ผมไปเป็นนักเรียนในโรงเรียนที่มีลุงเอกเป็นผู้อำนวยการสำนัก เรียนรุ่นเดียวกับพ่อครูบาสุทธินันท์ เราไปถึงกรุงเทพฯกันก่อน ๑ คืน พ่อครูไปถึงก่อน พอผมไปถึงพ่อครูบอกว่าลืมเสื้อขาว เราออกไปหาเสื้อขาวกันที่ร้านในโรงแรมแต่ก็ไม่ได้เขาแนะนำให้ไปห้างพาต้าปิ่นเกล้า ลองทีละยี่ห้อแขนยาวแต่ตัวพอดี แขนทำท่าจะพอดีแต่พุงปลิ้น สารพัดที่ต้องเลือก หาแล้วหาอีกเกือบทุกยี่ห้อในร้าน พ่อครูกระซิบเดี๋ยวจะซื้อให้หมดทั้งห้างเลย อิอิ
เช้าขึ้นมาน้องเอก จตุพร จะมาเตรียมการที่พิพิธภัณฑ์พระปกเกล้าก็เลยถือโอกาสวนมารับพวกเราไปด้วย ไปถึงเจอผู้คนมากหน้าหลายตา รู้จักกันก็มี เห็นหน้าทางทีวีก็เยอะ พิธีเปิดปฐมนิเทศจัดทำได้ดีมาก แค่ได้ฟัง ศ.นพ.ประเวศ วะสี พูดก็คุ้มแล้ว ท่านยังตั้งความคาดหวังเอาไว้ว่าพวกเราจะสามารถช่วยกันแก้ปัญหาภาคใต้ได้สำเร็จเสียด้วยซ้ำไป ศจ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถานบันพระปกเกล้าได้บรรยายให้พวกเราฟังเรื่องของสถาบันกับการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสังคมไทยซึ่งน่าสนใจอย่างยิ่ง ส่วน รศ.ม.ร.ว.พฤทธิสาร ชุมพล ได้บรรยายเรื่องพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว : นายทหารอาชีพผู้ใฝ่ประชาธิปไตยโดยสันติ ทำให้เราได้รู้เรื่องราวต่างๆได้แจ่มชัดขึ้น เพียงแต่ท่านใช้เวลาเล่าให้พวกเราฟังค่อนข้างละเอียดเลยเวลาไปนิดหน่อย จนคุณศิริบูรณ์ เรียนท่านว่า “อาจารย์ขา เกือบบ่ายโมงแล้วนะคะ” อิอิ
ทานอาหารเที่ยงกันในพิพิธภัณฑ์แล้วก็ชมพิพิธภัณฑ์กันต่อแต่เนื่องจากเราต้องเดินทางจึงได้ดูไม่ละเอียดแต่อาสาสมัครที่มานำชมพิพิธภัณฑ์ความรู้ดีมาก เล่ารายละเอียดเรื่องต่างๆได้เป็นฉากๆ เขายังเชิญพวกเรามาเที่ยวชมใหม่
เราช้ากว่าเวลาที่ตั้งไว้ไปถึง ๔๐ นาที ผมกับพ่อครูบาถูกแยกกันเดินทางด้วยรถคนละคัน ปรากฏว่าในรถคันที่ผมนั่งมามีพระมาด้วย ผมเลยเดินทางด้วยความสบายๆเพราะ “ข้าฯมากับพระ” อิอิ
ในรถลุงเอกขึ้นมาบนรถแล้วก็ให้พวกเราแนะนำตัว แต่ละท่านมีลูกเล่นลูกฮาในการแนะนำตัวเองกันอย่างสนุกสนาน ถึงคราวที่หลวงพี่จะต้องแนะนำ ท่านก็แนะนำว่า ท่านชื่อพระมหานภันต์ สันติภัทโท ประธานกลุ่มพัฒนาจิต”เพื่อชีวิตดีงาม” ท่านจบเปรียญ ๙ ประโยค ฉายาสันติภัทโท ก็สอดคล้องกับหลักสูตรเสริมสร้างสังคมสันติสุข เมื่อมาลงทะเบียนปฐมนิเทศโยมเพื่อนๆนักศึกษาก็มาถามว่าจะให้เรียกท่านว่าอะไรดี ท่านก็เลยบอกให้พวกเราในรถว่าจะเรียกว่า ท่านมหา ก็ได้ หลวงพี่ก็ได้ ท่านมีชื่อเล่นว่า “ติ๊ก” โยมที่สนิทกันเขาจะเรียกว่า “มหาติ๊ก”บ้าง “หลวงพี่ติ๊ก” บ้าง โยมเพื่อนๆจะเรียกยังงั้นก็ได้ ขออย่างเดียวอย่าเรียก “หลวง..น้องติ๊ก”...ฮิฮิ เล่นเอาฮากันทั้งรถ
ท่านเล่าว่าวันนี้โยมเพื่อนๆน่ารักมากมาถามอาตมาว่า “หลวงพี่ฉันเพลแล้วหรือยัง ก็ขอขอบใจที่เป็นห่วง แต่ถ้าเป็นห่วงกรุณาถามก่อนเพล อย่าถามหลังเพล นี่ถามเอาเกือบบ่ายโมง แล้วจะช่วยอะไรอาตมาได้”...ฮา....
หลวงพี่ติ๊กท่านก็ขอบใจที่ทุกคนเป็นห่วง เพราะในสังคมนี้เราต้องเอื้ออาทรต่อกัน ไม่มีเธอก็ไม่มีฉัน และถ้าไม่มีเธอ...อาตมาก็ไม่มีอะไรจะฉัน.....ฮา
สวัสดีครับ
เผลอแป๊บเดียว กลายเป็นนักเรียนไปแล้ว อิๆ
รุ่นเดียวกับท่านครูบาฯ ด้วย คงมีอะไรสนุกเยอะนะครับ
วันนี้ก็นึกถึงท่าน เพราะกำลังคิดถึงข่าวเรื่องสำนักงานอัยการสูงสุด อิๆๆ
ถ้าอยู่ กทม. หลายวัน คงได้เจอะเจอกันหลายๆ ท่านนะครับ
สวัสดีครับอ.ธ.วั ช ชั ย
สำนักงานอัยการสูงสุดมีอะไรให้คิดถึงมากมาย เพียงแต่ความจริงกับข่าวที่ออกมามันไม่ตรงกับเป็นความจริง เรารับความจริงกันไม่ค่อยได้ ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังออกข่าวเพื่อให้ตัวเองมีความชอบธรรมทั้งๆที่ความจริงชอบธรรมหรือไม่ก็ยังไม่ทราบและเป็นข้อจริงหรือข้อเท็จ อีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่ชี้แจงอยู่เฉยๆอาจจะคิดว่าเล่นกับ...ก็จะถูก...เลียปาก การที่ไม่ชี้แจงก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีก็คือเมื่อความจริงปรากฏออกมาก็จะรู้ว่าฝ่ายที่ถูกกล่าวหาถูกหรือผิด แต่ข้อเสียก็คือแล้วขณะนี้ประชาชนเขามีความรู้สึกอย่างไร
ผมถูกสอนให้เป็นกลางไม่เข้าข้างฝ่ายใด วินิจฉัยสำนวนด้วยความถูกต้องและเป็นธรรม สิ่งใดไม่ถูกหรือข้อเท็จจริงไม่ชัดเจนในมุมมองของเราเราก็จะสั่งสอบสวนเพิ่มเติมให้มันชัดเจนอย่าให้เกิดสงสัย ในคดีอาญาหากศาลเกิดข้อสงสัยศาลต้องยกเหตุแห่งความสงสัยเป็นคุณแก่จำเลย แล้วเราคนทำคดีเราเห็นจุดๆนั้นแล้วเราจะปล่อยผ่านไปเฉยๆหรือ หากศาลยกฟ้องขึ้นมาบาปไม่อยู่ที่อัยการหรือ เราสร้างกระแสกันโดยไม่ยอมรับความจริง สังคมมันจะเกิดอะไรขึ้นละครับ
อัยการมองเห็นความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นข้างหน้าแล้วเราป้องกันเสียก่อนไม่ดีกว่าหรือ
อิอิ ความจริงถ้าได้รับอนุญาตก็น่าจะนำมาแฉนะครับว่าความจริงเป็นอย่างไร แฉไปแล้วจะได้รู้กันว่าใครถูดใครผิดประชาชนจะด่าเองโดยไม่ถูกชี้นำ แต่ก็จะกลายเป็นว่าอัยการไปชี้ช่องให้ผู้ต้องหาอีก ซวยทั้งขึ้นทั้งล่อง ฮ่าๆ
สวัสดีครับพี่หมอเจ๊
สบายดีนะครับ
ผมไม่ได้เอาโน้ตบุ๊คไปก็เลยไม่ได้เข้าไปคอมเม้นท์ในบันทึกพี่หมอ แต่อ่านทุกบันทึกแล้วครับ เมื่อไหร่จะไปสวนป่าอีก บอกนะครับเผื่อมีเวลาไปด้วยได้จะได้ตามไปลุย อิอิ
คุณเอื้องแซะครับ
เจอคนดังๆหลายท่าน แต่ละท่านศักยภาพสูงมากๆจริงๆ แค่แนะนำตัวก็ฮากันกระจายแล้วครับ
อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านอัยการ
* มาแอบดูนักเรียนกิติมศักดิ์ทั้งหลาย อยู่หลังห้องค่ะ
* เห็นภาพท่านอัยการ แบบไกลๆ เท่ห์จังค่ะ ในบันทึกพ่อครูบา
* คิดว่าจะเรียนแบบเคร่งเครียด ที่ไหนได้ฮากระจายหลายกระจาดเลยนะคะ :)
* ... ผมเลยเดินทางด้วยความสบายๆเพราะ “ข้าฯมากับพระ”
* ชอบประโยคนี้จังค่ะ .. เก็บไปอมยิ้มได้ทั้งวันเลยค่ะ :)
* ท่านอัยการ เดินทางปลอดภัย สดใส ซาบซ่า ทุกเวลานะคะ
สวัสดีค่ะ อ.ท่านอัยการ
ขอบคุณน้อง poo
ที่แวะเข้ามาอวยพร เพราะจะต้องเดินทางทุกอาทิตย์
เริ่มรอบแรกๆก็มันพะยะค่ะแล้ว มือกระบี่ผู้เยี่ยมยุทธครับ ได้ฟังอาจารย์ศรีศักร กับ อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ก็มันหยดติ๋งๆแล้ว เดี๋ยวผมจะถอดบทเรียนมาให้อ่านกันครับ
สวัสดีน้องนกทะเล
จะคุยกับหลวงพี่ติ๊กให้ครับ เพราะท่านเคยไปช่วยในการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนที่พังงามาแล้วครับ
มณีแดงครับ
เสียดายที่ ๒๖-๒๗ ผมกับพ่อครูก็อยู่ที่โคราชา เพิ่งรู้ป้าแดงก็ไปพิมาย ผมก็ไปมาครับเดี๋ยวค่อยเอารูปมาอวดกันครับ
จะรอติดตามอ่านตอน 2 ค่ะ
ท่านอัยการเขียนได้ ฮาๆ เอิ๊กๆ ช้อบ ชอบค่ะ
เรื่องซีดี - ไว้ปูกลับบ้านจะไปรับค่ะ
เพราะหากให้ที่อยู่ท่านตอนนี้ ปูก็ไม่มีที่นอนนะสิคะ :)
__/\__ ขอบพระคุณค่ะ..."สำหรับ จะคุยกับหลวงพี่ติ๊กให้ครับ เพราะท่านเคยไปช่วยในการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนที่พังงามาแล้วครับ"
แวะมา ก๊ากส์ ๆๆๆๆ รอบที่ 2 หลวงพี่นะหลวงพี่ เล่นบอกกลางวงแบบนี้ ก้อต้องเผ่นไปตั้งหลักกันก่อน จริงไหมค่ะ
อิอิ
น้อง poo ครับ ตอนสองเสร็จแล้วตามไปฮาต่อได้....
น้องแป๊ดครับ
คุยกับหลวงพี่มันส์มาก สงสัยต้องนิมนต์ไปสวนป่าสักครั้ง เอาให้ฮาลั่นป่าเลย อิอิ
ภูมิธรรมท่านสูงมาก อธิบายได้เป็นฉากๆยกบาลีประกอบเข้าใจแจ่มแจ้งเลยแหละ นศ.รุ่นนี้สุดยอดจริงๆ
แอบมาเรียนด้วยคนครับ ท่านอัยการ
ตามติด ติดตามหลวงพี่อยู่ครับ อิอิ..
ย่องมาฮาเบาๆสำรวม ไม่งั้นหลวงพี่เคาะโป๊ก
อิอิ พี่บางทราย ผมก็ไม่นึกว่าท่านจะอธิบายธรรมและสอดแทรกลูกฮาแบบเข็มขัดสั้นได้มันอย่างนี้ และเป็นมุขแบบคลาสสิคไม่ใช่โปกฮาแบบคาเฟ่
เสียดายตอนอาจารย์อธิบายเรื่องเกลือ ผมจดไม่ได้เพราะรถมันกระเทือนความจำเลยเลอะเลือนไปบ้าง ต่ได้เห็นผิวดินที่มีเกลือมองจากในรถ ถ่ายรูปไม่ทันเพราะรถจะผ่านไปเร็วๆและนั่งผิดข้าง และถ้าไปนั่งหน้าคงไม่ได้ลูกฮาของหลวงพี่ อิอิ
ขอบคุณครับ
คุณสะมะนึกครับ
หลวงพี่ติ๊กมีเทคนิคบรรยายธรรมสุดยอดครับ
ผมไม่เห็นการทำนาเกลือ แต่เห็นโคกสูงไม่มาก ตามพื้นดินมีเกล็ดขาวๆ อ.ศรีศักร ท่านบอกว่านั่นเป็นเกลือ ท่านเล่าให้ฟังการทำเกลือว่าเอาน้ำหรือดินแถวนั้น(ไม่แน่ใจ เพราะฟังที่ท่านพูดได้ยินมั่งไม่ได้ยินมั่ง)เอามาต้มในหม้อดิน (น่าจะหมายถึงสมัยก่อน) จนแห้งก็จะได้เกลือ และเรื่องเกลือก็เป็นความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านกับนายทุนที่เราอาจจะต้องไปศึกษากันถึงพื้นที่ครับ
พ่อครูมาสำรวมในบันทึกนี้ แต่ไปฮาๆๆในบันทึกที่สอง สำรวมไม่อยู่ใช่ไหมล่า..อิอิอิ
ขออภัยครับท่านพี่อัยการชาวเกาะ
อ่านหลวงพี่ติ๊ก แล้วอมยิ้มค่ะ ท่านมีอารมณ์ขันนะคะ
สวัสดีครับพี่ศศินันท์
หลวงพี่ติ๊กเป็นพระที่มองโลกในแง่ดีครับ ผมเชื่อว่าอารมณ์ดีของ
ท่านจะช่วยปรับอารมณ์ของผู้ที่ขัดแย้งให้คลายลงได้ครับ
สวัสดีครับท่านสิงห์ป่าสัก
ติดตามความมันต่อไปเรื่อยๆนะครับ ผมกะว่าเจอความมันของใครก็จะเอามาเขียนต่อครับ
สวัสดีครับพี่นิด
ขอบคุณสำหรับเรื่องเกลือที่นำมา link ให้เพิ่มเติมความรู้ครับ
หลักสูตรนี้เรียนฟรีแต่หลักสูตรต่อไปคิดเงินครับ ค่าใช้จ่ายตัวหัวต่อคนๆละประมาณ ๓๕๐,๐๐๐ บาทครับ
สวัสดีครับ