วิไลรัตน์ มะโนราช
นาง วิไลรัตน์ มะโนราช วิไลรัตน์ มะโนราช

ศพพลัดถิ่น


กระดูกของแม่ไม่ได้เอากลับบ้านเกิดประเทศลาว ฝังไว้ที่ผืนแผ่นดินไทย ชาติหน้าขอให้เกิดเป็นคนไทย

ศพพลัดถิ่น

“อันความกรุณาปรานีจะมีใครบังคับก็หาไม่

หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ

จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน

ข้อความนี้องพระธีรราชเจ้า พระโปรดเกล้าประทานให้ใจถวิล

ใช้คุณค่ากรุณาเป็นอาจิณ ดั่งวารินจากฟ้าสู่สาคร

                 มาร์ชพยาบาล ฉันยังคงจดจำเพลงนี้ได้เสมอ ตั้งแต่วันที่ฉันได้ตัดสินใจที่จะเป็นพยาบาล ฉันย่างก้าวเข้าสู่รั้วการเป็นนักเรียนพยาบาลสภากาชาดไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพลงนี้ได้ถูกสอนให้ร้องเพื่อให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะนักเรียนพยาบาล บอกตามตรงว่าฉันเข้าใจในความหมายแต่ไม่ได้เคยสัมผัสด้วยหัวใจเพราะฉันยังไม่เคยได้สัมผัสกับผู้ป่วยเช่นกัน จาก วันนั้น จนถึงวันนี้ฉันได้ซึมซับกับความหมายนั้นมาเรื่อยๆ และวันนี้ฉันเข้าใจความหมายทั้งหมดนั้นด้วยหัวใจของฉันแล้ว ผู้ป่วยหญิงจากประเทศลาวได้ถูกส่งตัวมารับการรักษาที่โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติฝั่งชายแดนไทยติดกันกับประเทศลาว และได้รับการส่งตัวมายังโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัวของฉันซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำอำเภอเพื่อมารับการรักษาต่อ มาพร้อมกับลูกชายหนึ่งคน แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นติดเชื้อในกระแสโลหิตอย่างรุนแรง เมื่อผู้ป่วยมาถึงที่ตึกอุบัติเหตุฉุกเฉินมีการหยุดหายใจ(cardiac arrest)  แพทย์เวรได้ทำการใส่ท่อช่วยหายใจและช่วยชีวิตด้วยการช่วยฟื้นคืนชีพโดยให้ยาช่วย ผู้ป่วยฟื้นขึ้นมารู้สึกตัวพอสื่อสารกับลูกที่มาด้วยได้แต่ความดันโลหิตต่ำมาก 50/40 มิลลิเมตรปรอทและ ชีพจรเต้นเร็วมาก 140 ครั้งต่อนาที ฉันเป็นพยาบาลประจำหอผู้ป่วยหนักในเวรบ่ายวันนั้นได้รับการส่งต่อ case มาจากตึกอุบัติเหตุฉุกเฉินว่าจะมีผู้ป่วยมาจากประเทศลาวแต่หมอไม่ทำอะไรแล้วคุยกับญาติแล้วว่า NR (non resuscitate) ซึ่งหมายความว่าจะไม่ช่วยในการฟื้นคืนชีพอีกแล้ว รับโทรศัพท์เพียงเท่านั้นฉันกับทีมที่อยู่ในเวรก็จัดแจงช่วยกันเตรียมอุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจ และเตรียมเตียงสำหรับผู้ป่วย จากนั้นอีกสักพักฉันก็ได้ยินเสียงผู้ชายร้องไห้โฮอย่างเสียงดังมาจากประตูทางเข้าซึ่งมาพร้อมกับผู้ป่วยรายนี้เป็นคุณตาแก่ๆคนหนึ่ง ฉันรับcase จากพยาบาลตึกอุบัติเหตุแล้วถามว่าหมอ NR แล้วทำไมดูเหมือนคุณตาซึ่งเป็นลูกชายของผู้ป่วยยังร้องไห้ไม่ยอมหยุด ได้รับคำตอบว่าไม่รู้หมอเป็นคนคุย แต่ก็จ่างมันเต๊อะ (ช่างมันเถอะ) ยังไงหมอก็ NR แล้ว ขณะที่เอาผู้ป่วยขึ้นเตียงผู้ป่วยหยุดหายใจอีกครั้ง ฉันอธิบายให้ลูกซึ่งเป็นตาแก่ๆให้เข้าใจปรากฏว่าลูกชายร้องไห้และกุมมือแม่ของเค้าไว้ตลอด พร้อมกับคำพูดที่ลูกชายพูดว่า “แม่เลี้ยงจ่วยแม่เฮาจิ่มเต๊อะมากั๋น 2 คนตะอี้ละ” คนไข้ไม่เข้าใจว่า NR คืออะไร “หมอที่ตึกข้างหน้าไม่ได้บอก เฮาฟังบ่เข้าใจ๋ ” ฉันและทีมจึงได้ทำการช่วยฟื้นคืนชีพอีกครั้ง สักพักฉันประเมินอาการผู้ป่วยซ้ำ  การช่วยได้ผลผู้ป่วยรู้สึกตัว ผู้ป่วยยังรู้เรื่องพยายามที่จะพูดคุยกับลูกที่มาด้วยเพียงคนเดียวซึ่งร้องไห้ ฉันคิดและได้แต่คิดฉันถูกปลูกฝังมาตลอดว่า ให้การดูแลโดยไม่แบ่งชั้น วรรณะ ให้การดูแลไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติใด ภาษาใด ให้เราเป็นเสมือนดวงตาของผู้ที่นัยน์ตาบอด เป็นแขนขาให้สำหรับผู้พิการแขนขาขาด และเป็นปากเป็นเสียงให้กับผู้ที่บอกความต้องการไม่ได้ 

             ฉันจึงได้ทำหน้าที่ของฉัน เป็นปากเป็นเสียงแทนผู้ป่วย ฉันจึงได้โทรศัพท์กลับไปถามแพทย์เวรอีกครั้งว่าตกลงหมอจะ NR จริงๆเหรอ ผู้ป่วยยังรู้สึกตัว ถามตอบพอรู้เรื่อง สื่อสารได้ หมอจะไม่ให้ให้การรักษาอย่างอื่นเพิ่มเหรอคะได้รับคำตอบจากหมอว่า สภาพยังงั้นจะเอาอะไรไหว เป็นคนลาวด้วย เออๆ งั้นก็ให้ DOPA เลี้ยงเส้นไปละกัน ไม่ขึ้นไปดูคนไข้ที่ ICU ละนะพี่ พี่จัดการไปได้เลย ฉันจบการสนทนากับหมอทางโทรศัพท์เพียงเท่านั้น คิดอยู่ในในว่าอะไรหนอคือการนำเอามาตัดสินชีวิตของความเป็นมนุษย์ ผู้ป่วยไม่มีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตต่อหรือว่าตายเพียงเพราะเป็นคนลาวมาจากประเทศลาวอย่างงั้นหรือ  ฉันจัดแจงให้ยา DOPA เพื่อกระตุ้นความดันโลหิต ผู้ป่วยรู้สึกตัว และพยายามที่จะสื่อสารกับลูกเหมือนพยายามจะบอกลาครั้งสุดท้าย สิ่งที่ฉันจะแบ่งเบาความทุกข์ได้คือให้ผู้ป่วยตายอย่างสงบและสมศักดิ์ศรี ฉันเดินเข้าไปคุยกับคุณตาซึ่งเป็นลูกของผู้ป่วย อธิบายเรื่องโรคของผู้ป่วยให้ลูกเข้าใจ อธิบายถึงการรักษาและยาที่ให้ และบอกความจริงกับลูกว่าแม่เขาอาจจะไม่ไหว ลูกชายก็ร้องไห้ฉันได้แต่จับมือเบาๆเพื่อส่งผ่านความรู้สึกถึงว่าฉันรับรู้  ฉันจัดหาเก้าอี้ให้เค้านั่งใกล้ๆแม่ เค้ายกมือไหว้ จนฉันตกใจ ฉันรีบบอกว่า เก้าอี้ตัวเดียวไม่ต้องไหว้ก็ได้ เค้าบอกว่าขอบคุณที่ให้ได้อยู่กับแม่และพูดคุยเป็นเพื่อนเค้าให้กำลังใจ ฉันและทีมเจ้าหน้าที่หอผู้ป่วยหนักจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ทาแป้งให้ผู้ป่วยได้นอนอย่างสุขสบาย    อีก 3 ชั่วโมงต่อมาผู้ป่วยก็สิ้นใจอย่างสงบ ลูกชายร้องไห้กอดแม่ของเค้าพูดว่า “ แม่ แม่ทำไมทิ้งเฮา มารักษามากัน 2 คนทำไมถึงทิ้งเฮากลับบ้านคนเดียวแล้วเฮาจะกลับไปบอกน้องๆที่บ้านว่ายังไง” ฉันปล่อยให้ผู้ป่วยได้อยู่กับแม่ของเขาและคุณตาก็ยื่นมือไปปิดเปลือกตาแม่และบอกกับแม่ของเขาว่า “แม่หลับให้สบายนะแม่ จะดูแลน้องๆคนอื่นๆเอง”

                         เมื่อญาติสงบฉันและทีมได้ทำการคารวะศพโดยนำดอกไม้ธูปเทียน กล่าวแสดงความเสียใจกับญาติ และนำส่งดวงวิญญาณให้ไปสู่สุคติ ให้เขาตายอย่างสุขสงบ ญาติร้องไห้ พร้อมกับกล่าวคำขอบคุณด้วยน้ำตา หลังจากคารวะศพเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ได้ดำเนินการต่อเกี่ยวกับการฌาปนกิจศพ  ถ้าเป็นคนต่างด้าวต้องออกค่าใช้จ่ายในค่ารักษา ค่าจัดการทำศพเองทั้งหมด ญาติคุกเข่าลงแล้วร้องไห้อีกครั้งพร้อมกับยืนมาอันชราของเขามาเกาะขอบกางเกงพยาบาลของฉันแล้วบอกฉันว่า “แม่เลี้ยง (คำที่ผู้ป่วยใช้เรียกพยาบาล) ช่วยเฮาด้วย ไม่มีเงินแม้สักบาทเดียว แม้แต่เงินค่าจะทำศพแม่เป็นครั้งสุดท้ายเฮาก็บ่มี เงินจะกลับบ้านที่ลาว เฮาก็บ่ฮู้ว่าจะเอาที่ไหน ” ฉันรู้สึกเหมือนแน่อนในอกขึ้นมาทันที ฉันคิดว่าฉันเคยเป็นคนเข้มแข็งแต่ ณ วันนี้ หัวใจของฉันกำลังรับรู้ถึงความรู้สึกทุกข์นั้นได้ ฉันเศร้า ฉันได้แต่น้ำตาซึม ฉันอยากร้องไห้แต่ก็ไม่กล้า ฉันทำงานมา 8 ปีไม่เคยมีวันไหน หรือมีสิ่งไหนจากการทำงานมากระทบหัวใจของฉันเท่าวันนี้ สภาพของชายชราแก่ๆคนหนึ่ง ทรุดนั่งคุกเข่าต่อหน้า และร้องไห้ มันทำให้ฉันเศร้าไปด้วย ฉันประคองคุณตาลุกขึ้นและบอกกับตัวเองว่าฉันอ่อนแอไม่ได้แล้ว ต้องเป็นหลักให้กับคุณตาในการจัดการทำศพให้แม่เขาอย่างสมศักด์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าที่ฉันทำได้ แต่ฉันก็แค่พยาบาลตัวเล็กๆ คงไม่สามารถช่วยในเรื่องการเงินได้มากขนากนั้น สิ่งที่ฉันทำได้ของฉันได้ ณ ตอนนี้ คือทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับ สัปเหร่อ ถามเรื่องค่าใช้จ่ายในการทำศพ เพราะว่าถ้าคนลาวซึงเป็นคนต่างด้าวมาตายที่ประเทศไทย ประเทศลาวห้ามเอาศพกลับเข้าประเทศให้เผาที่บริเวณชายแดนไทยให้หมด ฉันติดต่อกับสัปเหร่อ ซึ่งเป็นคนงานในโรงพยาบาลถามถึงค่าใช้จ่าย สัปเหร่อบอกว่าอย่างต่ำ 4 พันบาท ค่าฟืนและค่าทำกับคนตายและเป็นคนลาวด้วย ฉันต่อรองราคาเหลือแค่ 2 พันบาทบอกกับสัปเหร่อว่าๆ ช่วยๆกันหน่อยเถอะ ถึงเขาจะเป็นคนลาวไม่มีเงิน แต่เขาก็เป็นมนุษย์ เหมือนกับเรา มีหัวใจ พาแม่มารักษาแต่มาตายยังต่างประเทศไม่มีแม้โอกาสที่จะกลับบ้านเกิดของตนเอง แล้วคนที่รอคอยการกลับไปของเค้าที่ลาวล่ะ อยู่คอยด้วยความหวังว่าแม่ผู้บังเกิดเกล้าจะหายกลับไป ญาติพี่น้องไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ของพวกเขาได้จากโลกนี้ไปแล้ว ฉันวิงวอนให้สัปเหร่อลดราคาให้ ฉันได้รับคำตอบว่าไม่จากสัปเหร่อ  

                       ฉันยังไม่ละความพยายามเพียงเท่านั้น ขอรับบริจาคเงินจากเจ้าหน้าที่พยาบาล แพทย์ รวบรวมเงินทั้งหมดได้ 2 พัน ขาดอีก 2 พัน ฉันทำหน้าที่ได้ดีที่สุดเท่านี้ สุดท้ายก่อนที่ฉันจะลงเวร หมดสิ้นภาระหน้าที่ในเวรของฉัน แต่ภาระในหัวใจของฉันมันยังไม่จบสิ้น ก่อนฉันลงเวรฉันติดต่อประสานงานกับทีมเวรเช้าต่อเพื่อนำเรื่องปรึกษากับผู้บริหาร ตลอดระยะเวลาของการติดต่อประสานงาน ญาติร้องไห้กอดศพแม่ตลอดเวลา เป็นภาพที่หดหู่หัวใจอย่างยิ่ง สุดท้าย ด้วยความกรุณาของผู้อำนวยการ นพ. กิติศักดิ์ เกษตรสินสมบัติ ผู้ที่ทำงานด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์ ท่านได้อนุเคราะห์เงินบำรุงจากทางโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัวในการจัดการค่าทำศพ ฉันก็ลงเวรกลับบ้านไปด้วยความเศร้าเหมือนกัน แต่อย่างน้อยถึงแม้ฉันจะได้ได้ช่วยเหลือด้วยกำลังทรัพย์ แต่ฉันช่วยเหลือด้วยกำลังกาย กำลังใจทั้งหมดที่ฉันมี

                           ทราบข่าวตอนหลังว่า จากพี่ที่รับเวรเช้าต่อว่าหลังจากเผาศพเรียบร้อยแล้ว ญาติกลับมา ญาติร้องไห้ และไหว้ขอบคุณทั้งน้ำตา พร้อมทั้งบอกว่า “ขอขอบคุณทุกๆคนสำหรับความช่วยเหลือในครั้งนี้ จะไม่ลืมเลยตลอดชั่วชีวิตที่ช่วยจัดการทำศพแม่ผู้บังเกิดเกล้าให้ได้ไปสู่สุคติ ไปอยู่ในที่ที่ดีๆ กระดูกของแม่ไม่ได้เอากลับบ้านเกิดประเทศลาว ฝังไว้ที่ผืนแผ่นดินไทย อยู่เมืองลาวทุกข์มาก ชาติหน้าขอให้เกิดเป็นคนไทย จะได้รับการรักษาที่ดีๆ ตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิต จะกลับไปบอกน้องๆที่บ้านว่าทำไมถึงไม่เอากระดูกแม่กลับบ้าน”   ฉันฟังแล้วเหมือนมีอะไรแน่นอยู่ในอก สิ่งที่เราเห็นว่าเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ในคุณค่าของผู้อื่น   หลังจากนั้นพี่ๆที่ตึกช่วยกันบริจาคเงินให้เป็นค่าเดินทางกลับบ้านอีก 200 บาท ในการเดินทางกลับลาวเพียงคนเดียว ซึ่งปราศจากแม่ผู้บังเกิดเกล้า พร้อมกับภาระที่หนักอึ้งสำหรับตาแก่ๆคนหนึ่ง ต่อไปที่จะกลับไปบอกคนที่บ้านเกิดที่ลาว บอกพี่ บอกน้อง ว่าแม่ของพวกเขาได้ลาจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับแล้ว

                              ณ วินาทีนี้ หลังจากที่ฉันทำงานมา 8 ปีเต็ม ไม่เพียงแค่เป็นเพียงบทเพลงมาร์ชพยาบาลเท่านั้น แต่ฉันยังเข้าใจในความหมายอันลึกซึ้งถึงคำว่า อันความกรุณาปราณี จะมีใครบังคับก็หาไม่ หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน ฉันเลือกเดินเส้นทางสำหรับวิชาชีพพยาบาลนี้ ตั้งแต่ฉันเป็นนักเรียนพยาบาลจนถึงวันนี้ฉันเป็นพยาบาลวิชาชีพ ฉันไม่เคยคิดผิดเลย  ทำให้ฉันสัญญากับตัวเองว่าต่อไปฉันจะทุ่มเท แรงกาย แรงใจ ทำงานพยาบาลที่ฉันรักด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์ทั้งหมดเท่าที่ฉันมี โดยไม่เลือก เชื้อชาติ ชนชั้นและวรรณะให้สมกับที่ฉันเป็นพยาบาล

                     และทางตึกผู้ป่วยหนักโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว นำทีมโดยหัวหน้าตึก คุณ สุภาพ ศิริอังกุล เมื่อมีผู้เสียชีวิต เราจะทำการคารวะศพทุกคนโดยไม่เลือกเชื้อชาติ ชนชั้น และวรรณะเพื่อให้ผู้ป่วยได้ตายอย่างสมศักดิ์ศรี

B

A

Img_0011

Img_0014

คำสำคัญ (Tags): #ผู้ป่วยหนัก
หมายเลขบันทึก: 234410เขียนเมื่อ 10 มกราคม 2009 02:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:08 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (34)

สุดยอด!!!..

ไม่ต้องบรรยายอะไรอีกค่ะ..

ขอบคุณ..แทนผู้ป่วยและครอบครัวด้วยนะคะ

อ่านแล้ว..ปลื้มใจแทนวิชาชีพที่ได้พวกเราช่วยกันค่ะ

          พี่แก้ว (APN2)

 

  • อ่านไปก็น้ำตาไหลค่ะ
  • ทุกคนทำดีที่สุดแล้วค่ะ
  • ขอให้มีกำลังใจทำดีต่อไปนะคะ

นางฟ้าในสุดสีขาวค่ะ

  • อ่านแล้วน้ำตาไหลเช่นกัน
  • สุดยอดของความเอื้ออาทรทีเดียว
  • ขอชื่นชมค่ะ

ขอชื่นชมคะ

ครูสอนให้พยาบาลเอื้ออาทร

ดูแลผู้ป่วยประดุจญาติ

  • สวัสดีค่ะ
  • แหม...ตั้งชื่อบันทึกเสียน่ากลัวเชียวนะคะ
  • แต่พอเข้ามาอ่าน รู้สึกขอบคุณที่มีท่านและทีมงานอยู่ในสังคมไทย
  • ขอบคุณแทนแผ่นดินนะคะ

ขอบพระคุณสำหรับทุกๆกำลังใจนะคะ จะสร้างสรรค์สิ่งที่ดีๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพการบริการต่อไปค่ะ

  • นี่คือรักแท้ครับ
  • รักแท้ที่กอร์บด้วยด้วยเมตตา กรุณา มุฑิตา และอุเบกขา
  • เมตตา - อยากให้คนอื่นมีความสุข มีสุขภาพที่ดี
  • กรุณา - อยากให้คนอื่นพ้นทุกข์ หายจากความเจ็บป่วย
  • มุฑิตา - ชื่นชมยินดี เบิกบานกับความสุข ความสำเร็จของตนเองและผู้อื่น
  • อุเบกขา - ปล่อยวางเมื่อเราได้ทำอย่างสุดความสามารถแล้ว ไม่ยินดียินร้ายกับเกียรติยศชื่อเสียงจอมปลอม
  • จะช่วยประชาสัมพันธ์งานให้ครับ

 

  • อ้อ...เขียนบันทึก ลองใช้ font Tahoma จะอ่านง่ายกว่านะครับ

เป็นกำลังใจ ให้ทีมพยาบาลทุกทีม ทุกเวร

อ่านแล้วรู้สึก ชื่นชม กับพยาบาล คุณภาพ ของรพ.ปัว จริงๆค่ะ

นี่แหล่ะ ที่เรียกว่าการพยาบาลด้วยหัวใจ ของความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง

  • อ่านแล้วตกใจ บวกสะดุ้งครับ
  • อ่านจบแล้ว ซึ้งในใจ นับถือ นางฟ้าสีขาวครับ
  • ธรรมสวัสดีโยม wilairat
  • อนุโมทนาสาธุกับพยาบาลผู้เสียสละ
  • ธรรมรักษา
  • ติดตามแนวทางการปฏิบัติธรรมของพุทธได้ที่บันทึกนี้

ซาบซึ้งจริง ๆ ...ขอบคุณแผ่นดินไทยที่ยังมีคนดีดีและพร้อมจะเสียสละอยู่..

พี่ขอชื่นชมในความกรุณาปราณีของน้องด้วยความจริงใจ กุศลผลบุญที่ได้กระทำย่อมพบแต่ความสุขความเจริญ เบิกบานใจ ในภายภาคหน้า พี่เชื่อเช่นนั้น

ขอเป็นกำลังใจให้กระทำดีต่อไปนะคะ

ดูแลผู้ป่วยดุจญาติมิตร

คือหัวใจสำคัญของการพยาบาล

ขอชื่นชมในจิตใจที่ดีนี้มากๆเลยค่ะ..

เป็นกำลังใจให้นะคะ..

อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ..

ขอบคุณค่ะ..^^

ขอบพระคุณทุกๆท่านอีกครั้งนะคะ สำหรับทุกๆกำลังที่มีมาให้ ดิฉันเองก็รักวิชาชีพพยาบาลมากค่ะ จะตั้งใจทำงาน ลมหายใจและชีวิตนี้ขอมอบให้กับผู้ป่วยค่ะ

มาเป็นกำลังใจให้นะคะ..เป็นการทำงานที่น่าทึ่งจริงๆ..

ขอบคุณแทนทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้อง..ผู้ป่วยคงดีใจที่มาได้เห็นและได้ยินสิ่งดีดีเหล่านี้นะคะ...สุดยอดค่ะ

อ่านเป็นรอบที่สอง..ซึ้งใจจัง..บรรยายไม่ถูกเลยค่ะ

  • ผู้ป่วยตายตาหลับ
  • เมื่อเราได้มีโอกาสกล่าวลาอโหสิกรรม
  • จิตเป็นกุศล สู่ภพภูมิที่ดี ....เชื่อเช่นนั้น
  • Palliative care is the intensive caring..

ขอบคุณนะคะพี่เกศนี เห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า จิตเป็นกุศล สู่ภพภูมิที่ดี เพราะพยาบาลอย่างเรา อยากให้ผู้ป่วยได้ตายอย่างสงบและสมศักดิ์ศรีค่ะ

สืบเนื่อง จาก ศพพลัดถิ่น เพื่อนๆของดิฉันกลุ่มเพื่อนปันไท โดยการนำของ เพื่อนผู้แสนดี สมชาย เตชนันท์  ได้จัดทำโครงการคอนเสิร์ตการกุศลจัดตั้งกองทุนเพื่อนไร้พรมแดน  พร้อมการสนับสนุนของ องค์การบริหารส่วนจังหวัดน่าน โครงการพัฒนาลุ่มน้ำปิงตอนบน  มูลนิธิสายใยแผ่นดิน   มูลนิธิฮักเมืองน่าน ร้านปู่สมเจ้าเก่า และ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว 

การจัดคอนเสิร์ตการกุศลจัดตั้งกองทุนเพื่อนไร้พรมแดน จ.น่านครั้งนี้   ได้เชิญน้าหมู พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ มาเล่นคอนเสิร์ตที่จังหวัดน่าน รายได้ทั้งหมด หักค่าใช้จ่าย มอบให้โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว สำหรับค่าจัดการทำศพ และค่าใช้จ่ายต่างๆที่จำเป็นสำหรับคนยากไร้ คนประเทศลาว และประเทศไทยที่อยู่ตามแนวตะเข็บชายแดน จ.น่าน การทำงานของคณะ เป็นการทำงานจิตอาสา คืนสิ่งดีๆกลับสู่สังคม สู่เมืองน่านบ้านเรา ด้วยความสำนึกรักบ้านเกิด ขอบคุณสำหรับสิ่งที่ดีๆ ที่เราได้ทำร่วมกัน ขอบคุณแทนผู้ป่วยผู้ยากไร้ทุกคน หยาดเหงื่อ แรงใจ ของผู้เกี่ยวข้องทุกท่านจะไม่สูญเปล่า สามารถช่วยซับน้ำตา ความเจ็บปวด ของผู้ยากไร้ทุกคนได้  ขอพรที่ดี กลับคืนสู่ทุกๆท่านที่ร่วมกันทำงานด้วย หัวใจของความเป็นมนุษย์

Picture

ได้รับเมล์ 3 ฉบับแล้วจะร่วมสื่อสารให้ต่อไปครับ

วันนี้ 10 ก.พ.2552 จะขยายผลให้อีกครับกับกิจกรรมบุญกุศล

ขอบพระคุณคุณชาวน่านนะคะสำหรับสิ่งที่ดีๆสำหรับความกรุณาและความช่วยเหลือต่างๆ ในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้นะคะ ทำให้รู้สึกว่าอย่างน้อยก็ไม่ได้ต่อสู้อยู่คนเดียวในการจะทำกิจกรรมและสิ่งที่ดีๆ ถึงแม้ว่าบางอย่างค่อนข้างยากลำบากค่ะ ขอบพระคุณนะคะ

ประชุมติดตามงานวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาสำหรับงานการกุศลที่จะจัดและนำเงินมามอบให้กับผู้ยากไร้ และได้รับความช่วยเหลือมากมายจากส่วนต่างๆ ทำให้รู้สึกว่าอย่างน้อยสิ่งที่ทำให้กับผู้ป่วยจะไม่มีวันสูญเปล่า ขอบพระคุณทุกๆท่านนะคะ

ขอโทษพี่สมชายด้วยที่ไม่ได้ไปช่วยงาน ขอให้งานนี้ดำเนินลุล้วงไปได้ด้วยดี สนุกก้บคอนเสิร์ตพี่หมูกันนะค่ะ

ขอร่วมสนับสนุนในการทำดี คิดดี

ท่ามกลางความเลวร้ายของสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง...

ยังมีความบริสุทธ์ ผ่องใส ในจิตใจ

ณ เมืองน่านแห่งนี้

พบกันวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2552นี้

ขอบพระคุณด้วยหัวใจสำหรับทุกๆกำลังใจนะคะ

 

กองทุนเพื่อนไร้พรมแดน และความช่วยเหลือที่มีให้กับผู้ป่วยลาวผู้ยากไร้ และผู้ด้อยโอกาสตามแนวชายแดน ยังมีผู้ยากไร้อีกเยอะที่รอคอยความช่วยเหลืออยู่ค่ะ

พี้น้องผู้ยากไร้ประเทศลาวเสียชีวิตที่ตึกผู้ป่วยหนักในวันนี้

ญาติพี่น้องช่วยกันแต่งตัวให้ผู้เป็นบิดา

หาแนวทางร่วมกันให้ผู้ป่วยได้ตายอย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

เจ้าหน้าที่ตึกผู้ป่วยหนักกล่าวคำขอขมาและคารวะศพผู้เสีย

ญาติๆผู้เสียชีวิต

ผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาสรอคอย ความช่วยเหลือ

ช่วยให้ผู้เสียชีวิตได้รับการฌาปณกิจศพ

ฌาปณกิจศพที่ประเทศไทย ศพและกระดูกไม่ได้กลับบ้านเกิดเมืองนอน ประเทศลาว

หลังจากช่วยให้ญาติได้ฌาปณกิจศพแล้ว ญาติกล่าวขอบคุณทั้งน้ำตาที่ช่วยให้ผู้เป็นบิดาได้ไปสู่ภพภูมิที่ดีในวาระสุดท้ายของชีวิต

ขอให้ มีกำลังใจ ในการทำความดีและความงาม ตลอดไปนะครับ

ถึงจะเมินแล้วแต่ผมก็เข้าถึงสัจธรรม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท