พระจันทร์สีรุ้ง๑


เมื่อคืนดูตอนพระเอกกราบพระแล้วมันก็ขัดลูกตา ทำไมไม่ให้พระเอกกราบพระประธานในโบสถ์แบบเบญจางคประดิษฐ์ล่ะ ให้พระเอกก้มกราบแบบผู้หญิงกราบมันดูขัดๆยังไงไม่รู้ ผมว่าผู้จัดไม่ควรละเลยเรื่องพวกนี้

          ผมสองจิตสองใจว่าจะเขียนเรื่องพระจันทร์สีรุ้งดีไหม แต่พอดูละครไปบ้างไม่ดูบ้าง เพราะรำคาญเรื่องราวในละคร เกี่ยวกับเรื่องความจำของพระเอก เกี่ยวกับการแสวงหาผลประโยชน์ของแม่พระเอก เกี่ยวกับแฟนของนางเอก  เมื่อคืนดูตอนพระเอกกราบพระแล้วมันก็ขัดลูกตา ทำไมไม่ให้พระเอกกราบพระประธานในโบสถ์แบบเบญจางคประดิษฐ์ล่ะ ให้พระเอกก้มกราบแบบผู้หญิงกราบมันดูขัดๆยังไงไม่รู้  ผมว่าผู้จัดไม่ควรละเลยเรื่องพวกนี้ หรือตอนพระเอกจะขับรถไปหาพ่อทั้งๆที่ร่างกายอ่อนแอ แม้จะให้น้าป้อออกมาตะโกนบอกตอนพระเอกขับรถออกไปว่า ง่วงอย่าขับนะ....ผมก็ว่าถ้าเราจะช่วยกันรณรงค์เมาไม่ขับ ง่วงไม่ขับ ก็ให้พระเอกแอบงีบที่ปั๊มน้ำมันหรือจุดตรวจ เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดี  แต่ถ้าอยากให้พระเอกเกิดอุบัติเหตุไปนอนโรงพยาบาลก็ให้มีรถขับตัดหน้าพระเอกจนพระเอกต้องหักหลบแล้วเกิดอุบัติเหตุน่าจะดีกว่า  แต่ก็ไม่เถียงนะ หากผู้เขียนบทจะอ้างว่าก็เพราะง่วงแล้วยังฝืนขับจึงแสดงให้เห็นว่ามันจึงเกิดอุบัติเหตุ เพียงแต่ผมมองต่างมุม เลยตัดสินใจว่า เขียนเรื่องนี้ก็ได้ เพราะมันก็มีเรื่องที่อยากทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกฎหมายอยู่บ้างเหมือนกัน

        งั้นเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนตามธรรมเนียม ความจริงพระจันทร์สีรุ้งหากจะย่อให้สั้นที่สุดก็คงจะบอกได้ว่าเป็นเรื่องของอารักษ์พ่อกระเทย ที่เอาตะวันลูกของอรดี (หมอนวด)ซึ่งไม่คิดจะเลี้ยงแต่คิดจะเอาไปทิ้งเพราะกำลังจะไปอยู่เมืองนอกกับสามี  มาเลี้ยงด้วยความทนุถนอม จนกระทั่งได้ดิบได้ดีสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ และเป็นนักร้องดัง และได้พบกับแม่ซึ่งกลับจากต่างประเทศเนื่องจากสามีฝรั่งตายได้มรดกมากมายจนเข้ามาสู่แวดวงไฮโซ โดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้  แต่ต่อมาฝ่ายแม่รู้ว่าตะวันคือลูก  พอดวงตกติดการพนันจนเป็นหนี้มากมาย ตะวันเกิดอุบัติเหตุความจำเสื่อมก็เลยถือโอกาสโหนความดังของลูก อาศัยชื่อเสียงของลูกหากินได้อีก และปกปิดความเลวร้ายในอดีตของตัวเองและพยายามกีดกันพ่อบุญธรรมที่เลี้ยงดูลูกมา ตลอดจนกีดกันคนที่เคยรู้จักอดีตของตน แต่ในที่สุดตะวันก็เริ่มจำอดีตได้ กลับมารักกับปลายฟ้า และเมื่อรู้ความจริงก็จะกลับมาหาพ่อในขณะที่หัวใจของรักษ์แทบแตกสลายเมื่อลูกออกมาให้สัมภาษณ์ตามที่แม่ป้อนข้อมูลว่าพ่อเป็นกระเทยที่แอบมาหลงรัก และศศินก็เอาข่าวเรื่องนี้ไปบอกนักข่าวเพื่อทำลายชื่อเสียงของตะวัน  รักษ์กำลังป่วยหนักพอรู้ว่าตะวันเกิดอุบัติเหตุก็ไปเยี่ยม พอกลับมาก็เจอนักข่าวมาสัมภาษณ์ก็เลยให้สัมภาษณ์ว่าตนไม่ได้เป็นอะไรกับตะวัน อย่าทำให้ตะวันเสื่อมเสียชื่อเสียงกับเรื่องนี้อีกเลย ตะวันรู้ซึ้งถึงความรักที่พ่อมีต่อตนเองจึงกลับมาหาพ่ออยู่ในอ้อมกอดพ่ออีกครั้ง ในขณะที่พ่อกำลังจะตาย

        ผมว่าย่อออกมาแค่นี้ก็พอรู้เรื่องแล้วนะครับ ผมขอเจาะไปที่ตอนที่แม่พระเอกคลอดลูกแล้วหนีออกจากโรงพยาบาลและกำลังจะเอาลูกไปทิ้งกองขยะ ถ้าใครดูละครเรื่องนี้คงจำได้ว่าอรดีเอาลูกมาที่กองขยะแล้วแต่ตอนนั้นมีคนเดินเข้ามาก็เลยทิ้งไม่ได้ต้องอุ้มลูกออกไป ถ้าอรดีเอาลูกวางทิ้งไว้แล้วเดินจากไป ความผิดก็จะเกิดขึ้นทันทีเพราะมันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๐๙ ที่ระบุว่า

ผู้ใดทอดทิ้งเด็กอายุยังไม่เกินเก้าปีไว้ ณ ที่ใดเพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

แต่ในละครยังไม่ได้ทิ้ง รอบนี้อรดีจึงรอดตัวไป แต่ที่หยิบเรื่องนี้มาเขียน เพราะเป็นห่วงสังคมที่เด็กคลอดออกมาแล้วขาดคนรับผิดชอบ ผู้ชายที่ทำให้เขาท้องก็ไม่รับผิดชอบ ตัวแม่ที่อุ้มท้องอยู่ก็ไม่รับผิดชอบในชีวิตที่ตัวเองเกิดมา เหมือนที่มีข่าวในหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยๆ ในละครเรื่องนี้ อรดีมีเหตุผลที่จะทิ้งลูกเพราะตนจะตามไปอยู่กับสามีฝรั่งที่ต่างประเทศ  (แต่มันไม่ใช่เหตุผลที่ถูกต้องเลยนะ...) ดูละครเรื่องนี้แล้วนึกถึงเรื่องการทำแท้งของหมอแป๊ะ (ธนพันธ์ ชูบุญ ที่เขียนเรื่องนี้ เพราะเราบอกไม่ให้เขาทำแท้ง แต่เมื่อเขาคลอดมาเขาไม่พร้อมที่จะเลี้ยง คราวนี้เป็นภาระของใคร ของพ่อแม่เด็กหรือก็เปล่าเพราะทิ้งไปแล้ว และถ้าเด็กที่เกิดมาเป็นเด็กเกเรที่สร้างปัญหาให้กับสังคมใครควรรับผิดชอบ คนที่คัดค้านการทำแท้ง หรือใครดี อ่านบันทึกหมอแป๊ะที่นี่ครับ)

คราวนี้อรดีจึงเดินไปที่สะพาน มองไปที่ลำคลอง ดูในเรื่องแล้วผมเชื่อว่าท่าทางที่แสดงออกก็คืออรดีอยากจะโยนเด็กลงน้ำเพื่อจะได้หมดปัญหา (ทำไมไม่หนีออกจากโรงพยาบาลคนเดียวก็ไม่รู้นะ...) พอตัดสินใจจะโยน อารักษ์ก็โผล่เข้ามาเห็นพอดีจึงยื้อแย่งเด็กกัน ในที่สุดเด็กก็ตกน้ำลงไป จะโทษใครละทีนี้ ถ้าอารักษ์มาเป็นพยานให้ตำรวจว่าเห็นพฤติกรรมของอรดีที่ทำท่าจะโยนเด็กลงน้ำ แล้วมีพยานประกอบว่าเห็นอรดีอุ้มลูกอยู่ที่กองขยะในลักษณะที่จะทอดทิ้งเด็กไว้ที่กองขยะ และพอเห็นว่าเด็กตกน้ำแล้วก็หนีไปเฉยๆแทนที่จะร้องขอความช่วยเหลือ หรือวิ่งไปหาคนมาช่วย ถ้าเด็กตาย ผมจะฟ้องอรดีว่าฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน (ซึ่งมีโทษถึงประหารชีวิต) ถ้าเด็กไม่ตายเหมือนในละครผมก็จะฟ้องว่า อรดีพยายามฆ่าลูกตัวเองโดยไตร่ตรองไว้ก่อน(ซึ่งมีโทษเพียง ๒ ใน ๓ ของโทษเต็ม ซึ่งก็ต้องปรับโทษประหารชีวิตมาเป็นโทษจำคุก ๕๐ ปี แล้วลงโทษ ๒ ใน ๓ ของ ๕๐ ปีนั่นแหละครับ)

ทีนี้เรามาดูว่า ถ้าอรดีทิ้งลูกไว้ที่กองขยะแล้วเด็กถูกมดกัด เด็กไม่ได้ดูดนม ไม่มีอาหารว่างั้นเหอะ หรือถูกสุนัขกัดเด็กเล่นจนเด็กตาย ความผิดของอรดีจะเป็นอย่างไร

        ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๘ บัญญํติว่า

        ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 306 หรือมาตรา 307 เป็นเหตุให้ผู้ถูกทอดทิ้งถึงแก่ความตาย หรือรับอันตรายสาหัสผู้กระทำต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 290 มาตรา 297 หรือมาตรา 298 นั้น

        ซึ่งหมายความว่า ถ้าไม่ได้เจตนาฆ่า แต่เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เช่นเห็นอยู่แล้วว่ามีมดเยอะ ให้มดกัดจะได้มีคนสงสาร  แต่ปรากฏว่าเด็กร้องอยู่นานไม่มีใครได้รับรู้มดก็กัด ไม่มีอาหาร จนเด็กตาย ก็ต้องระวางโทษสามปีถึงยี่สิบปี

        ถ้าเจตนาทำร้ายโดยเล็งเห็นผล กรณีไม่ตาย เนื่องจากเล็งเห็นผลว่ามดต้องกัดเด็ก แต่ปรากฏว่ามดมันรุมกัดถูกตาเด็กบอด หรือหมากัดจู๋เด็กขาดไม่สามารถต่อไปทำให้เสียอวัยวะสืบพันธุ์ กรณีนี้ถือว่าบาดเจ็บสาหัส ก็ต้องมีโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี

        และถ้าไตร่ตรองไว้ก่อนคือคิดอยู่แล้วว่ามันจะเป็นยังงั้นยังงี้ตามที่วางแผน ก็ต้องระวางโทษตั้งแต่สองปีถึงสิบปี

        เขียนเล่าเรื่องนี้มาบอกกล่าวกันไว้ ว่าใครที่คลอดบุตรอันไม่พึงประสงค์อย่าทอดทิ้งเด็กแบบนี้ครับ เพราะมันผิดกฎหมาย       ถ้าทิ้งไว้โดยที่ยังมีคนดูแล เช่นที่โรงพยาบาล แล้วแอบแว๊บบบ...แต่ยังมีพยาบาลดูแล เฮ้อ...ไม่อยากแนะนำเลย พับผ่า....

 

หมายเลขบันทึก: 277457เขียนเมื่อ 17 กรกฎาคม 2009 16:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 08:01 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

ฮั่นแน่ ท่านแฟมิลี่แมน ดูเรื่องนี้ด้วย ...

ด้วยอยู่ชมรมคนรักน้องฟ้า พอเห็นชื่อบันทึก จึงคิดว่าจะได้เห็นภาพพระจันทร์ ไปซะนี่  ...  

ท่านอัยการรักษาสุขภาพนะคะ

 

ท่านก็แฟนละครตัวยงเหมือนกันนะครับ

สวัสดีค่ะ

  • พี่คิมไม่เคยดูละครหลังข่าว  ก็เคยเห็นผ่าน ๆ จึงไม่เข้าใจเรื่องราวโดยละเอียด
  • เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๘ ได้เดินทางไปที่สถานสงเคราะห์จังหวัด....(ไม่ใช่พิษณุโลก)  ไปเลี้ยงอาหารวันเกิดค่ะ
  • เจอเด็กที่ถูกทอดทิ้ง..จนไม่อยากจะบรรยายค่ะ  ได้พบประวัติของเด็กชายคนหนึ่ง แม่เอามาทิ้งไว้ใต้ท่อน้ำไหล หน้าสถานสงเคราะห์
  • ตอนเช้าพระมาบิณฑบาตร  ได้ยินเสียงร้องไห้  ตรงกับวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๓๗ หมอประมาณว่าเด็กคลอดมาไม่เกิน ๓ วัน จึงลงวันเดือนปีเกิดเป็น ๑ มกราคม ๒๕๓๗ และตั้งชื่อว่าน้องบิณ
  • เมื่อพี่คิมไปทีไร  เด็กคนนี้จะเดินมาหาจึงได้อุ้ม ต่อ ๆมาเขาก็คงคิดว่าเราเป็นแม่..จึงเดินมาหาทุกครั้ง
  • เคยขออนุญาตพาออกไปเดินชมข้างนอก  ก็ได้รับอนุญาตค่ะ เพราะไปบ่อยจนคุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่
  • ปัจจุบันเด็กเรียนอยู่ ม.๔ โปรแกรม EP น่ารัก ไม่ดื้อค่ะ ไม่มีปัญหาและไม่มีปมด้อย  เป็นคนจิตใจดีค่ะ เปลี่ยนชื่อเล่นชื่อจริงทั้งหมด  รู้ประวัติของตนเองทั้งหมด
  • อีกคนเป็นผู้หญิง..ปัจจุบันรับราชการแล้วค่ะ  ตำแหน่งหน้าที่การงานดี ไม่รู้จักทั้งพ่อและแม่ อยากจะพาเขาไปประกาศหาพ่อ แม่ที่แท้จริง แต่เด็กไม่ยอมไปค่ะ  ต้องรอเวลาให้เขาคิดเองได้
  • สวัสดีค่ะ

น้องกอ น้าอึ่ง น้องปู ท่านเบดูอิน

อิอิอิ ดูละครไปรำคาญความไม่สมเหตุสมผลไปก็เลยอดไม่ได้ที่ต้องหยิบมันมาเขียน โยนเด็กแรกเกิดลงน้ำ เสียงดังตูม เด็กไม่ร้องเลยแสดงว่าจมน้ำ แม่เด็กหนีไป สักพักเสียงเด็กร้อง เจออีกทีอยู่บนกอผักตบชวา แล้วมันปีนขึ้นกอผักตบตอนไหนว้า....

สวัสดีครับพี่คิม

เด็กๆแบบนี้เขาน่าสงสารนะครับ บางทีเราเห็นเด็กเกเรเราก็รู้สึกโกรธเกลียด โดยที่เราไม่รู้ว่าเขาได้รับความเจ็บปวดอะไรมาบ้าง เขาว้าเหว่ เขาเหงา เขาอยากได้กอดอันอบอุ่น ยิ่งเขาแสดงอาการแห่งความรุนแรง ความรักก็ห่างเขาออกไปเรื่อยๆ ใครควรเป็นผู้รับผิดชอบ แต่หากมีผู้เข้าใจเขา ให้ความอบอุ่นแก่เขาอย่างจริงใจ มันก็พอจะช่วยเยียวยาจิตใจเขาได้ เหมือนอย่างที่พี่คิมเจอไงครับ

ปกติติ๋วไม่ชอบดูละครเพราะความจำไม่ดีค่ะ...จำตัวละครไม่ค่อยได้ แต่ท่านพี่เอามาเล่าให้รู้ข้อกฎหมายด้วยเลยสนุกดีค่ะ...

...ที่แน่ๆ...ติ๋วสรุปว่า...ท่านพี่ขี้ฟ้องชะมัด  เอะอะก็จะฟ้องๆๆ...เดี๋ยวน้องจะไปฟ้องแม่แหละ...ฮาๆๆๆ

น้องติ๋ว

ใครๆก็รู้กันทั้งนั้นแหละว่าพวกอัยการเป็นลูกอีช่างฟ้อง ฮ่าๆ

แต่สมัยผมเป็นอัยการจังหวัด ผู้ต้องหามาสำนักงานอัยการ เตรียมหลักประกันมาเต็มที่ ปรากฏว่าผมสั่งไม่ฟ้องเฉย เพราะพิจารณาแล้วว่าเขาไม่ผิด ผู้ต้องหาเดินออกจากสำนักงานแบบงงๆ เพราะยังไม่ได้วิ่งคดีเลยปล่อยซะแล้ว..ฮ่า

  • สวัสดีค่ะท่านอัยการชาวเกาะ
  • กฏหมายในละคร สนุกทุกเรื่องทุกตอนนะคะ
  • ในชีวิตจริงแม่แบบอรดีคงจะมีถึง 70-75% นะคะ
  • ขออย่าให้คุณแม่ทั้งหลายทอดทิ้งลูกเลยนะคะ ช่วงนี้ภูเก็ตคงจะคึกคักเป็นพิเศษ
  • ฝากความคิดถึงคุณแอ๊ดด้วยค่ะ

สวัสดีครับท่านเอื้องแซะ

แม่แบบอรดีคงมีแต่ให้ชั่วบริสุทธิ์แบบนั้นคงมีน้อย อย่างน้อยก็ต้องมีความรักลูกอยู่บ้าง ไม่ใช่จงเกลียดจงชังแบบในละครเสียทั้งหมด อย่าทอดทิ้งลูกนะดีแล้ว ถึงไม่มีปัญญาเลี้ยงแต่แอบๆมาดูบ้าง หมามันยังรักลูกของมันเลย ทำไมคนถึงเกลียดชังลูกได้ขนาดนั้น

หน้าสำนักงานผมเป็นศาลาประชาคม มีทหารมาตั้งจุดตรวจก่อนเข้าไปในบริเวณศาลาประชาคม ผมยังพูดกับเพื่อนเลยว่าขนาดไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรงในภูเก็ต พอเราเห็นทหารมารักษาการณ์อยู่ใกล้ก็รู้สึกแปลกๆ เข้าใจความรู้สึกคนในสามจังหวัดภาคใต้มากขึ้นครับ

  • ตามมาอ่านครับ
  • ปกติไม่ค่อยได้ดูละคร
  • กลัวยุงชุม
  • แต่พอท่านอัยการเอามาเขียน
  • เลยต้องอ่านพราะได้ทั้งเรื่องละครและกฎหมาย
  • กำลังสับสนอยู่ว่า
  • จะใช้อันไหนเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาว่าจำคุกหรือปรับ
  • หรือทั้งจำทั้งปรับครับ
  • ในกรณีทิ้งลูกไว้
  • ผู้ใดทอดทิ้งเด็กอายุยังไม่เกินเก้าปีไว้ ณ ที่ใดเพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

อ.ขจิต ครับ

การวินิจฉัยเกณฑ์ในการพิจารณาว่าจำคุกหรือปรับ หรือจะทั้งจำทั้งปรับ อยู่ที่ศาลครับ แต่ส่วนใหญ่จะดูถึงพฤติกรรมการกระทำ ผลกระทบที่เกิดขึ้น อายุ ความรู้ ความรู้ผิดชอบของผู้กระทำ หลายเรื่องครับ อย่างกรณีอรดี(แม่ของพระเอก) ถ้าศาลมีข้อมูลทั้งหมดที่เราเห็นในละคร ผมเชื่อว่าพฤติกรรมอย่างนี้ต้องจำคุกครับ ส่วนที่ทั้งจำทั้งปรับก็ไม่ได้หมายความว่าจะโดนสองเด้งเสมอไป เพราะเท่าที่เห็นศาลมักจะลงโทษแบบนี้ครับ "จำคุก ๓ เดือน ปรับ ๕,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด ๒ ปี" แล้วก็ปล่อยตัวจำเลยไป อิอิ

เอ ที่ไปเยี่ยมมาไม่ใช่ที่นี่นี่นา

ใช่ไหมท่าน ฮ่า ฮ่า.....

อิอิ หมอแป๊ะ ผมก็ไปมาหลายที่ อิอิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท