ถึงเวลาที่จะมาพูดกันถึงคุณธรรมจริยธรรมในละครเรื่องนี้ เพราะในละครเรื่องนี้ตัวร้าย(เสาวรส)ก็ร้ายสุดๆ นางเอก(กิมเน้ย)ก็หน่อมแน้มสุดๆ ถูกกระทำไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ยังเฉย ไม่ยอมแจ้งความดำเนินคดี ทั้งที่เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่เป็นคดีอาญาแผ่นดินยอมความไม่ได้ นางร้ายก็มีลูกน้องร้ายชื่อจวง นางเอกก็มีเพื่อนขี้กลัวชื่อกลอย ก็เลยพลอยตกเป็นเครื่องมือของนางร้ายด้วย แถมยังถูกบังคับให้ใส่ร้ายป้ายสีนางเอกเสียอีก เฮ้อ...เหนื่อยใจ อิอิ
ทุกวันนี้ มนุษย์ในสังคมต่างพากันเอาตัวรอด คนอื่นจะเป็นอย่างไรก็ช่างขอให้เรารอดไว้ก่อน แม้จะทำให้คนอื่นเดือดร้อนแสนสาหัสอย่างไรก็ไม่เกี่ยว ใช้สุภาษิต “รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี” ผมว่าถ้าสังคมคิดกันอย่างนี้คนโกงบ้านกินเมือง คนที่ข่มเหงรังแกชาวบ้าน ก็จะพากันเดินกร่างกันทั่วบ้านทั่วเมือง ใช่ไหมพี่น้อง.......ฮา...
ละครเรื่องหาบของแม่ สะท้อนให้เห็นชีวิตของผู้คนในสังคม โดยเฉพาะสะท้อนให้เห็นความรักของแม่ที่มีต่อลูก แม้จะถูกลูกต่อว่าอย่างไรก็ยังรักลูกอยู่นั่นแหละ พยายามช่วยแก้ไขปัญหาให้ลูกอยู่ตลอดเวลา ผู้หญิงแบบกิมเน้ยในสังคมไทยก็มีอยู่ไม่น้อยที่ต้องหย่าขาดจากสามี แล้วต้องมาเลี้ยงลูกอยู่คนเดียวเพราะสามีเข้าใจว่าคบชู้ จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเลี้ยงดู แถมยังเข้าใจว่าลูกที่เกิดมาเป็นลูกชู้ แม้จะเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูให้ลูกก็ดูจะมืดมนสำหรับกิมเน้ย แต่ที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งในละครก็คือ กิมเน้ยไม่เคยสอนให้นัยนาเกลียดพ่อ เพียงแต่ไม่ต้องการให้นัยนาไปใกล้ชิดพ่อ ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากนิธาน เพราะน้อยใจที่นิธานเชื่อว่านัยนาเป็นลูกของอาหลุงและเชื่อว่าอาหลุงเป็นชู้กับกิมเน้ย
คนเราในสมัยก่อน ความขัดแย้งในสังคมมีน้อยเพราะความคิดในเชิงพุทธศาสน์ เขาทำกับเราอย่างนี้เพราะชาติก่อนเราเคยทำกับเขามาก่อน มาถึงชาตินี้เขาทวงคืน หากเราต้องการให้เวรกรรมหมดไปก็อโหสิกรรมให้กับเขาเสียในชาตินี้ แต่คนในปัจจุบันกลับคิดอีกแบบหนึ่ง เมื่อมาทำกับเรา เรามีสิทธิตามกฎหมายที่จะจัดการกับเขา สมัยก่อนเราคิดว่าหมอคือผู้มีพระคุณที่ช่วยให้เราหายเจ็บไข้ หรือรอดพ้นจากเงื้อมมือของมัจจุราช หากรักษาไม่หายก็เพราะหมอได้ช่วยเราจนสุดฝีมือแล้ว แต่ในปัจจุบันกลับคิดว่าเมื่อหมอรักษาไม่ดีก็ต้องฟ้องเรียกค่าเสียหาย หากรักษาแล้วผู้ป่วยตายก็ต้องดำเนินคดีกับหมอเพราะหมอกระทำโดยประมาท เพราะฉะนั้น อย่าโทษหมออีกหากหมอจะไม่กล้ารักษาคนไข้ ผมว่าเรารับวัฒนธรรมตะวันตกแต่ไม่นึกถึงอารยธรรมตะวันออก หรือหากคิดในแง่ความรุนแรง เมื่อทำเราได้ เราก็ทำเขาได้ วิธีคิดแบบนี้จึงเกิดปัญหาความขัดแย้งในสังคม ขอเฮ้ออีกที...เฮ้อ....อิอิ
เมื่อวานได้รับเชิญให้ไปที่โรงเรียนสตรีภูเก็ตในฐานะประธานกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อร่วมงาน “แก้มขอบคุณ” ซึ่งน้องแก้มพร้อมด้วยคุณแม่และน้องสาว(ซึ่งเรียนอยู่ที่สตรีภูเก็ตอยู่แล้ว)มาที่โรงเรียนและมีมินิคอนเสิร์ต ขอบคุณทุกองค์กรในโรงเรียนสตรีภูเก็ต รวมทั้งบรรดาผู้ปกครอง ครูอาจารย์และนักเรียนที่ช่วยโหวตเชียร์น้องแก้ม ในงานนี้เขาจัดให้มีการเสวนากับน้องแก้มและครอบครัว โดยเฉพาะคุณแม่ของน้องแก้มว่า “เลี้ยงลูกอย่างไรลูกจึงประสบความสำเร็จในชีวิต” คุณแม่น้องแก้มเฮฮามาก มีมุขทุกเม็ดแม้แต่คำถามที่ผมใช้คำถามที่จะไม่ให้สะเทือนใจผู้ตอบคือเรื่องปัญหาครอบครัว
เป็นที่ทราบกันดีว่าน้องแก้มเดอะสตาร์นั้น คุณพ่อกับคุณแม่แยกทางกัน คุณแม่เอาลูกทั้งสองคนมาเลี้ยงเองที่ภูเก็ต โดยขณะนั้นน้องแก้มเพิ่งจะสี่ขวบ น้องเกดเพิ่งสองขวบ คำถามที่ผมถามโดยใช้คำถามที่น่าจะฟังแล้วไม่สะเทือนใจผู้ตอบก็คือ “คุณแม่มีวิธีการเลี้ยงลูกอย่างไรให้ลูกอบอุ่นทั้งๆที่ต้องทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่” ความหมายที่แท้จริงก็คือ “คุณมีวิธีการเลี้ยงลูกให้อบอุ่นอย่างไรเมื่อคุณต้องหย่าขาดจากสามี” แต่ถ้าถามตรงๆมันจะทำร้ายความรู้สึกของผู้ตอบใช่ไหมครับ คุณแม่น้องแก้มตอบดีมากเลย เธอตอบว่า “เมื่อเราต้องหย่ากัน มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ไม่ใช่เรื่องของเด็ก ใครผิดใครถูกเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่รู้กันสองคน ดังนั้นอย่ายัดเยียดความผิดของอีกฝ่ายหนึ่งให้ลูกรับรู้ เราต้องให้ลูกได้รับความอบอุ่นจากพ่อ เราต้องไม่กีดกันเขาจากลูก แม้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่พ่อมีสิทธิที่จะโทร.คุยกับลูกหรือมาหาลูกได้ตลอดเวลา”
เมื่อให้คุณญาดา เปียกลิ่น แม่ของน้องแก้มสรุปวิธีการเลี้ยงลูก เธอตอบพร้อมเอามือแตะที่อกแล้วตอบว่า “เลี้ยงด้วยนี่ ด้วยใจ” เมื่อถามว่าเธอกอดลูกบ้างไหม คำตอบคือ “กอดเป็นประจำ” เมื่อถามน้องแก้มน้องเกดว่าคุณแม่ดุไหม สองคนหันมามองหน้ากันแล้วพยักหน้า “ดุค่ะ” อิอิ แต่น้องแก้มก็บอกด้วยว่า “แม้จะดุ แก้มไม่เคยโกรธแม่เลย เพราะแก้มเชื่อแม่เสมอ แก้มเชื่อว่าแม่รักแก้ม ดังนั้นสิ่งที่แม่สอนต้องถูกต้องเสมอ ถ้าแม่ดุแสดงว่าเราผิด“ เพราะน้องแก้มเชื่อแม่ น้องแก้มจึงได้ดีในวันนี้
นี่ถ้ามีรางวัลหาบของแม่ทองคำ ผมก็คงยกให้คุณแม่ญาดา เปียกลิ่น หญิงสู้ชีวิตที่เข้าใจลูกอย่างถ่องแท้ครับ
สวัสดีครับ
พักหลังไม่ค่อยได้ดูโทรทัศน์ แต่มาตามอ่านบันทึกนี้ได้รู้เรื่องเหมือนกัน
ตัวหนังสืออ่านง่ายดีครับ ไม่เบื่อ
สวัสดีค่ะ อาจารย์ท่านอัยการ
สวัสดีค่ะ มาอ่านที่นี่แล้วไม่ต้องดูที่วีก็ได้ค่ะ แถมมีประโยชน์ได้รู้เรื่องกฎหมายด้วยค่ะ
น้องแก้มเดอะสตาร์ ยินดีด้วยคร้าบ
สวัสดีครับพี่หมอเจ๊
ถ้าพี่หมอเอารถไปจริง ผมจะฝากต้นผักเหมียงไปครับ เพราะถ้าเอาขึ้นเครื่องมันคงจะยุ่ง
ยากพอสมควรเพราะดินมันหนักเหมือนกัน อิอิ มีตั้ง ๒๐ ต้น หรือจะเอาไป ๔-๕ ต้นก่อน เดี๋ยวเราคุยกันหลังไมค์นะครับ อิอิ ภาษาดีเจ แฮ่ะๆ
ค่าฝากไม่กลัว กลัวจะไม่คิด ฮา...
สวัสดีครับ อ.ธ วั ช ชั ย
สบายดีนะครับ
ผมแวะเข้าไปอ่านบันทึกของอาจารย์แต่ไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้ อิอิ พอเอาบันทึกของแต่ละท่านเข้าแพลนเน็ตตอนนี้มันเยอะมากถึงขนาดเผลอไม่ได้เปิดวันเดียวตามอ่านกันไม่ทัน อิอิ
สวัสดีครับคุณเอื้องแซะ
ได้รับแผ่นซีดีหรือยังครับ
คุณแม่น้องแก้มและน้องแก้มกับน้องเกดน่ารักมาก ผมเห็นเขาตั้งแต่อยู่ชั้นประถม จนเดี๋ยวนี้น้องแก้มเข้า ม.ศิลปากร คณะดุริยางคศิลป์ วิชาเอก Voice Jazz สังเกตยิ้มของน้องแก้มจะเห็นได้ว่าน้องแก้มยิ้มแบบบริสุทธิ์ ยิ้มกว้าง ยิ้มเป็นธรรมชาติ นี่เป็นเสน่ห์ของน้องแก้มครับ
สวัสดีครับคุณมณีแดง
การดูแลเอาใจใส่ด้วยความรัก แม้จะปากเปียกปากแฉะเพราะต้องการให้พ่อมีสุขภาพที่ดีก็ไม่ผิดหรอก แต่ต้องอย่าลืมว่ามนุษย์ทุกคนต้องการมธุรสวาจา มนุษย์ไม่ชอบบ่น แต่ชอบพูดกันด้วยเหตุผล พ่อเลี้ยงเรากว่าจะจบทำงานได้ประมาณ ๒๐ ปี แต่เราใช้เวลาเลี้ยงพ่อแบบจำจี้จ้ำไชจริงๆกี่ปี...ดีใจที่มณีแดงรักพ่อมาก
สวัสดีครับน้อง amp
เข้าไปอ่านบันทึกเมื่อคืนยังไม่ได้ไปแสดงความคิดเห็น แต่บอกได้ตรงนี้ว่าบันทึกที่เขียนถึงแม่น่ารักมาก อ่านแล้วรู้สึกว่าคนเขียนก็สวย เจ้านายก็สวย เพื่อนเจ้านายก็สวย อิอิ
คุณ Suksom
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยม และแสดงความยินดีกับน้องแก้มครับ
ขอบคุณพ่อครูที่แจ้งข่าวครับ น้องเอกก็บอกว่าเห็นใบสมัครของผมแล้ว ผมก็ไม่ได้โทร.คุยกับลุงเอกเลย เมื่อวานก็มีแขกกับเรื่องตอบข้อหารือทั้งวัน กลับบ้านก็ยังมีแขกตามมาปรึกษาเมื่อคืนกว่าแขกจะกลับก็เกือบสี่ทุ่มครับ
ยังไม่เห็นลุงเอกแจ้งข่าวเรื่องการบ้านเลยครับ
ถ้าพี่หมอเจ๊เอารถขึ้นไปจะฝากต้นผักเหมียงไปให้ครับ
สวัสดีค่ะท่านอัยการชาวเกาะ
ได้รับซีดีตอนบ่ายนี้เองค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ