เป็นนักเรียนสถาบันพระปกเกล้าตอนที่ ๒(หลวงพี่ติ๊กกับดนตรีสื่อสันติสุข)


หลวงพี่ติ๊กฟังเพลง

        ผมจะเล่าเรื่องหลวงพี่ติ๊กต่อ หลังจากเราเดินทางมาจนถึงลำตะคองรถแวะให้เราลงไปเข้าห้องน้ำ ในรถคันที่พวกเรานั่งไปเม้าท์กับรถคันที่สองว่า เราได้ฟังธรรมะจากหลวงพี่ติ๊ก ปรากฏว่าพอออกเดินทางต่อไป หลวงพี่ติ๊กของผมก็ถูกฉกขึ้นรถคันที่สองไปเรียบร้อยแล้ว

        หลังจากนั้นเราเดินทางไปถึงโรงแรมที่พัก ปรากฏว่าเราไปเลยเวลาถึงเวลาที่ ดร.สุกรี เจริญสุข จะบรรยายให้เราฟังถึง ดนตรีสื่อสันติสุข ท่านเล่าให้เราฟังหลายเรื่อง แค่เรื่องเพลงหรือดนตรีที่ถูกมองในแง่ลบ คนโบราณมองนักดนตรีเป็นเพียงผู้รับใช้ ดูถูกดูแคลนอาชีพ แม้แต่ในเรื่องศีลก็ยังห้ามชมการแสดงหรือฟังเพลง พูดถึงตอนนี้ผมก็ยังสงสัยว่า อาจารย์เห็นหลวงพี่ติ๊กนั่งอยู่ จะกีดกันหลวงพี่ติ๊กของผมไม่ให้ฟังหรือเปล่า อิอิ แต่หลวงพี่ผมเก็บอาการนิ่งจดข้อมูลอย่างเดียว

        ดร.สุกรี พูดให้ฟังถึงความเจ็บปวดว่าจะทำปริญญาเอกทางด้านแคนต้องไปทำที่ต่างประเทศโน่น แต่เดี๋ยวนี้ดีแล้วในมหาวิทยาลัยมหิดลก็มีสอนถึงระดับปริญญาเอกแล้ว ครูผู้สอนเป็นมือแคนมือหนึ่งท่านตาบอด  ดร.สุกรี เล่าให้ฟังว่า เสียงแคนมีพลังมาก สามารถกล่อมสรรพสิ่งได้ ท่านให้ดร.ทางแคนเป่าแคนเพลงลาวแพนให้ฟัง เล่นเอาผมเคลิ้มเลย ถือโอกาสเดินไปถ่ายรูปหันไปดูหลวงพี่ติ๊กยังเก็บอาการแต่ผมว่าท่านไม่ปล่อยอารมณ์ไปกับแคนแน่นอน เพราะต้องการเรียนรู้ว่าดนตรีจะสื่อสันติสุขได้อย่างไร

        แต่เสียงเพลงก็ยังต้องเผชิญกับการห้ามไม่ให้แอ่วลาวเป่าแคนในสมัยรัชกาลที่ ๔ ทำให้นักดนตรีต้องหนีไปอยู่แถวราชบุรี เมื่อเขาไม่ให้เป่าแคนก็เอาเพลงแคนไปเล่นด้วยซอ ท่านก็ให้สุดยอดฝีมือซอมาเดี่ยวซอให้เราฟังในเพลงลาวแพน เพลงเดิมนั่นแหละแต่บรรเลงด้วยซอ  สำเนียงซอคมชัด และบางตอนเลียนเสียงแคนได้เหมือนด้วย ผมก็ชอบอีกนั่นแหละ

        จากนั้น ดร.สุกรี ก็พูดถึงกลองแขกที่ตีให้จังหวะในการบรรเลงเพลงว่าเดิมมาจากอินเดียเป็นกลองที่ใช้ทำพิธีกรรมเกี่ยวกับความตาย แต่ต่อมาก็นำมาใช้ที่สุโขทัยเพราะเห็นว่าสุโขทัยเป็นราชธานีจึงเอากลองไปทำพิธีกรรมจนในที่สุดก็มีการนำเอามาประกอบดนตรี

        ดนตรีที่ท่านนำมานำเสนอพวกเราความจริงอาจารย์ ดร.สุกรี จะนำวงซิมโฟนีมาให้ฟังแต่ติดงาน ท่านบอกว่าไม่งั้นจะให้บรรเลงดาวดวงเดือน ดาวดาวอังคาร และดาวดวงอาทิตย์ ให้ฟังเพื่อให้รู้ว่าความงามของเพลงไทยเดิมที่นำมาบรรเลงแบบฝรั่งมันให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่อย่างไร แต่ไม่เป็นไรนักดนตรีที่มาบรรเลงให้ฟังในวันนี้ก็สุดยอดฝีมือทั้งนั้น มือจะเข้ที่นำมาบรรเลงวันนี้นักศึกษาเรียกมือจะเข้ร๊อค และเล่นเพลงเดิมคือลาวแพน แต่สำเนียงจะเข้เหลือร้ายจริงๆ ผมเสียดายเวลาแทบไม่อยากไปทานข้าวอยากจะซึมซับฝีมือระดับพระกาฬ เสียดายถ้าน้องจิได้มาเรียนกับมือจะเข้ร๊อค เชื่อว่าฝีมือจะพัฒนาไปอีกมาก...

        ดร.สุกรี บอกว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราท่านได้ตรัสไว้ว่า ดนตรีช่วยขจัดความเจ็บปวดระหว่างวัน 

        ดนตรีทำให้เกิดความเอื้ออาทรต่อผู้อื่น แม้คนป่วยได้ฟังดนตรีจะช่วยให้ความไม่สบายบรรเทาเบาบางลงไปได้ การร้องเพลงคาราโอเกะก็เป็นการเอาความเจ็บปวดออกมาทางเสียง แต่ผมว่าเสียงบางคนทำให้คนอื่นป่วยนะสิ อิอิ

        ศตวรรษต่อไปจะเป็นศตวรรษของความมืดและความเงียบ เพราะคนจะหันเข้าหาธรรมชาติมากขึ้นเพราะดนตรีมันอยู่ในจักรวาล ดิน น้ำ ลม ไฟ ในธรรมชาติ ดนตรีที่อยู่ในมนุษย์ เพราะมนุษย์มีช่วงจังหวะของชีวิต กับดนตรีที่ออกมาจากเครื่องดนตรี  ดนตรีจึงสื่อถึงสันติสุขได้ เพราะเรารับอารยะธรรมทางดนตรีกันได้ เคยสังเกตไหมว่าเพลงไทยเดิมมีแต่ชื่อลาว ญวณ พม่า ฯลฯ ไม่มีชื่อเป็นไทยเลย  ท่านสรุปว่า ดนตรีเป็นรสนิยมของชาติ เป็นหุ้นส่วนของชีวิต และเป็นหุ้นส่วนของสังคม

        ถึงตอนนี้ หลวงพี่ติ๊กของผมก็ยังเก็บอาการได้เป็นอย่างดี ผมมาถามหลวงพี่ในวันที่เดินทางกลับ ในระหว่างที่ร้องเพลงกันในรถ เริ่มจากการร้องเพลงเก่าๆ เช่น เพลงครวญ หลวงพี่ติ๊กบอกว่าการฟังดนตรีที่ ดร.สุกรี นำมาแสดงนั้นเป็นการฟังเพื่อความรู้จริงๆ แต่ที่โยมร้องกันในรถทำให้อาตมานึกถึงความหลัง ฮา...

        ในรถมีกติกาให้ทุกคนร้องเพลง ร้องกันครบแล้วเหลือหลวงพี่ติ๊ก..อิอิ...พี่บุญสืบก็ถวายไมค์ หลวงพี่ติ๊กก็บอกว่าเวลาไปบิณฑบาตเวลาโยมถวายของถ้าจะไม่รับก็ปิดบาตร แต่มาวันนี้ไม่มีบาตรก็จะรับไว้ ฮา...

        ท่านเล่าให้ฟังว่าปกติก็อยู่ที่วัด มาคราวนี้โชคดีได้นอนโรงแรม..ฮา..ด้วยความเป็นพระอยากรู้ก็เปิดทุกอย่างดู ใช้ไม่ได้สักอย่าง...อิอิ...เปิดประตูห้องน้ำเจอยาสระผม..ฮา...เปิดตู้เย็นเจอไฮเนเก้นและสิงห์..ฮา...

        ท่านยังบอกโยมเพื่อนๆในรถว่าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องฉันเพล เพราะหากดูหุ่นอาตมาแม้ไม่มีอะไรฉันสามวันก็ไม่ตาย ต่อไปโยมไม่ต้องถาม....ยกมาเลย.....ฮา....

หมายเลขบันทึก: 191272เขียนเมื่อ 29 มิถุนายน 2008 23:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:14 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)

บรรยากาศการเรียนรู้เป็นไปด้วยความสุข ผมขอนั่งอมยิ้มให้กำลังใจทุกท่านอยู่ใกล้ๆครับผม

:)

สวัสดีครับ

อาจารย์ที่เล่นจะเข้ คือ อาจารย์สหรัฐ จันทร์เฉลิม ฝีมือระดับพระกาฬจริงๆ ตุ้งติ้ง แต่ดุดัน อิๆ ท่านคิดเพลง ลาวแพนลำเพลิน, แนวร็อคมันส์ๆ ก็เล่นได้ ท่านเคยมาเล่นให้ฟังที่ ร.ร. ดนตรีบ่อยๆ ครับ

ความจริงแล้ว ซอท่านก็เก่ง เปียโนก็ฝีมือไร้เทียมทาน นิ้วมือพลิ้ว หาตัวจับยาก เป็นบุญหูจริงๆ ครับที่ได้ฟังฝีมือนักดนตรีท่านนี้

โอ้ย นี่ขนาดอ่านที่ท่านอัยการเล่า ยังขำกลิ้งขนาดนี้ ถ้าอยู่ในเหตุการณ์ นะ จะขนาดไหน ว่าแต่ตอนที่หลวงพี่ฯ ท่านสำรวม หนะ แน่ใจนะคะว่าท่านไม่ได้จำวัด

อิอิ

หลวงพี่ติ๊กนี่ท่าน หากอยู่ทางเหนือชาวบ้านจะเรียก "ตุ๊จก"  พระที่พูดแล้วฮาแตกกันแบบนั้น แต่ฮาแบบมีธรรมมะนะครับ  ชาวบ้านนิยมนิมนต์ ตุ๊จก ไปเทศน์ตามงานประจำปีในหมู่บ้านต่างๆครับ (ตุ๊=พระ) ส่วนจก=? จาวเหนือช่วยอธิบายโตยเน้อ..

ตามมา ฮาๆๆๆ

ผมสบาย อยากได้รายละเอียดก็มาจิ๊กเอาที่นี่

ถ้าจะเน้นถึงนักเรียนโข่งแต่ละคนไปตามสไตล์

เรียนจบก็จะได้หนังสือ 1 เล่ม

ชื่อ ฮาแบบบัณฑูร อิ อิ

 

สวัสดีครับน้องเอก

ต้องขอบคุณน้องเอกมากๆที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับพวกเราโดยเฉพาะผมกับพ่อครูบา ไปฟังฮาจากจุดไหนมากระซิบด้วยนะ จะเอาความฮามาแบ่งปัน อิอิ

ขอบคุณครับท่าน ธ.วั ช ชั ย

ขอบคุณที่มายืนยันชื่อนักดนตรี ผมฟังที่ ดร.สุกรี แนะนำไม่ถนัดที่จดไว้ชื่อว่า อ.สารัถ แต่ไม่แน่ใจจึงไม่ระบุชื่อลงในบันทึก

ฝีมือท่านสุดยอดมากๆๆๆ ที่เป่าแคนกับเล่นซอ พอทราบไหมครับว่าชื่ออะไร(ในภาพ)

ผมยังนึกภาพน้องแป็ดในใจเลยว่า ถ้าน้องแป๊ดอยู่ด้วยคงลงไปกลิ้งน้ำหูน้ำตาไหลเป็นแน่ อิอิ

ขอบคุณพี่บางทรายที่ตามมาอ่านครับ

ผมพยายามจะสรุปบทเรียนในสไตล์อัยการชาวเกาะครับ

พยายามให้เป็นเชิงวิชาการแล้ว แต่มันออกมาอย่างนี้ทุกที..อิอิ

เสียดายที่ถูกจับแยกกันอยู่รถคนละคัน ไม่งั้นคงมีภาพผมสนทนาธรรมกับหลวงพี่ติ๊กประกอบบันทึกจากพ่อครูไปแล้ว อิอิ

สวัสดีค่ะท่านอัยการ

  • ขอตามมาเกาะรั้วรับฟังเรื่องราวจากนักเรียนใหม่ด้วยคนนะคะ  ครูพักลักจำมาสองตอนแล้ว ได้อรรถรสจริงๆ ค่ะ
  • ส่งการบ้านอาจารย์แล้ว  อย่าลืมส่งการบ้านบน G2K ด้วยนะคะ..อิ..อิ..
  • ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันค่ะ

 

สวัสดีครับ

ต้องรบกวนเล่าสุ่กันฟังตลอดไปครับ

เพราะหากผมอยู่เมืองไทย ต้องไปร่วมเรียนด้วยแน่นอน

ท่านเอกชัยบอกว่า ท่านอัครกลับมาเรียนได้

แต่คงกลับไปไม่ได้ครับ

ดังนั้นบันทึกของท่านอัยการจึงเป็นเสมือนการถ่ายทอดบทเรียนให้ผู้ที่อยุ่แดนไกลด้วย

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับคุณ dd L

ก็จะมีฮาบ้าง วิชาการบ้างสลับกันไปครับ แล้วแต่เวลาที่มีครับ แต่หัวข้อวิชาไม่มีฮาสักหัวข้อเดียว แต่มันอยู่ที่มุมมองของเรา เรามองโลกอย่างมีความสุขเราก็จะเรียนแบบสนุกครับ

ติดตามอ่านต่อไปนะครับ เพราะนศ.ที่มันๆคงไม่มีเฉพาะหลวงพี่ติ๊ก ผมค่อยเอามาเม้าท์นะครับ อิอิ

สวัสดีครับท่านเอกอัครราชฑูต

รู้สึกเป็นเกียรติมากครับที่ท่านมาแวะอ่านบันทึกของผม จะพยายามนำสิ่งที่เรียนรู้มาถ่ายทอดในที่นี้เพราะจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านครับ เสียดายแต่ว่าอ่านแต่ภาคทฤษฎีมันสู้ลงไปปฏิบัติจริงลงพื้นที่จริง เรียนรู้ของจริง ไม่ได้ แต่ผมจะพยายามถ่ายทอดสิ่งที่พบเห็นในมุมมองแบบผมนะครับ

เรียนท่านว่าอย่าคาดหวังในเชิงวิชาการกับผมมากนักนะครับ ผมประเภทลมเพลมพัดครับ อิอิ

ท่าน อัยการชาวเกาะ ครับ

ขอบคุณครับ

ขออนุญาตแก้คำเรียกให้ถูกต้องครับ ขณะนี้ผมดำรงตำแหน่ง อัครราชทูตครับ

ในสถานทูต ตำแหน่งเอกอัครราชทูตคือข้าราชการระดับซี 10 และตำแหน่งอัครราชทูตคือข้าราชการระดับซี 9 ครับ

ผมตามอ่านบันทึกของท่านอัยการเสมอครับ แต่ไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้โดยเฉพาะการชุมนุมของชาวเฮฮาศาสตร์ที่ภูเก็ต

หลักสูตรนี้ของสถาบันพระปกเกล้าน่าสนใจจริงๆ ครับ

ถือเป็นโครงการแหวกแนวของท่านเอกชัย ที่ผมเคยไปอบรมหลักสูตรผู้นำตามแนวพระราชดำริและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่คลังสมอง วปอ.เป็นรุ่นที่ 1 ซึ่งสมัยนั้นท่านเอกชัยเป็นหัวหน้าโครงการอบรมครับ

จึงทราบว่าโครงการต่างๆ ที่ท่านเอกชัยได้ทำนั้นมีคุณภาพและน่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง

ในช่วงที่อบรมที่คลังสมอง วปอ. ผมได้ทำสรุปการบรรยายไว้เกือบทุกครั้งและนำไปขึ้นเว็บ www.polpage.com ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่บอกว่าเป็นประโยชน์

ผมจึงค่อนข้างดีใจที่มีคนนำเรื่องราวมาสรุปให้คนนอกห้องได้ติดตามกัน

ผมคิดว่าความรู้เหล่านี้สามารถที่จะขยายการรับรู้ออกไปให้กว้างขวางได้ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย

ผมเห็นด้วยว่าการลงพื้นที่นั้นได้ประโยชน์มากโดยเฉพาะการอยุ่ท่ามกลางธรรมชาติและมีการเปิดใจกันให้มากที่สุด นั่นคือการเรียนในสมัยระพินนารถ ฐากอร์ทีเดียวครับ

ผมได้แนะนำท่านเอกชัยด้วยว่า หากจะให้การอบรมมีมิติที่กว้างอาจจะจัดให้นักศึกษาไปทัศนะศึกษาที่อินเดียด้วยครับเพราะอินเดียจะเป็นที่ที่จะกระชากจิตวิญญานได้ดีที่สุดแห่งหนึ่ง

จากประสบการณ์ที่ไปอบรมที่คลังสมอง วปอ. มีข้อหนึ่งที่คิดว่าสำคัญนั่นคือการระดมสมองของนักศึกษาครับ ซึ่งสำคัญมาก

และมักจะมีเวลาไม่มากนัก

ขอบคุณอีกครั้งหนึ่งครับที่พยายามจะนำมาเสนอ

เพียงแค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้วครับ

 

 

 

ตามมาอ่านค่ะ สนุก อ่านจบไม่รู้ตัวค่ะ อิๆๆๆ

    ตามมาเก็บเกี่ยวความรู้ครับ

สนุกมากครับ เห็นบรรยากาศการแลกเปลี่ยนชัดเจนครับ

  • แงๆๆ ท่านอัยการน่าจะใช้กล้อง
  • อัดเสียง
  • มาให้พวกเราฟัง
  • อดฟังเลย
  • ฮือๆๆๆๆ
  • แต่หลวงพี่ไม่ธรรมดาจริง
  • แสดงว่าตอนเช้าท่านไม่ต้องไปทำงานสายการบิน
  • (หมายถึงบิณฑบาตรครับ อย่างงๆๆๆ) ฮาๆๆ

ท่านอัครราชฑูตครับ

รับทราบครับ

ผมก็คาดหวังลึกๆว่า หลักสูตรนี้จะได้หัวกะทิที่จะช่วยปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาความรุนแรงอันเกิดจากความขัดแย้งในมิติต่างๆ และสามารถมัดใจนักศึกษทั้งรุ่นให้ทำงานเป็นทีมอย่างมีประสิทธิภาพครับ

สวัสดีครับพี่ศศินันท์,คุณสิงห์ป่าสัก,อ.ภูคา

ขอบคุณที่แวะมาทักทาย ในบันทึกชุดนี้จะมีความรู้มากมายเกี่ยวกับการป้องกัน การแก้ปัญหา ความขัดแย้งและความรุนแรงในสังคม เพราะผมพยายามจะถอดบันทึกของอาจารย์มาเล่าสู่กันฟังแบบธรรมชาติไม่เน้นทฤษฏีอะไรให้มากมาย เพราะการแก้ปัญหาเหล่านี้บางทีมันก็ไม่มีทฤษฏีมาให้วิเคราะห์ เพียงแต่ใช้ใจก็อาจจจะสำเร็จแล้วครับ

อ.ขจิต ครับ

ความจริงมุขนักบินผมกะจะเก็บไว้ตอนต่อไป อิอิ

ที่มาจากภาคใต้มีพี่ประสิทธิ์ เมฆสุวรรณ เป็นผอ.โรงเรียนท่านก็บอกว่าดูตามโปรแกรมต้องบินขึ้นมาเรียนทุกอาทิตย์ ค่าใช้จ่ายก็สูง บินบ่อยๆผมก็อาจจะบินได้เอง

พอถึงคราวหลวงพี่ติ๊ก ท่านก็แซวพี่ประสิทธิ์ว่า โยมประสิทธิ์ถ้าจะบิน อย่างเก่งก็แค่ co-pilot แต่อาตมานี่สิน นักบิณตัวจริง เพราะต้องออกบิณฯทุกวัน ฮา...

สวัสดีเจ้าค่ะ ลุงอัยการ

ว้าวววววว พระเจ้าจ๊อด!! คิคิ อยากเล่นจะเข้เก่งๆมั่งจัง ตอนนี้น้องจิเรียนจะเข้ ซอสามสาย ขิม อยู่เจ้าค่ะ โย่วๆๆ คิดถึงลุงที่สู๊ดดดดดด รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ ---->น้องจิ ^_^

หวัดดีน้องจิ

ตอนนี้ยังอยู่ในห้องเรียนอยู่ อิอิ อาจารย์กำลังจะเริ่มบรรยายแล้ว บ๊ายบาย..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท