เรามาต่อกันที่ความไว้วางใจที่ว่าเป็นความสัมพันธ์ระหว่างของสองฝ่ายทั้งระดับบุคคลและทางสังคม ที่ฝ่ายหนึ่งมีความคาดหวังในทางบวกจากพฤติกรรมของอีกฝ่ายหนึ่งและมันยังขึ้นอยู่กับการตอบสนองของอีกฝ่ายหนึ่งด้วย นอกจากนี้มันยังเกี่ยวกับผลลัพธ์ ผลประโยชน์ที่คาดหวังจากอีกฝ่ายหนึ่งด้วยว่ามันคุ้มหรือไม่ ถ้าคุ้มความไว้วางใจก็อาจจะมีมาก และมันยังขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคนที่เราจะให้ความไว้วางใจด้วย อาจารย์ยกตัวอย่าง ของการให้กู้ยืม ถ้าเราไม่ไว้ใจคนกู้เราจะให้เขายืมไหม..อืมม์ ผมว่าเข้าใจง่ายดี อิอิ เพราะฉะนั้นจึงพิสูจน์ว่า ความไม่ไว้วางใจก็คือการคาดหวังต่อการแสดงออกของฝ่ายอื่นในทางลบ ใช่บ่.... แล้วมันมีที่มายังไง ไอ้เจ้าความไว้วางใจนี่...เฉลยว่ามันมีที่มา ๒ ประเภท คือ ความไว้วางใจที่เกิดจากความสัมพันธ์ใกล้ชิด และความไว้วางใจที่ไม่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ใกล้ชิด ความไว้วางใจที่เกิดจากความสัมพันธ์ใกล้ชิด เช่น ผู้หญิงผู้ชายรู้จักกันใหม่ โดยผู้ชายไปจีบผู้หญิง ผู้หญิงยังไม่รู้จักดี ผู้ชายแตะมือนิดหนึ่งก็หลบเลี่ยง พอรู้จักกันสักพักหนึ่งก็จับมือได้ แล้วก็ค่อยเริ่มเป็นกอดนิดหนึ่ง แล้วต่อเป็นหอมแก้มอีกนิด....พอแล้ว อย่าจินตนาการมาก... เราจะเห็นว่ายิ่งไว้ใจมากก็ใกล้ชิดมาก ฮ่าๆ..นี่ผมอธิบายของผมเอง ทางวิชาการเขาบอกว่ามันเป็นลักษณะของความไว้วางใจในแบบของสังคมประเพณี ที่อาศัยความรู้จัก ความคุ้นเคย การเป็นพวกเดียวกัน หรือมีบางสิ่งบางอย่างร่วมกัน พอหาลักษณะร่วมกันได้ความไว้วางใจก็เกิดขึ้นได้ง่าย ผมยกตัวอย่างของผมอีกนะ...เวลาเราไปอยู่ต่างจังหวัด แล้วรู้ว่าที่นี่มีศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนที่เราเคยเรียน และได้รู้จักกันกัน เราจะไว้วางใจเขามากกว่าคนอื่น ถูกไหม....และความไว้วางใจแบบนี้จะมีความสำคัญมากกว่า จึงยืดหยุ่นมากกว่าเพราะหากแม้จะผิดหวังบ้างแต่ก็ยังมีสิ่งยึดเหนี่ยวให้คงความสัมพันธ์ต่อไปได้ ความไว้วางใจที่ไม่ได้มาจากความสัมพันธ์ใกล้ชิดหรือจะเรียกว่าเป็นแบบพันธะสัญญา ซึ่งเป็นเรื่องของสังคมสมัยใหม่ เป็นเรื่องของการคาดหวังผลลัพธ์จากการให้ความไว้วางใจ มาจากการประเมินว่าจะได้อะไรจากความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น แล้วมันก็ยังขึ้นอยู่กับกติกาและบรรทัดฐานที่ยึดติดในสังคม ทำให้เราทำนายได้ว่าจะเป็นไปตามที่คาดหวังหรือไม่ และคนที่จะทำตามสัญญาก็จะขึ้นอยู่กับความคิดของเขาที่คิดว่าจะได้รับผลประโยชน์ใดๆหรือไม่จากการรักษาคำพูด ซึ่งมันจะเป็นความไว้วางใจในสถาบันหรือองค์กรทางสังคมรวมไปถึงธุรกิจด้วย นอกจากนี้กติกาหรือบรรทัดฐานยังต้องประกอบไปด้วยกับกลไกที่สามารถบังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหมายถึง ความสามารถที่จะทำนายได้ว่าพฤติกรรมของคนจะเป็นไปตามครรลองที่คาดเดาได้ อาจารย์บอกว่าในทางปฏิบัติ ความไว้วางใจอาจมีที่มาหลายทาง การวิเคราะห์การเกิดขึ้นของความไว้วางใจ จึงควรตรวจสอบที่มาของความไว้วางใจหลายทางพร้อมๆกัน แล้วที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ความไว้วางใจบกพร่องไปในส่วนไหนมากที่สุด คิดหรือยัง หึหึ... เงื่อนไขที่ทำให้เกิดความไว้วางใจ บุคลิกภาพ/เงื่อนไขทางสังคม/จิตวิทยา คนเราจะเป็นคนที่ไว้ใจคนอื่นได้ง่ายหรือไม่ บุคลิกภาพก็มีส่วนเพราะลักษณะนิสัยหรือการแสดงออกของบุคคลซึ่งอาจจะมาจากการเลี้ยงดูและการกล่อมเกลาทางสังคมให้เป็นคนแบบใดแบบหนึ่ง ประสบการณ์ส่วนตัวก็เป็นตัวสร้างเสริมให้เกิดการหล่อหลอมบุคลิกภาพด้วย เงื่อนไขทางสังคม เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นได้และเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะสร้างความไว้วางใจในระดับองค์กร โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการสื่อสารเป็นเงื่อนไขที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ง่ายกว่าทั้งไว้วางใจและไม่ไว้วางใจ (การพูดไม่เข้าหูคนบางทีก็ทำเอากระเจิดกระเจิงได้เหมือนกัน อิอิ) บทบาทขององค์กรหรือหน่วยงานหรือแม้แต่ระดับบุคคลที่ไม่มีความชัดเจนก็จะมีผลต่อความคาดหวังที่ไม่ตรงกับบทบาท และในที่สุดแล้วผู้ที่สวมบทบาทนั้นไม่สามารถบรรลุความต้องการของผู้คาดหวังได้ ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจได้ง่าย แนวจิตวิทยา ท่าทีของฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาเป็นเรื่องง่ายๆแต่มีความสำคัญ เพราะเป็นความประทับใจเบื้องต้นที่จะเปิดไปสู่การเปิดรับความสัมพันธ์ที่ดี โดยการแสดงความจริงใจ รักษาคำพูด รวมไปถึงความอาทรห่วงใย (ไม่ใช่เขาพูดอะไรก็สวนกลับทันทีด้วยกิริยาวาจาของผู้ที่ถืออำนาจอยู่ในมือ อิอิ หรือปากว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแต่การจะจัดกระบวนรัฐมนตรีต้องโฟนอินก่อน ๕๕๕...) ตัวอคติมันไม่ได้เกิดขึ้นเองแต่มันถูกสร้างขึ้นมาโดยผ่านการหล่อหลอมจากครอบครัว การศึกษา กลุ่มเพื่อนฝูง สื่อมวลชน อคติก็คือการรับรู้เกี่ยวกับผู้อื่นที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง อาจารย์ยืนยันว่า สังคมที่ไม่ยอมรับความแตกต่างทางวัฒนธรรมย่อมมีแนวโน้มไปสู่การมีอคติได้ง่ายกว่า สรุปบทเรียนในเรื่องเงื่อนไขการไว้วางใจ เงื่อนไขที่ทำให้คนทำตามสัญญา การกลัวผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับตนหากไม่รักษาสัญญาหรือกลัวถูกลงโทษ การคาดหวังผลประโยชน์ การมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคู่สัญญาหรือความรัก ความเอื้ออาทร ความเป็นพวกเดียวกัน เงื่อนไขที่ทำให้ไว้วางใจ ความคุ้มค่าความเสี่ยง ซึ่งอาจมาจากการพึ่งพาต่ออีกฝ่ายได้ พฤติกรรมที่ผ่านมา การค้ำจุนสัญญาด้วยความสัมพันธ์ที่หลากหลาย เงื่อนไขแวดล้อมความไว้วางใจ ความไว้วางใจไม่ได้อยู่ในสุญญากาศ แต่อยู่ท่ามกลางเงื่อนไขอื่นๆในสังคม เช่น สภาพแวดล้อมทางการเมืองและสังคม ความไว้วางใจขึ้นอยู่กับระบบการตรวจสอบด้วย หรืออาจจะมีกลไกที่ทำให้แต่ละฝ่ายวางใจได้ การไว้ใจจึงไม่ได้หมายความว่าไม่มีข้อสงสัย แต่ข้อสงสัยนั้นไม่เกินความเสี่ยงที่แต่ละฝ่ายยอมรับได้ ความไว้วางใจมีข้อจำกัดในตัวเอง โดยเงื่อนไขของเวลา(อดีตและอนาคตเป็นสิ่งที่เข้าไม่ถึง) และความเฉพาะเจาะจงและความแปรเปลี่ยนของสรรพสิ่งตลอดเวลา ไม่ใช่ปัญหาของบุคคล เหตุการณ์และสถานการณ์บางอย่างอาจมีนัยยะทำให้เกิดการสูญเสียความไว้วางใจชั่วคราว แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไปก็อาจปรับเปลี่ยนได้ เช่น ภาวะความรุนแรงบางขณะ นโยบายรัฐในบางช่วง ความสัมพันธ์ทางสังคมบางอย่าง(การคบหาสมาคม)เป็นพื้นฐานที่เอื้อให้เกิดความไว้วางใจและส่งผลให้ชุมชนหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงได้ มันชักจะยาวอีกแล้วพระเดชพระคุณ แต่ที่ทำอย่างนี้เพราะนึกถึงท่านที่ไม่เป็นนักเรียนร่วมห้อง เพราะถ้าใส่แต่หัวข้อท่านก็คงจะอ่านแบบงงๆแล้วก็พาลให้ไม่ใส่ใจบทเรียน จึงขอจบตอนหน้าแล้วกันนะ จนได้.....
-สวัสดีค่ะ
-มาเรียนรู้เรื่องเงื่อนไขการไว้วางใจ
-มาบอกว่าพี่สาวเคยอยู่กองบังคับคดี ค่ะ
-ชื่อสุชาดา แล้วย้ายตามสามีไปอยู่สงขลา
- สวัสดีค่ะ พี่อัยการชาวเกาะ
- แวะมาอ่านอย่างตั้งใจ เพื่อนำไปประยุกต์กับการทำงานค่ะ
- ขอบคุณค่ะ
สวัสดีคะท่านอัยการ..
ไม่มาทักทายหลายวัน
ไปอมรม..กำลังหัวปั่น
ใกล้จบแระ
เด๋วจะมาทักทายใหม่นะคะ
อันว่าความรู้..ต้องค้นคว้าเอาทุกวิถีทาง.จึงจะได้มา..ท่วมตัว.นะคะ
สวัสดีครับครูต้อย
ยินดีที่มีญาติอยู่ในแวดวงครับ
สวัสดีครับคุณ tiya
ยินดีที่ใฝ่เรียนรู้ครับ และรับรองว่านำเอาไปใช้ได้หลายงานครับ
สวัสดีครับคุณคนพลัดถิ่น
ยินดีที่แวะมาอ่าน เยี่ยมเยือนและทักทาย ครับ อิอิ
สวัสดีครับคุณวลาวัณย์
ยินดีที่ใกล้จบแระ...ความรู้ท่วมยังดีกว่าน้ำท่วมเนอะ...อิอิ
สวัสดีครับน้องอ้อยควั้น
ภูเก็ตไม่ค่อยตกเท่าไหร่เลย เมื่อวานตกตอนบ่ายนิดหน่อย
ขอบคุณที่ห่วงสุขภาพ เพราะเมื่อวานจามอยู่ สงสัยว่าใครคิดถึง เอิ้กๆ
มีโปรแกรมลงใต้เดือน มกรา-กุมภา วันที่แน่นอนจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะ...
ขอให้น้องมีความสุข ปลอดภัย ครับ
สวัสดีค่ะท่าน
มาเยี่ยมค่ะ
สวัสดีครับ Col.boonyarit
เห็นด้วยครับว่ากายภาพภายนอก มีผลต่อการไว้วางใจ เช่น คนเราเห็นหน้ากันครั้งแรกอาจจะไม่ถูกชะตากัน มันก็ส่งผลต่อการไว้วางใจครับ กำลังเขียนตอนต่อไปอยู่ครับใกล้เสร็จแล้ว
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ
สวัสดีครับ MSU-KM :panatung~natadee
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ