บันทึกให้ลูกสาว๒


ถ้าเหตุเกิดจากความไม่ใส่ใจรักษาผู้ป่วยผมเห็นด้วยกับการเรียกร้องค่าเสียหาย แต่กรณีไม่ได้ตั้งใจเพราะขาดประสบการณ์ หรือเพราะจำเป็นต้องรักษาไปเนื่องจากไม่มีทางเลือกแม้จะรู้ว่าต้องเสี่ยงก็ตาม กรณีเช่นนี้ ไม่ควรที่จะให้หมอถูกฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายหรือถูกดำเนินคดีอาญาในความผิดฐานกระทำโดยประมาทฯเลยแม้แต่น้อย

        ก่อนลูกสาวผมคลอด ระหว่างรอคุณแอ๊ดปวดท้องเข้าห้องคลอด ผมก็ถือโอกาสบันทึกเรื่องราวการรอคอยลูกสาวคนนี้ ดังนี้ครับ

        ลูกครบกำหนดคลอดตั้งแต่วันที่ ๒๐ พ.ย.๒๕ แต่ถึงวันเข้าจริงๆลูกก็ยังไม่อยากออกมาดูหน้าแม่-พ่อ จนถึงเมื่อวานนี้ ตอนหัวค่ำ แม่บอกพ่อว่ามีมูกเลือดออกมาและก็พอดีฝนตก ไฟฟ้าดับ รถของพ่อก็ยังซ่อมไม่เสร็จจึงต้องไปยืมรถของผู้จัดการบริษัทไทยประกันชีวิตให้ช่วยเพื่อเอารถไปตามลุงอ้น และให้ลุงอ้นไปตามป้านวล แล้วพ่อก็ขับรถของผู้จัดการเอามาคืน รอลุงอ้น ป้านวล แล้วให้ลุงอ้นพาพ่อกับแม่ไปโรงพยาบาล ปรากฏว่าเรามาถึงตึกคลอดเป็นเตียงแรก พอตกดึกก็เพิ่มอีก ๓ คนและผลปรากฏว่าคนที่มาทีหลัง ๓ คน คลอดเสร็จหมดแล้วยังเหลือแม่เพียงคนเดียวตามเดิม

ในตอนเช้า ทั้งหมอและพยาบาลก็คาดกันว่า ลูกคงจะคลอดราว ๑๐-๑๑ โมง ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลานั้น ลูกก็ยังไม่คลอด แต่ก็เริ่มอาละวาด พอตกเที่ยง หมอก็เข้ามาตรวจดูอาการแล้วบอกว่า ราวบ่ายๆ ปรากฏว่าพ่อก็รออีก ลูกก็ยังไม่คลอด หลังเที่ยงมีคนมารอคลอดอีกคน พอตอนบ่ายติดตอนเย็นก็คลอด แต่ไม่ใช่แม่หรอก คนที่มาหลังสุดนั่นแหละคลอดก่อนอีก...ผลปรากฏว่า ๔ รายที่มาตึกคลอดหลังแม่ เขาได้ลูกชาย ๒ คน ลูกสาว ๒ คน แต่ลูกจะเป็นหญิงหรือชายก็ยังไม่รู้ เราก็ต้องรอกันต่อไป แต่แม่ของลูกก็เจ็บขึ้นเรื่อยๆ ก็พอมีเค้าว่าจะคลอดในคืนนี้ พ่อเองได้นอนจากเมื่อคืนจนถึงขณะที่เขียนบันทึกนี้ ได้นอนไม่เกินสี่ชั่วโมง จาก ๒๔ ชั่วโมง ก็รู้สึกง่วงซึมไปบ้างเหมือนกัน ถ้าให้โอกาสพ่อหลับ ก็คงหลับปุ๋ยไปนานแล้ว

พ่อเริ่มบันทึกต่อเป็นเวลา ๐๔.๒๐ น. ของวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๒๕ เพราะแม่ต้องเข้าผ่าตัดทำคลอด ขลุกขลักอยู่นิดหนึ่งตรงที่ต้องหาเลือดกรุ๊ฟเอ หาลุงอ้น เอามาเช็คปรากฏว่าเป็นกรุ๊ฟบี ของลุงอ๊อดเป็นกรุ๊ฟบี เลยลองดูของน้าน้อยและของป้าหงวด ปรากฏว่าเป็นกรุ๊ฟเอ เลยได้มา ๒ ขวด หมดปัญหาไป ปรากฏว่าลูกออกจากท้องแม่เมื่อเวลา ๐๓.๑๓ น. ออกมาแล้วก็ต้องพาลูกมาล้างตัวที่ตึกสูติกรรม ส่วนแม่อยู่ที่ตึกผ่าตัด ขณะที่พ่อนั่งบันทึกนี้ แม่ยังอยู่ในห้องผ่าตัด เพราะหมอทำผ่าตัดไส้ติ่งไปพร้อมกันทีเดียว ใช้เวลาในการผ่าตัดทำคลอด ทำหมัน ตัดไส้ติ่ง ๒ ชั่วโมงพอดี

เมื่อพาแม่กลับมายังตึกสูติกรรมชั้นบน ปรากฏว่าเล็บมือเล็บเท้าของแม่เริ่มเขียวเพราะขาดออกซิเจน พ่อรีบไปตามพยาบาล คุณหมอกับพยาบาลที่ช่วยผ่าตัดทำคลอดแทบทุกคนก็รีบมาดูอาการของแม่ด้วยความเป็นห่วง ในที่สุดก็ต้องให้ออกซิเจน ช่วยให้แม่หายใจ แต่ตอนนั้นแม่มีอาการหนาวสั่น ต้องใช้กระเป๋าน้ำร้อนถึง ๓ ใบช่วยประคบจนแม่หายเป็นปกติ มีแต่อาหารปวดแผลทั้งภายนอกและภายใน จนเวลา ๙ โมงเช้าพ่อถึงได้กลับบ้านไปนอน สั่งความให้ลุงอ้นไปช่วยซื้อของ และให้ป้านุ้ยไปช่วยดูแลแม่แทน แล้วก็หลับไม่รู้สึกตัวว่าลุงอ้นกลับมาบ้านเมื่อไร และป้านุ้ยไปโรงพยาบาลตอนไหน มารู้สึกตัวเอาราวเที่ยง

ผมจบบันทึกของวันที่ ๒ ธ.ค.ไว้แค่นี้ แต่ที่ผมไม่ได้บันทึกไว้ในบันทึกเล่มนี้ก็คือ การที่คุณแอ๊ดต้องเข้าผ่าตัดเพราะน้องนิวอยู่ในท่าขวาง จำเป็นต้องผ่าตัด คุณหมอก็มือใหม่แต่มีความปรารถนาดีที่มาช่วยดูแลทำคลอดให้ เพราะคุณหมอที่คุณแอ๊ดฝากท้องมีความจำเป็นต้องไปเข้าร่วมประชุมที่กรุงเทพมหานคร ระหว่างนั่งรอการผ่าตัด ความจริงผมได้รับอนุญาตให้เข้าไปดูการผ่าตัดก็ได้ แต่ผมคิดว่าไม่ควรเข้าไปวุ่นวายดูอยู่ข่างนอกก็พอเพราะเป็นห้องกระจก แต่คิดว่าแค่นี้ก็ได้ภาพวินาทีสำคัญแล้ว แต่ก็เกิดเหตุที่กล้องมีปัญหาดังที่เล่าให้ฟัง หลังจากนั้นผมนั่งคุยกับพี่พยาบาลว่า พี่ ที่นี่เคยลืมของในท้องคนไข้บ้างไหม พี่เขาบอกว่า ไม่เคยมีเลยน้อง แต่ถ้ามีของน้องแอ๊ดจะเป็นคนแรก แล้วเราก็หัวเราะกันสนุกสนาน

หลังจากคลอดสองสามวัน คุณแอ๊ดก็เริ่มมีอาการท้องอืด ต้องสวนสายยางทางจมูกลงไปดูดน้ำออกมา หลังจากนั้นอีกวันสองวันคุณแอ๊ดบอกผมว่าผิดสังเกตที่ลิ้นปี่ให้ผมเอามือคลำดู ผมรู้สึกเหมือนกับมีอะไรหยาบติดอยู่ คุณแอ๊ดเริ่มมีอาการไข้ จึงปรึกษากับหมออาวุโส ท่านสั่งเอกซ์เรย์ ในที่สุดก็พบว่ามีผ้าก็อซค้างอยู่ข้างใน ผมทราบข่าวขณะที่กำลังว่าความอยู่ คุณหมอที่ทำคลอดโทร.มาขอโทษ บอกว่าจำเป็นต้องผ่าตัดซ้ำ ผมบอกว่าจัดการได้เลยครับคุณหมอ ผมจะไปเซ็นอนุญาตเดี๋ยวนี้เลย แล้วก็ขออนุญาตศาลเลื่อนคดี บึ่งไปโรงพยาบาล ทราบว่าคุณหมอไม่ยอมทานข้าวด้วยความเสียใจ ผมไปพบคุณหมอบอกกับคุณหมอให้กำลังใจว่าคนเรามันผิดพลาดกันได้ ผมทราบดีว่าคุณหมอไม่ได้ตั้งใจขอให้สบายใจได้ผมไม่เรียกร้องใดๆทั้งสิ้น

ผมไม่ได้บันทึกเรื่องนี้ลงในบันทึกเล่มนั้น เพราะไม่อยากให้คนที่เข้ามาอ่านมีความรู้สึกไม่ดีต่อการทำงานของหมอและพยาบาล แต่ที่มาเขียนที่นี่ก็เพราะเห็นว่าหมอและพยาบาลถูกฟ้องร้องกันเยอะเหลือเกิน ด้วยเข้าใจว่าหมอและพยาบาลต้องรับผิดชอบหากรักษาพ่อแม่ญาติพี่น้องเขาให้หายไม่ได้ รวมไปถึงกรณีเกิดความผิดพลาดในการรักษาพยาบาลจนทำให้คนไข้ย่ำแย่ ถ้าเหตุเกิดจากความไม่ใส่ใจรักษาผู้ป่วยผมเห็นด้วยกับการเรียกร้องค่าเสียหาย แต่กรณีไม่ได้ตั้งใจเพราะขาดประสบการณ์ หรือเพราะจำเป็นต้องรักษาไปเนื่องจากไม่มีทางเลือกแม้จะรู้ว่าต้องเสี่ยงก็ตาม กรณีเช่นนี้ ไม่ควรที่จะให้หมอถูกฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายหรือถูกดำเนินคดีอาญาในความผิดฐานกระทำโดยประมาทฯเลยแม้แต่น้อย เพราะเขามีจิตวิญญาณของความเป็นหมอและพยาบาลที่แท้จริง ผมไม่ฟ้องเรียกค่าเสียหายด้วยความเข้าใจหมอและพยาบาล จนกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน จนเดี๋ยวนี้เขากลายเป็นหมอที่มีชื่อเสียงแล้ว

ผมถอดบทเรียนได้ว่า คนเราผิดพลาดกันได้ แต่ต้องเอาความผิดพลาดเป็นบทเรียนเพื่อให้เกิดความระมัดระวังจะได้ไม่ทำผิดซ้ำ.....

หมายเลขบันทึก: 255574เขียนเมื่อ 15 เมษายน 2009 09:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)
  • สวัสดีครับ
  • อิจฉาภรรยาท่านจริงได้สามีที่สุดยอด
  • ท่านเป็นสามีและพ่อที่สมบูรณ์แล้วครับ
  • ท่านอัยการครับ
  • ท่าทางน้องนิว
  • ซนมาตั้งแต่เกิด
  • ฮ่าๆๆๆๆ
  • ดูนะจะออกมายังขวางตัวเล่นซะงั้น
  • ลูกใครหว่า
  • อิอิๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

สวัสดีครับท่านเบดูอิน

ภรรยาผมอาจไม่นึกอย่างท่านก็ได้ อิอิ

อิอิ อ.ขจิต

น้องนิวพูดเก่ง ยังสงสัยว่าถ้า อ.ขจิต กับน้องครูปูและน้องจิ เจอกับน้องนิว ใครจะชนะ ฮิ้ว....

กราบขอบพระคุณท่าน ผอ.ประจักษ์ สำหรับภาพงามๆที่ทำให้จิตใจสงบในช่วงสงกรานต์ครับ

ท่าน ผอ.คงมีความสุขกับลูกหลานในวันสงกรานต์และวันครอบครัวนะครับ น้องม่อนหล่อวันหล่อคืนเหมือนคุณตากระมังครับ อิอิ

ใครจะโชคดีมีคุณพ่อแบบนี้อีกละคะ

สุขสันต์วันสงกรานต์อีกครั้ง ด้วยดอกไม้งามๆค่ะ

 

+ สวัสดีค่ะ....ท่านอัยการชาวเกาะ

+  วันนี้มาอยู่เวรที่ ร.ร. ค่ะ ...ก็เลยได้โอกาสใช้เน็ตที่ทรงพลังน้อยนิดของ ร.ร...อ่านบันทึกของท่านย้อนหลัง......จนมาถึงปัจจุบัน

+ ดีจังค่ะ...ได้อ่านเรื่องย่อดงผู้ดีด้วย.....

+ ในฐานะที่เป็นผู้หญิง...การเจ็บท้องคลอดเป็นอะไรที่สุด ๆ ค่ะ...ยากต่อการบรรยาย....นี่ภรรยาท่านเจ็บท้องคลอดยาวนานแบบนี้....สุดยอดแห่งคุณแม่จริง ๆ ค่ะ...

+ อ่านบันทึกถึงเรื่องราวของหมอ...แล้วประทับใจค่ะ....การคิดบวกบนเหตุบนผล...มักได้รับผลตอบแทนที่สวยงามเสมอค่ะ..."มิตรภาพ".....

+ เมื่อวันที่ 12 เม.ย. 52  อ๋อยไปเยี่ยมป้าโอ๋...ก็อดพูดถึงท่านไม่ได้ค่ะ....ป้าโอ๋บอกว่าท่านเป็นคุณพ่อที่ละเอียดอ่อนมากค่ะ....

+ วันนี้พ่อสัมของแอมแปร์ ( เป็นนิติกร อบจ. จังหวัดหนึ่ง) มาส่งอ๋อยที่ ร.ร.  ก็เลยเปิดบันทึกของท่านให้อ่าน(หลังจากที่เล่าให้ฟังคร่าวๆมาก่อน)...อ่านทุกตอนที่เขียนบันทึกถึงลูกชายและลูกสาว....

+ อยากบอกท่านว่าบันทึกของท่านเป็นกำลังใจที่ดีงามให้กับพ่อสัมเป็นที่สุด...เพราะอาชีพอัยการ  หรือ  ผู้พิพากษา เป็นอาชีพที่พ่อสัมปราถนา...ทั้งนี้เพราะการทำงานให้กับพวกข้าราชการการเมืองบั่นทอนจิตใจพ่อสัมมาก...เพราะเราต้องใช้กฏหมายรับใช้นักการเมืองมากกว่ารับใช้ประชาชนและประเทศชาติ....ต้องหาช่องโหว่ของกฏหมายมาเพื่อแก้ข้อกล่าวหาของ สตง. ทั้ง ๆ ที่นิติกรก็รู้ว่านักการเมืองเหล่านี้ทำผิด...แต่ก็ทำอะไรไม่ได้...เพราะเราเป็นข้าราชการประจำ....ดูเหมือน 2 ปีที่พ่อสัมไปเป็นนิติกรที่จังหวัดนี้...ทำให้สุขภาพจิตพ่อสัมแย่ลงมาก...ข้อกล่าวหาก็เยอะ...แก้กันไม่หวาดไม่ไหว....

+ เวลาจะอ่านหนังสือก็ไม่มี...เพราะในความเป็นจริงต้องอ่านหนังสือให้ได้วันหนึ่งอย่างน้อย  8 - 10 ชั่วโมง...ถึงจะมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการสอบอัยการ หรือผู้พิพากษา(อันนี้กล่าวอ้างตามคำพูดท่านคำปุน  ผู้พิพากษาหนุ่มแห่งศาลสงขลานะค่ะ...)

+ พ่อสัมก็เลยขอย้ายกลับมาเป็นนิติกร เทศบาลเล็ก ๆ ซึ่งตอนนี้ท่านนายยกเซ็นอนุมัติย้ายแล้ว...รอเข้า ก.จังหวัดก็คงไม่มีปัญหาอะไรค่ะ....ที่เล็ก ๆ การโกงกินก็เล็ก ๆ ...ทำให้นิติกรอย่างพ่อสัมมีความสุขในการทำงานมากขึ้น....ที่สำคัญมีเวลาอ่านหนังสือมากขึ้นค่ะ...โดยที่เวลาในการเล่นกับลูกไม่ได้ขาดหายไป...

+ นึกถึงที่ท่านบันทึกถึงลูกชายว่าเวลาท่านจะอ่านหนังสือ...ลูกชายก็จะทำตามด้วย...จะขีดเขียนตามด้วย...เห็นภาพชัดมากเลยค่ะ...แอมแปร์ก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ...พอพ่อสัมปิดห้องจะอ่านหนังสือ...แอมแปร์ก็เรียก...และเข้าตามพ่อสัมไปด้วย...ขี่คอบ้าง...กินพุงขาวกันบ้าง...กินหลังเขียวกันบ้าง...จนสมาธิพ่อสัมเตลิดค่ะ...พอลูกหลับพ่อสัมก็หลับตาม....

+ แต่บันทึกของท่านย้ำเตือนให้พ่อสัมมั่นใจว่า...การมีครอบครัวก็ไม่ใช่อุปสรรคมากมายจนทำให้ความฝันที่หวังจะเป็นไปไม่ได้...เพราะท่านอัยการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า..."ทำได้"......

+ ขอบคุณมากมายค่ะ....แล้วจะรอบันทึกถึงลูกชายและลูกสาวต่อไปค่ะ....

สวัสดีครับท่าน อัยการ แวะไปลานปัญญามาแล้ว เข้าไม่ได้ ช่วยแนะนำด้วย

(หมายเหตุขอทักทาย น้องแอมแปร์ ครูอ๋อยด้วยด้วยครับคิดถึง)

สวัสดีครับ น้องปอร์กะนุก

ขอบคุณที่แวะมาทักทายครับ

สวัสดีครับคุณศิริวรรณ

เมื่อไหร่จะมาเยี่ยมบ้านครับ

สุขสันต์วันสงกรานต์เช่นกันครับ

สวัสดีครับน้องแอมแปร์

คุณพ่อเป็นนิติกรก็ดี อปท.ก็ดีครับได้ใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ แต่ก็อย่างว่าแหละครับ คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก เรารู้เราเห็นอะไร เรารู้ว่าผิดหรือถูก เราไม่ไปหลงไหลได้ปลื้มกับสิ่งที่เขาประเคนให้ เรารู้เราระวังตลอดเวลา สิ่งไหนที่พันมาถึงตัวก็อย่าไปทำ เพราะถึง

เวลาแล้วเขาก็จะโยนใส่เราอยู่ดี

ผมไม่เคยเป็นนิติกร เป็นทนายความมาก่อน หัดว่าความเพียงแค่ ๖ เดือนก็เปิดสำนักงานเอง สู้ชีวิตด้วยตนเองจนมีชื่อเสียง สาระสำคัญก็คือไม่ว่าจะทำงานที่ใดถ้าถูกว่าไปตามถูก ผิดว่าไปตามผิด แต่สิ่งที่ได้คือประสบการณ์ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นอัยการหรือผู้พิพากษาเมื่อทำคดีที่เกี่ยวข้องกับคนเหล่านี้เราจะรู้หมดว่าทางหนีทีไล่อยู่ตรงไหน

ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ผมอ่านหนังสือมาก ว่างก็อ่าน ค้นข้อสอบเก่าของหน่วยงานมาอ่าน สอบอัยการก็หาอัยการนิเทศและวารสารอัยการมาอ่านเพิ่มเติม สอบผู้พิพากษาก็อ่านดุลพาห และคำพิพากษาศาลฎีกา เยอะ ดูคำพิพากษาฎีกาแปลกๆ จำให้ขึ้นใจและถ้าเป็นไปได้หาฉบับเต็มมาอ่านจะได้เข้าใจลึกซึ้ง

บทความที่แต่ละองค์กรเขียนที่ผมแนะนำให้ความสนใจก็เพราะ ผู้เขียนมักจะเป็นนักวิชาการของหน่วยงาน เวลาออกข้อสอบก็มาจากพวกนักวิชาการนี่แหละครับ

เป็นกำลังใจให้คุณพ่อน้องแอมแปร์ประสบความสำเร็จในสิ่งที่หวังครับ ขอให้ตั้งใจ ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน และเชื่อว่าตัวเองทำได้ สำเร็จแน่นอนครับ

บังวอญ่าครับ

ขอข้อมูลนิดครับว่าที่เข้าไม่ได้มันฟ้องว่าพันพรือ

ถ้ารอนานแล้วมันไม่เข้า ก็ให้คลิ๊กขวา แล้วเลือก "รีเฟรช" คลิ๊กอีกที ก็น่าจะได้ครับ

อ่านบันทึกนี้แล้ว รู้สึกว่าแม้ไม่ได้เป็นคนคลอดเอง คุณพ่อก็รับรู้แทบจะทุกความรู้สึกของคุณแม่เลยนะคะ อย่างนี้เรียกได้ว่า เป็นคู่ทุกข์คู่ยากจริงๆค่ะ น่าประทับใจ เห็นหน้าน้องนิวบันทึกก่อนแล้วแก้มยุ้ยน่าจุ๊บจริงๆ ได้อ่านบันทึกนี้ของคุณพ่อแล้ว ทุกวันเกิดคงคิดถึงคุณแม่คุณพ่อน่าดูเลยนะคะ

สวัสดีครับคุณโอ๋

ตอนคุณแอ๊ดคลอดน้องเนติ์ ก่อนคลอดเราพากันเดินทางไกล ผมไปว่าความที่สุราษฎร์ และสงขลา คุณแอ๊ดขอตามไปด้วย ผ้าอ้อม ชุดที่เตรียมไว้ ใส่ท้ายรถไว้พร้อม มีเบอร์ของหมอพยาบาลตามโรงพยาบาลต่างๆรายทางไว้พร้อมที่จะคลอดโรงพยาบาลไหนก็ได้ ทั้งๆที่ตอนนั้นครบกำหนดคลอดแล้ว แต่ก็ไม่คลอดกลับมาคลอดที่ตะกั่วป่าจนได้ กลับมาถึงโดนผู้ใหญ่ดุที่เสี่ยงแบบนั้น แต่ผมเตรียมพร้อม คู่มือทางการแพทย์เกี่ยวกับการทำคลอดพร้อมเผื่อฉุกเฉินถ้าจำเป็นต้องทำคลอดเองก็จะทำ อิอิ มาถึงวันนี้ยังนึกว่าเรานี่มันมุทะลุเหลือเกินทั้งคู่

มาถึงน้องนิวก็กว่าจะคลอดใช้เวลา ๒ คืน ๑ วัน ผมไม่ค่อยได้นอนเพราะเป็นห่วงคุณแอ๊ด นิวคลอดออกมาน้ำหนักมากกว่าพี่ชาย

เสียดายที่สมัยนั้นตามโรงพยาบาลยังไม่มีการปั๊มรอยเท้า เหมือนเดี๋ยวนี้ แต่เราเก็บสายสะดือของลูกไว้ครับ

น้องนิวเป็นเด็กร่าเริงมาจนถึงปัจจุบัน เจ๊าะแจ๊ะเก่งครับ

  • อ่านแล้วเห็นความผูกพัน ความร้อนใจจากฝั่งของคนไข้และญาติ ซึ่งบางทีหมอเราไม่ค่อยทราบ โดยเฉพาะหมอที่อยู่เวรห้องคลอดเพราะถ้าไม่ฝากท้องกันมา ก็จะแทบไม่รู้จักหรือพูดคุยกันด้วยซ้ำ
  • ขอบคุณพี่ครับ ที่ เข้าใจ พวกเรา
  • จุดหนึ่งที่ผมคิดว่าสำคัญ คือ

คุณหมอที่ทำคลอดโทร.มาขอโทษ บอกว่าจำเป็นต้องผ่าตัดซ้ำ

หมอเองก็คงต้องยอมรับความจริงและเปิดเผย เพราะมีบางคนกลับสอนว่า ไม่ควรขอโทษ ถ้าขอโทษ ก็แสดงว่ายอมรับว่าผิดจริง

สวัสดีครับคุณหมอเต็ม

ผมไปที่สวนป่ามหาชีวาลัยอีสานในช่วงที่เขามีนักศึกษาแพทย์มาเรียนรู้ อยู่ๆก็ถูกโยนไมค์ให้พูดกับนักศึกษา

ผมพูดให้เขาฟังถึงประสบการณ์ที่แพทย์ถูกฟ้อง และบอกวิธีป้องกันแก้ไขปัญหา สิ่งหนึ่งที่ผมบอกเขาก็คือการแก้ไขปัญหาด้วยการอธิบายความจริง อย่าหนีปัญหาโดยการหลบหน้าญาติผู้ป่วย เพราะจะยิ่งทำให้ความโกรธเพิ่มมากขึ้น โอกาสถูกฟ้องก็มากขึ้น และเดี๋ยวนี้ผู้คนรู้สึกว่าการฟ้องหมอเป็นการใช้สิทธิ แต่คนไม่นึกถึงคำว่าบุญคุณคน

เมื่อไม่กี่วันมานี้ไปร้านหนังสือ ได้ทราบว่าคดีที่ศาลทุ่งสงตัดสินจำคุกหมอ ศาลอุทธรณ์ภาค ๘ พิพากษายกฟ้องไปแล้ว ยินดีกับคุณหมอท่านนั้นด้วยครับ

ผมรัก และนับถือยกย่องงิชาชีพอัยการมากๆครับ วันนึงผมอยากทำเพื่อชาติบ้านเมือง แต่เส้นทงผมยังอีกยาวไกล แต่ผมก็จะสู้....

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท