คราวที่แล้วผมเฉ่งนันทวันแฟนประจิมที่มาสร้างปัญหาให้อ่อนจนวุ่นวายไปทั้งบ้าน ทั้งหลอกว่าท้องกับประจิม ทั้งอ้างว่าอ่อนมีปัญหา ทั้งทำร้ายร่างกายประจิม คราวนี้ก็มาถึงตาประจิมบ้างว่า จริงๆแล้วในฐานะผู้ปกครองของอ่อน ประจิมมีสิทธิทำอะไรได้บ้าง ในฐานะที่สตีอยู่ในบ้านของตนประจิมมีสิทธิตบตีทำร้ายร่างกายสตีได้หรือไม่ ตบตีอ่อนได้หรือไม่ กักขังอ่อนไว้ในบ้านได้หรือไม่ เป็นไงครับ น่าติดตามใช่ไหมล่า......
ก่อนอื่นก็คงต้องมาทำความเข้าใจกับหลักกฎหมายในเรื่อง “อำนาจปกครอง” กันก่อน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๖๗ บอกว่า
“ผู้ใช้อำนาจปกครองมีสิทธิ (๑)กำหนดที่อยู่ของบุตร (๒)ทำโทษบุตรตามสมควรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอน (๓)ให้บุตรทำการงานตามสมควรแก่ความสามารถและฐานานุรูป(๔)เรียกบุตรคืนจากบุคคลอื่นซึ่งกักบุตรไวโดยมิชอบด้วยกฎหมาย”
นี่เป็นเรื่องที่กฎหมายกำหนดว่าผู้ปกครองมีสิทธิทำอะไรได้บ้าง ในกรณีบิดามารดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง แล้วก็จะเกิดคำถามว่า อ้าว..มันเกี่ยวอะไรกับกรณีประจิมกับอ่อนล่ะ เพราะอ่อนไม่ใช่ลูกประจิม ใจเย็นๆครับ เพราะกฎหมายยังบอกไว้ในมาตรา ๑๕๘๕ อีกว่า
“บุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะและไม่มีบิดามารดาหรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครองเสียแล้วนั้น จะจัดให้มีผู้ปกครองขึ้นในระหว่างที่เป็นผู้เยาว์ก็ได้”
คำถามอาจจะมีต่อไปว่าใครล่ะที่จะถูกตั้งเป็นผู้ปกครอง คำตอบนี้ง่ายมากครับ เพราะกฎหมายบอกว่า ผู้ที่บรรลุนิติภาวะแล้วอาจถูกตั้งเป็นผู้ปกครองได้ เว้นแต่
๑.เป็นคนที่ถูกศาลสั่งว่าเป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ (เพราะคนเหล่านี้พาตัวเองไม่รอดอยู่แล้ว อิอิ),หรือ
๒.เป็นคนล้มละลาย(เพราะเดี๋ยวจะไปยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้อยู่ในปกครอง),หรือ
๓.เป็นผู้ที่ไม่เหมาะสมที่จะปกครองผู้เยาว์หรือทรัพย์สินของผู้เยาว์ (เช่น เป็นเจ้าของซ่องโสเภณีกรณีจะเป็นผู้ปกครองเด็กผู้หญิงหรือเป็นนักการพนันตัวยงเดี๋ยวจะเอาทรัพย์ของผู้เยาว์ไปเล่นการพนันเสียหมด)หรือ๔.ผู้ซึ่งมีหรือเคยมีคดีในศาลกับผู้เยาว์ ผู้บุพการีหรือพี่น้องร่วมบิดามารดาหรือร่วมแต่บิดาหรือมารดากับผู้เยาว์หรือ
๕.ผู้ซึ่งบิดาหรือมารดาที่ตายได้ทำหนังสือระบุชื่อห้ามไว้ให้เป็นผู้ปกครอง
เห็นไหมครับ ถ้าไม่ใช่เป็นบุคคลต้องห้ามก็อาจถูกตั้งเป็นผู้ปกครองได้ ท่านอาจจะบอกว่าไอ้สิ่งที่ฉันอยากรู้น่ะ ยังไม่ตอบเลย ประจิมกับอ่อนไม่ได้เป็นพ่อลูกกันจะมีอำนาจปกครองได้แค่ไหน อ้อ...ได้แค่นี้ครับ กฎหมายบอกว่า
“ผู้ปกครองมีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ใช้อำนาจปกครองตามมาตรา ๑๕๖๔ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๑๕๖๗”ผมยังไม่ได้พูดถึงมาตรา ๑๕๖๔ วรรคหนึ่ง เพื่อมิให้ทุกท่านงง ก็ยกเอามาให้ดูเสียเลย
“บิดามารดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาตามสมควรแก่บุตรในระหว่างที่เป็นผู้เยาว์” ในกรณีนี้เป็นเรื่องของผู้ปกครองกับผู้อยู่ในปกครอง จะนำมาใช้ก็ต้องเทียบเคียงกันว่า “ผู้ปกครองต้องอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาตามสมควรแก่ผู้อยู่ในปกครองในระหว่างที่ยังเป็นผู้อยู่ในปกครอง”
การเป็นผู้ปกครองตามกฎหมายต้องให้ศาลสั่งครับ เพราะกฎหมายบังคับ ว่า
“ผู้ปกครองตามมาตรา ๑๕๘๕ นั้น ให้ตั้งโดยคำสั่งศาลเมื่อมีการร้องขอของญาติของผู้เยาว์ อัยการ หรือผู้ซึ่งบิดามารดาที่ตายทีหลังได้ระบุชื่อไว้ในพินัยกรรมให้เป็นผู้ปกครอง”การตั้งผู้ปกครองกรณีนี้ถ้าไม่มีตังค์จ้างทนาย ก็ไปหาของฟรีได้ครับ อิอิ ที่สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนทุกจังหวัด ซึ่งก็คือสำนักงานอัยการทั่วประเทศครับ เขาทำให้ฟรีไม่ต้องเสียค่าจ้าง เพียงแต่เสียค่าธรรมเนียมศาลเอาเอง อย่างเก่งไม่เกิน ๑,๕๐๐ บาทครับ
อ้าว...ไหนบอกว่าฟรีไง....
ก็ฟรีค่าจ้างไงพี่...ที่ต้องเสียคือค่าคำร้อง ๒๐๐ บาท ค่าประกาศหนังสือพิมพ์ประมาณ ๕๐๐-๘๐๐ บาท ที่เหลือเป็นค่าส่งหมาย ค่าปิดประกาศ ค่าอ้างเอกสาร ซึ่งเป็นเรื่องที่ราษฎรต้องเสียเองครับ เว้นแต่เป็นกรณีภัยพิบัติ เช่นกรณีสึนามิผมได้นำเสนอเรื่องนี้กับท่านอัยการสูงสุดว่าชาวบ้านที่ประสบภัยพิบัติจะเอาตังค์ที่ไหนมาเสียค่าธรรมเนียมค่าคำร้องค่าประกาศหนังสือพิมพ์ ในการจัดการมรดกของผู้ตาย หรือตั้งผู้ปกครอง หรือกรณีขอให้ศาลสั่งเป็นผู้สาบสูญ อัยการน่าจะคลายทุกข์ชาวบ้านได้ด้วยการลงขันคนละเล็กละน้อยเป็นการแสดงน้ำใจของอัยการที่จะช่วยเหลือทางกฎหมายทำให้ฟรีทุกอย่าง ท่านเห็นด้วยก็เลยเกิดกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติขึ้นมา และยังมีเงินเหลือครับ ถ้าไม่มีเงินจริงๆลองปรึกษาท่านอัยการจังหวัดหรืออัยการจังหวัดประจำกรม สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนจังหวัดที่ท่านอยู่นะครับ เพื่อให้ขออนุญาตอัยการสูงสุดขอนำเงินนี้มาใช้เป็นกรณีเฉพาะรายดูนะครับ ผมว่าถ้าเป็นกรณีราชการประกาศเป็นเขตภัยพิบัติและจำเป็นต้องตั้งผู้ปกครอง ขอจัดการมรดก หรือขอให้ศาลสั่งเป็นคนสาบสูญ ก็ร้องขอให้ใช้เงินกองทุนนี้ได้ครับ
คราวหน้าเราค่อยมาดูกันต่อนะครับว่าในละครประจิมทำอะไรกับอ่อนบ้างแล้วผิดกฎหมายไหม ใจเย็นๆครับ อีกสักตอนน่า...นะ...อิอิ เอ้า...ให้คิดเป็นการบ้านก่อน เท่าที่อ่านมานี่ประจิมเป็นผู้ปกครองของอ่อนตามกฎหมายไหม....คิดสิ คิดสิ....อิอิ
มาเป็นนักเรียนแถวแรกอีกแล้ว...เย้
ท่านคะ บรรลุนิติภาวะ นับที่อายุเกิดหรืออายุสมองคะ...แฮ่ม..อีตาประจิมน่ะ อายุสมองน้อยกว่าหลานชายอีกนะคะ...จะเพิกถอนการปกครอง..เอ๊ะเรื่องนี้ศาลไม่ได้มีคำสั่งนี่...แหมเกือบหลงกลนิยายแล้วไหมเล่า....อิอิ....สวัสดีวันรัฐธรรมนุญค่ะ
สวัดีครับ ท่านอัยการ
ทันสมัยดีครับ ปกติผมไม่ค่อยได้ดูลคร
ผมต้องหันมาดูลครบ้างแล้ว เพื่อให้ทันท่านอัยการ อิอิอิ
ขอบคุณครับที่แบ่งบัน
อิอิ มาขำอ่ะค่ะ
เพราะเพิ่งรู้ว่ามีคนคิดเหมือนเราเลย ..อีตาประจิมน่ะ อายุสมองน้อยกว่าหลานชายอีกนะคะ. เอ๊ะ..หรือเราคิดเหมือนพี่สร้อยจันทรรัตน์ หว่า...
อิอิ
สวัสดีค่ะพี่ชาย
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับ
จะว่าไปแล้ว ประมวลกฎหมายแพ่งเล่มหนึ่ง อาญาเล่มหนึ่ง ก็ดูครอบคลุมเกือบหมดเลยนะครับ
ว่างๆ ก็หยิบมาอ่านทีหนึ่ง สนุกดีเหมือนกัน มาดูอรรถาธิบายของผู้ทรงคุณวุฒิอีกที อู้ หู โล่งโจ้ง แจ่มแจ้งแดงแจ๋เลยครับ
แต่ว่า :
๓.เป็นผู้ที่ไม่เหมาะสมที่จะปกครองผู้เยาว์หรือทรัพย์สินของผู้เยาว์
คงต้องโต้แย่งกันมั้งครับ เพราะเขียนไว้กว้างๆ
สวัสดีครับ อ.จันทรรัตน์
สงสัยจะติดพฤกษาสวาทงอมแงมแล้วละครับ
อายุสมองของประจิมน้อยกว่าหลานชายนิดหน่อยครับ อิอิ แต่เขาถืออายุจริงในการนับว่าบรรลุนิติภาวะหรือไม่ ถ้านับอายุสมองสงสัยจะไม่บรรลุนิติภาวะทั้งคู่ แฮ่ะๆ
ถูกต้องคร๊าบ...ประจิมไม่ใช่ผู้ปกครองตามกฎหมาย จึงมามั่วใช้อำนาจปกครองไม่ได้ คอยติดตามตอนสี่นะครับเขียนไปหน้าหนึ่งกับอีกหน่อยหนึ่งแล้วครับ ถ้ามีเวลาคืนนี้จะต่อให้จบเลย เดี๋ยวอาจารย์จะอึดอัด อิอิ
สวัสดีครับท่านเกษตรยะลา
ดีใจที่สนุกกับละครแล้วได้เรียนรู้กฎหมายเพิ่มเติมด้วย เพราะมีปัญหาขึ้นมาแล้วกฎหมายเขาบอกว่าจะอ้างว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้ แล้วทำไมไม่บังคับเรียนกฎหมายทุกคนก็ไม่รู้ แฮ่ะๆ
สวัสดีครับคุณชัย
เป็นไงครับมันไหม...ถ้าเราดูละครแล้วคิดก็จะได้ประโยชน์ ดูแบบนักบริหารก็จะได้ความรู้แบบบริหาร ดูแบบนักกฎหมายก็จะได้ความรู้ทางกฎหมาย ดูแบบนักอักษรศาสตร์ก็จะได้อรรถรสของนวนินาย ถ้าดูแบบเกษตรพอมีต้นไม้โผล่ขึ้นมาก็อาจจะบอกได้เลยว่าในเรื่องพฤกษาสวาทมีต้นนั่นต้นนี่ ก็จะมันไปอีกแบบ ดูแบบไหนก็ได้ แล้วแต่จะดู ฮิฮิ
สวัสดีครับคุณหนิง
ละครเพิ่งจบเมื่อคืน ผมก็เร่งเขียนตอนสี่เพื่อจะให้จบตามละคร แต่ไม่ทันคาดว่าคืนนี้คงจบนะถ้างานในหน้าที่เสร็จนะครับ ต้องตั้งข้อแม้ไว้ก่อน ฮิฮิ ยิ่งละครน้ำเน่าเท่าไร เราก็จะดูไปบ่นไป เช้าขึ้นมาก็ไปเม้าท์กันที่ทำงานต่อว่ามันเน่า.......แล้วพอถึงเวลาละครมาเราก็ไปจองหน้าจอต่อ...อิอิ
สวัสดีครับน้องอ้อย
เพลงนี้ผมก็ชอบ ตอนหน้าจะยกกฎหมายมาให้อ่านทั้งเล่มเลย อิอิ ล้อเล่น....แต่จะให้คำตอบว่าประจิมเป็นผู้ปกครองตามกำหมายหรือไม่ และที่ทำๆอยู่นั่นน่ะ ผิดกฎหมายหรือเปล่า....อย่าลืมติดตามนะ...
สวัสดีครับคุณ stardust
ก่อนสมภารจะกินไก่วัด แกเลี้ยงต้อยก่อนครับ อิอิ
สวัสดีครับ อ.ธ วั ช ชั ย
เขาเขียนกว้างอย่างนั้นก็ต้องให้กรรมการ(ศาล)ตัดสินละครับว่าหมายความถึงขนาดไหนอย่างไร กฎหมายต้องยืดหยุ่นได้ พอยืดหยุ่นได้มันก็จะมีการตีความเข้าข้างตัวเอง ก็เลยต้องมีคนกลาง(ศาล)เข้ามาจัดการ ครับ
ตอนนี้อาจารย์อยู่ ม.อ.หรือที่ไหนครับ
สวัสดีครับ
ตอนนี้ผมอยู่นครปฐมครับ
ว้า ไม่เคยอยู่ ม.อ. ครับ เคยอยู่แต่ ม.ช., ม.ธ. แล้วก็ ม.ศ.ก. แต่ก็ไปป้วนเปี้ยนแถว ม.จ.ร. มั่ง จ.ม. มั่ง อิๆ
ถ้ามีซองสีน้ำตาล ที่อยู่ตามนิตยสารเลยครับ ;)
อิอิ..ห้ามอึงไปนะคะ...เคล็ดลับการดูนิยายยุงชุมคือ ดูตอนเว้นสามตอนแล้วรอดูตอนจบค่ะ....ฮิฮิ
สวัสดีค่ะ คุณอัยการ
สวัสดีครับ อ.จันทรรัตน์
เข้าใจคิดคำศัพท์นะครับ ขออนุญาตเอาไปใช้มั่งฮิฮิ เท่ห์ดี
หวัดดีครับหมอกุ้ง
หนังยุงชุมก็หนังน้ำเน่าไง....ที่ๆมีน้ำเน่ายุงมันจะเยอะ
เข้าใจก่อ....อิอิ
สวัสดีครับ อ.ธ วั ช ชั ย ครับ
ผมสงสัยครับ เพราะในบันทึกบางบันทึกมีชื่อธวัชชัยอยู่ที่ ม.อ.ก็เลยสงสัยว่าอาจารย์ไปอยู่ ม.อ.ตั้งแต่เมื่อไร รู้ความจริงว่าคนละธวัชชัย ของจริงต้องเขียนเว้นวรรคครับ อิอิ
สวัสดีค่ะ
ไม่ค่อยได้ดูละครเท่าไหร่
แต่ชอบในการสอนของท่านเสียจริงๆ น่าติดตามค่ะ
สวัสดีครับคุณเพชรน้อย
ฮิฮิ ผมไม่ได้ตั้งใจสอนกฎหมายเลยนะครับเนี่ย..เพียงแต่อยากให้ดูละครยุงชุม (อิอิ อ.จันทรรัตน์ท่านตั้งให้ว่าละครประเภทนี้เป็นละครยุงชุม) อย่างมีสาระเท่านั้นครับ อย่าเคร่งเครียดกับกฎหมายมากนะครับ เอาแบบพอหอมปากหอมคอครับ...
เห็นไหม นี่ขนาดป้าแดงยังไม่ได้ดูละคร และวิเคราะห์ตามที่ผมเสนอแนะ ป้าแดงยังตอบถูกเลย เอาไป ๑๐ คะแนน....เย้....
ขอเรียนถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขอเป็นผู้ปกครองตามกฎหมายค่ะ
คือเรื่องมีอยู่ว่า ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุเกือบเจ็ดขวบแล้ว
เอ อาศัยอยู่กับยายตั้งแต่อายุราว 4-5 เดือน แม่คลอดเอแล้วนำมาให้ยายเลี้ยงดู
แล้วแม่ก็หายไปเลย ไม่เคยติดต่อหรือส่งเสียเลย ยายเลี้ยงดูเอมาตลอด
โดยอาศัยเงินรายได้จากการค้าขาย และจากลูก ๆ คนอื่นที่ส่งให้
ตอนนี้ยายแก่แล้ว ป้าของเออยากรับเอมาเลี้ยงดูเพื่อแบ่งเบาภาระของยายซึ่งแก่ลงทุกวัน
แต่ใบเกิดเอ ไม่มีชื่อพ่อ แม่ก็หายไปไม่เคยติดต่อมาเลย
ป้ากะยายไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก่อน
(ป้าไม่สามารถพาเอ ไปทำพาสปอรต์และขอวีซ่ไปอยู่ด้วยกันได้เพราะหนูไม่มีพ่อไม่มีแม่เซ็นต์ยินยอม)
ขอรบกวนคุณอัยการผู้ใจดีชี้ทางด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
ด้วยความยินดีครับ
ป้ากะยายเลี้ยงหลานอยู่ด้วยกันหรือเปล่าครับ ที่ถามอย่างนี้ก็เพราะเมื่อเวลาเดินเรื่องแล้ว ถ้าเป็นญาติเลี้ยงหลานมาเองไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะต้องทดลองเลี้ยงก่อนรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมครับ
วิธีการที่ทำกันอยู่ในปัจจุบันนี้ก็คือ รับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม โดยการไปติดต่อสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แจ้งขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม ปกติก็จะต้องให้บิดามารดาเด็กเซ็นยินยอม แต่เมื่อไม่มีก็ต้องใช้วิธีการทางศาลครับ โดยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตแทนบิดามารดาเพื่อให้ป้ารับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมครับ
ถ้าป้ามิได้เลี้ยงมาตั้งแต่ต้นแต่ยายเป็นคนเลี้ยงก็ให้ยายยื่นคำร้องแทน เมื่อศาลอนุญาตแล้ว สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เขาจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อพิจารณาอนุมัติ กรณีเป็นญาติมักไม่มีปัญหาหรอกครับ จากนั้นเวลาจะไปเมืองนอกยายก็เซ็นแทนได้เลยในฐานะมารดาบุญธรรมผู้ใช้อำนาจปกครองครับ
สวัสดีตอนเช้าจากแดนไกลค่ะ คุณอัยการผู้อารี
ป้ามิได้เลี้ยงหลานมากะยายหรอกค่ะ แต่ตอนเค้ามาอยู่กะยายนั้นป้าก็ได้มาดูแลระยะแรก ๆ เท่านั้น
สมัยนั้นป้ามีหน้าที่การงานอยู่กรุงเทพฯ ส่วนยายกะหลานอยู่ตจว.ค่ะ
ตอนนั้นป้าไม่มีภาระก็ไป-มาช่วยเหลือได้ แต่เมื่อแต่งงานย้ายมาอยู่ต่างแดน ภาระก็อยู่ที่ยายทั้งหมด
ป้าคิดว่าคงไม่รับหลานเป็นบุตรบุญธรรม ป้าถือสองสัญชาติ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในสองสัญชาติของป้าเองค่ะ
ป้าจะรับหลานมาอุปถัมภ์ในแบบที่เค้าเรียกว่า Foster child ค่ะวิธีนี้การขอวีซ่าจะไม่ยุ่งยากมากมายค่ะ
ป้าเองก็มีลูกสาววัย 5 ขวบเพียงคนเดียวเท่านั้น ลูกพี่ลูกน้องจะได้มาอยู่ด้วยกัน
ทางดำเนินการขั้นแรกคือ ยายต้องไปติดต่อที่ สนง.อัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัด ใช่หรือไม่คะ
ขอขอบพระคุณอย่างสูงที่ท่านกรุณาตอบคำถามค่ะ