คำว่ากระทงในกฎหมายอาญา อยู่ในมาตรา ๙๑ เขาว่าไว้อย่างนี้ครับ
“เมื่อปรากฏว่าผู้ใดได้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ศาลลงโทษผู้นั้นทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แต่ไม่ว่าจะมีการเพิ่มโทษ ลดโทษ หรือลดมาตราส่วนโทษด้วยหรือไม่ก็ตาม เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว โทษจำคุกทั้งสิ้นต้องไม่เกินกำหนดดังต่อไปนี้
(๑) สิบปี สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกินสามปี
(๒) ยี่สิบปี สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปีแต่ไม่เกินสิบปี
(๓) ห้าสิบปี สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสิบปีขึ้นไป เว้นแต่กรณีที่ศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิต”
ก็เลยมานึกว่าจะอธิบายคำว่ากระทงให้มันง่ายๆอย่างไร ถ้าดูจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ๒๕๔๒ ท่านก็บอกว่า “น.ภาชนะเย็บด้วยใบตองหรือใบไม้เป็นต้นยกขอบสูงสำหรับใส่ซอง” อ้าว....อ้อ..ต้องอ่านต่อเพราะเขายังมีตอนหลังอีกว่า “(กฎ) ลักษณนามของความผิดอาญาแต่ละกรรมหรือแต่ละครั้ง การกระทำความผิดแต่ละกรรมหรือแต่ละครั้งนั้น ถือว่าเป็นกระทงความผิดกระทงหนึ่ง เช่นการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์หลายครั้งเป็นความผิดกระทงหนึ่ง”
ตอนแรกก็เข้าใจดีอยู่หรอก แต่พอไปอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเรื่องข่มขืนกระทำชำเรากลับงงแฮะ...เพราะศาลฎีกาท่านบอกว่า ฉุดผู้หญิงไปข่มขืนแม้จะพาไปหลายวัน ข่มขืนวันละครั้งเป็นเวลา ๕ วันก็ถือว่าเป็นการกระทำความผิดกระทงเดียว อ้าว...ไหงเป็นงั้นล่ะ
สมัยผมเป็นอัยการใหม่ๆไปว่าความคดีข่มขืนแบบนี้เริ่มสืบพยานให้ศาลเห็นว่าวันแรกถูกข่มขืนที่ไหนอย่างไร วันที่สองถูกข่มขืนที่ไหนอย่างไร วันที่สาม ศาลท่านคงรำคาญผม ท่านก็ถามผมในศาลว่า “จะข่มขืนอีกกี่วัน” เราก็งงอึ้ง...ท่านก็บอกตัดบทพอแล้วพาไป ๕ วันสรุปแล้วถูกข่มขืน ๕ ครั้ง คุณจะสืบสักสิบครั้งศาลก็ลงได้ครั้งเดียว เพราะเจตนาเขาก็คือพาผู้หญิงไปข่มขืนจะข่มขืนกี่ครั้งก็คือข่มขืน ผมก็มานั่งนึกว่า ความเจ็บปวดที่ผู้หญิงถูกข่มขืน เจ็บทุกครั้งที่ถูกข่มขืนแต่ก็เหมือนศาลบอกว่าเอาน่า..ถือว่าเจ็บครั้งเดียวพอ เฮ้อ...ผมก็พยายามสู้เรื่องนี้ให้เป็นหลายกรรมอยู่ สงสัยต้องรอให้ผู้หญิงเป็นใหญ่ก่อนหรือเปล่าไม่ทราบ อิอิ เอาเหอะ..เรื่องยากๆแบบนี้ไว้ให้พวกนักกฎหมายเขาปวดหัวเล่น เราอย่าไปปวดหัวกับเขาเลย มีเรื่องให้ปวดหัวแยะแล้ว..นะนะ..
ที่หยิบเอาเรื่องกระทงมาพูดก็เพราะในเรื่องกรุงเทพราตรีมีคนกระทำความผิดหลายคนหลายครั้ง เช่น ดลข่มขืนพิไล,ดลขับรถชนป้อง,ดลยิงเดชลูกชายตัวเองที่เกิดจากการข่มขืนพิไลโดยที่ดลไม่รู้ นี่ขนาดคร่าวๆก็โดนไปสามกระทงเข้าไปแล้ว หรือหากจะมาดูรัมภา ตั้งแต่แรกใส่ร้ายพิไลในงานประกวด ก็เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท,ลักเครื่องเพชรของลาวัลย์,ฆ่าลาวัลย์โดยการผลักลาวัลย์ตกบันได,พยายามฆ่าอั้มหรือวิภาวีโดยเอาไปโยนทิ้งน้ำ นี่ขนาดยังไม่หมดนะ ก็เข้าไปสี่กระทงเข้าไปแล้ว เมื่อเป็นอย่างนี้กฎหมายบอกว่าให้ศาลลงโทษทุกกระทงความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ที่ผมยกมาให้อ่านข้างต้น และความผิดของดลและรัมภา ฐานฆ่าคนก็มีโทษถึงประหารชีวิต เป็นไงล่ะ สะใจไหมล่ะ ท่านผู้ชม....
ความจริงแล้วมันยังมีเรื่องที่เข้าใจยากเหมือนกันแต่ก็พอจะถือเป็นเรื่องใกล้เคียงกัน เพราะในการกระทำความผิดกฎหมายอาญา บางทีคนที่ไม่เรียนกฎหมายก็จะไม่เข้าใจว่าทำความผิดสองเรื่องแต่ศาลบอกว่าเป็นเรื่องเดียวกันลงโทษได้เรื่องเดียว บางทีทำสองเรื่องศาลก็บอกว่าเป็นคนละเรื่องต้องโทษทุกเรื่อง ผมขอยกตัวอย่าง
ความผิดฐานบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้อื่นโดยไม่มีเหตุอันสมควร เข้าไปเดินหาสิ่งของจะลักทรัพย์ กฎหมายก็บัญญัติความผิดไว้แตกต่างกันทั้งเรื่องบุกรุกและเรื่องลักทรัพย์ แต่นักกฎหมายเขามองเจตนากระทำความผิดของคนร้าย เจตนาของคนร้ายที่เข้าไปในบ้านก็เพื่อลักทรัพย์ ก็ต้องลงโทษฐานพยายามลักทรัพย์ซึ่งมีโทษหนักกว่า แบบนี้เขาเรียกว่า “กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท” เวลาลงโทษก็ต้องลงโทษบทที่หนักที่สุด
ความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาไม่ให้ใช้เงินตามเช็ค สมมติว่านายเขียวเสวยเป็นลูกค้าของนางสาวอกร่อง(คือ..ผมกำลังยกตัวอย่างเป็นชื่อของมะม่วงนะครับ อย่าเข้าใจผิด อิอิ) ซื้อสินค้ากันเป็นเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท ครบกำหนดต้องจ่าย น้องอกร่องก็มาเก็บตังค์ แต่เขียวเสวยเงินไม่พอบอกว่า เอางี้นะจ๊ะ พี่ออกเช็คฉบับละ ๑๐,๐๐๐ บาท ให้ ๕ ฉบับ ให้ขึ้นเงินได้ทุก๑๕ วันนะจ๊ะ อกร่องยอมรับเช็คนั้น พอครบ ๑๕ วันเช็คใบแรกถูกนำไปเรียกเก็บ ปรากฏว่าติดสปริงเด้งดึ๋ง...๑๕ วันต่อมาก็เด้งอีก เด้งทุกฉบับ อกร่องก็เลยไปแจ้งความร้องทุกข์กับร.ต.อ.ฟ้าลั่น ให้ดำเนินคดีกับเขียวเสวย เช่นนี้ ต้องถือเป็นห้ากระทง แม้เขียวเสวยจะเขียนเช็ควันเดียว เลขเช็คมีหมายเลขต่อเนื่องกัน ก็ต้องถือว่าเขียวเสวยเจตนากระทำความผิดฐานจ่ายเช็คโดยมีเจตนาไม่ใช้เงินตามเช็คทุกฉบับ เรียกว่า “หลายกรรมต่างกัน” หรือ “หลายกระทง” ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดครับ
วันนี้เราเอากรุงเทพราตรีมาลอยกระทงกันแล้ว อยากจะบอกว่าบันทึกของผมมีเจตนาที่จะนำเรื่องราวของกฎหมายมาเล่าสู่กันฟังอย่างง่ายๆ ไม่ให้ซับซ้อนมากนัก เป็นประเภทรู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม ถ้าอยากรู้ซับซ้อนกว่านี้คงต้องไปลงทะเบียนเรียนกฎหมายกันเองแล้วละครับ เพราะถ้าเขียนแบบผมนี่..แก่ตายไปอีกสองชาติไม่รู้จะอธิบายกฎหมายจบหรือเปล่า..อิอิ
สวัสดีค่ะพี่ชาย..
ขอบคุณค่ะ...สุขกับหลายกระทงค่ะ
สวัสดีครับคุณสุขสม
ขอบคุณที่ตามมาชมและเชียร์ครับ
การข่มขู่ที่จะเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา ต้องเป็นการทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๒ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ เช่นเอาปืนเด็กเล่นมาขู่ เอามีดพร้าทำท่าจะฟัน เป็นต้น
แต่การขู่ว่าจะดำเนินคดี จะแจ้งความ จะเอาผิดวินัย ไม่เป็นความผิดทางอาญาครับ
เจ้านายกับลูกน้องที่กระทบกระทั่งกัน ลูกน้องเสียเปรียบตลอดแหละน้องอ้อยถ้าบอกว่าเป็นลิ้นกับฟัน เขาก็จะเป็นฟัน เราจะเป็นลิ้นที่ถูกฟันขบตลอดไป ทางที่ดีอย่าไปเข้าใกล้ คนพวกนี้ชอบคนประจบสอพลอ ไม่ชอบพวกทำงานอย่างเราๆหรอก คนไม่ทำไม่ผิด คนทำงานมันก็ต้องมีผิดพลาดแล้วเขาก็จะใช้โอกาสนั้นฟันเราทุกที เตือนด้วยความรักน้อง
สวัสดีครับลุงเอก
พวกกระทงหลงทางนี่ ต้องอย่าให้ไปลอยกระทงแล้วก็ต้องจับใส่กระทงลอยไปให้เข็ด อิอิ
ขอบพระคุณมากครับ
ได้มาเข้าใจคำว่า
กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท เวลาลงโทษก็ต้องลงโทษบทที่หนักที่สุด
“หลายกรรมต่างกัน” หรือ “หลายกระทง” ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดครับ
ก็วันนี้แหละครับ
งงมานาน แฮ่ ๆ
ลอยกระทงไปกระทงมา เลยอดสงสัยไม่ได้ว่า
ถ้าผมเอาแบงค์ ๑,๐๐๐ บาท
ใส่ในกระทงบูชาแม่พระคงคา
แล้วดันมีเด็ก ๆ ว่ายน้ำมาจมกระทงต่อหน้าต่อตา
พลัดพรากแบงค์พันจากกระทงผมไป....
อย่างนี้ใครจะฟ้องเด็กได้ครับ ผม หรือ แม่คงคา
ฮา ๆ
สวัสดีครับหมอกุ้ง
เมื่อกี้ไปอ่านบันทึกหมอกุ้งขำแทบตกเก้าอี้ ฮ่ะๆๆๆๆ
พวกเขาคงจะหวังดีน่ะ คงกลัวว่าจะตกคานหัวฟาดกับขอบกระทง อิอิ ล้อเล่ง.....
สวัสดีครับคุณ
อีตอนใส่แบงค์พันในกระทง คิดว่าใส่เพื่อทำบุญให้เปรตหรือเปล่า ถ้าคิดอย่างนั้นก็ฟ้องไม่ได้หรอกเพราะมันเป็นเด็กเปรต ฮ่าๆๆ
ถ้าใส่แบงค์พัน ช่วยมาลอยหน้าบ้านผมได้ไหม จะปล่อยให้มันลอยทั้งคืน เอิ้กๆๆ
ถูกใจเด็กเปรต
แหม...
แค่ผมจะใส่เหรียญสลึงในกระทง
ยังต้องคิดหลายรอบเลยครับ
อ.ขจิตครับ
ผิดกระทงเดียวครับ ฐานไม่รู้จักของดี อิอิ
สวัสดีครับป้าแดง
พักผ่อนเยอะๆ หายเร็วๆนะครับ
น้องมะเดี่ยว
เอ้อ...ครั้งแรกแค่กินข้าวต้ม ทั้งสองเลยชักชวนกันไปกินข้าวต้มรอบดึกกันที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากสถานบันเทิงนั้นมากนัก
สวัสดีครับน้องลูกหว้า
ขอให้มีความสุขกับการทำงานนะครับ
สวัสดีครับ
มาดึกนิดๆครับมันมัวแต่รอคอมอยู่เครื่องช้า ใช้โทรศัพท์ต่อเข้ามาจากมือถือ เลยเขียนได้แค่นี้ นอนหลับฝันดีครับกรุงเทพราตรี
สวัสดีค่ะ
ไปลอยกระทงมาค่ะ ใกล้ๆบ้าน เอาหลานไปด้วย ไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ แต่อยากให้เห็นของที่ไม่เคยเห็น
นึกถึงสมัยเรียนค่ะ สนุกมาก เดี๋ยวนี้ งั้นๆ ไม่ค่อยสนุก
แต่ถ้าตามต่างจังหวัดเขาสนุกกันมากนะคะ มีเพลงลูกทุ่งด้วย ที่ภูเก็ตมีสนุกกันสุดเหวี่ยงแบบนี้ไหมคะ
สวัสดีครับ อ.โกศล
ขอบคุณที่แวะมาทักทายครับ
สวัสดีครับคุณพี่ศศินันท์
ผมไม่ได้ไปลอยกระทงในงานหรอกครับ แต่ลอยกระทงออนไลน์ ขี้เกียจไปเจอรถติด หาที่จอดยาก เดินเบียดเสียด แต่รู้ว่ามีงานมหรสพสนุกสนานไม่แพ้ที่อื่นครับ ดนตรีลูกทุ่งมีเพียบเพราะจัดงานกันหลายคืนครับ
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ
สวัสดีครับ คุณว่าที่บัณฑิต
ขอบคุณที่เข้ามาเรียนรู้ครับ
สวัสดีครับ
สวัสดีครับ อ.ธ วั ช ชั ย
ศัพท์กฎหมายเป็นศัพท์เฉพาะ ส่วนใหญ่จะเป็นคำที่ดิ้นไม่ค่อยได้ ถ้าไปใช้ศัพท์ที่เข้าใจง่ายแต่มันมีหลายความหมายก็จะยากต่อการวินิจฉัย งทีอาจผิดเจตนารมณ์ของกำหมายนั้นๆเลยก็ได้ จริงๆแล้วการอ่านกฎหมาย เขาจะอ่านจากข้างหลังมาข้างหน้าครับ อิอิ งงละสิ...เขาอ่านเจตนารมณ์ที่อยู่หลังกฎหมายทุกฉบับก่อนจะได้รู้ว่ามันมีปัญหาอะไรกฎหมายฉบับนั้นได้ออกมาเพื่ออะไร..แล้วก็มาพลิกอ่านจากข้างหน้าไปข้างหลังอีกที ครับ
ครับศัพท์กฎหมายแม้จะมีมาหลายร้อยปี แต่ก็เป็นคำที่บรรดานักกฎหมายไม่ว่าเก่าหรือใหม่ส่วนใหญ่จะเข้าใจตรงกัน เช่นคำที่ อ.ยกตัวอย่าง ค่าสินไหมทดแทน ซึ่งจะใช้ในกรณีละเมิด แต่ปรับไหมเดี๋ยวนี้ไม่ใช่กันแล้วเพราะภาษาที่เราใช้ปัจจุบันก็เรียกเป็นค่าปรับ
ผมกำลังนึกว่าจะเขียนเรื่องอะไรต่อดีกับกฎหมายวันละคำสองคำ อิอิ