก็แสบแย่สิครับ อิอิ

พี่หมอชอบวิ่งครับ

อยู่ๆก็แปลกใจครับที่บันทึกนี้เพิ่งมีคนเข้ามา comment เพราะเขียนไว้นานแล้วและมีแต่น้องสายลมที่เข้ามา อิอิ

น้องกัสจัง

ขอเอาไปใช้บรรยายมั่ง ชอบ

ใครนินทาว่าไรเราไม่สน....ทนให้ได้

ใครนินทาว่าไรเราไม่บ่น....ทนต่อไป

ใครนินทาว่าไรเราไม่จน...ทนทำไป

ใครนินทาว่าไรเราไม่เดือนร้อน...ไปนอนดีก่า...สุขอุราเอย

คุณรสครับ

ยินดีที่ได้รู้จักครับ ขอบคุณที่มาเติมเต็มบันทึกนี้ให้มีคุณค่ามากยิ่งขึ้นครับ

สวัสดีครับคุณจันทร์เจ้า นกทะเล คุณฤดี และครูมิม

ที่ใดมีผู้หญิงที่นั่นมีนินทา อิอิ อยู่ที่เราว่าหากเราเป็นคนถูกนินทา เราทำใจได้หรือไม่ แต่หากเราเป็นคนนินทาเขา มัน... อิอิ

ผู้ชายก็มีนินทาเหมือนกันครับ ส่วนใหญ่ถ้าจับกลุ่มกันก็มีเรื่องนินทาเยอะ แต่ถ้านินทาเมีย มันยิ่งกว่ากินถั่วอีก อิอิ

จะฟังสักเรื่องไหม...เอิ้กๆๆ

อ่านแล้วทำให้รู้สึกดีจริงๆเลยค่ะ

ใครจะว่า จะบ่น เราไม่สน

ปล่อยวางและทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด

พี่หมอเจ๊ครับ

ขอประทานโทษไม่ทราบตอบ comment ของพี่หมอเจ๊หายไปไหน จำได้ว่าเขียนถึงพี่หมอเจ๊แล้ว อิอิ

มีอะไรจะใช้ผมก็บอกได้เลยนะครับพี่

ขอบคุณครูโย่งที่ส่งนักเรียนมาเยี่ยมครับ อิอิ

สวัสดีครับครู ม.๑

ยินดีที่ได้รู้จัก และยินดีหากครูจะเอาไปสอนนักเรียนให้ลูกศิษย์เป็นคนดี มีอีกหลายเรื่องนะครับ

ครูคนหนึ่งเหมือนกันค่ะ

สวัสดีค่ะ เพิ่งได้เข้ามาอ่านเจอบทความของท่าน ดีมากเลยค่ะ ขออนุญาตนำไปสอนตัวเองและคนที่เรารักหลายๆ คน รวมถึงลูกศิษย์ด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท