เมื่อวันหยุดที่ผ่านมาได้เดินทางเข้าไปในลาวอีกครั้ง ครั้งนี้พักนอนก่อนที่เวียงจันทร์ เพราะเข้าไปถึงลาวก็ค่ำแล้ว หากจะเดินทางต่อก็ได้ แต่จะไปถึงที่หมายดึกเกินไป และระหว่างทางค่อนข้างเงียบเปลี่ยว จึงไม่อยากจะเสี่ยงที่จะนั่งรถไปต่อ การพักค้างที่ลาว เรา (หมายถึงข้าพเจ้าและเพื่อนอีกสองคน คือ คุณเอกและคุณดิเรก) เราพักที่บ้านเอ๋ เพื่อนสมัยเรียนจิตวิทยาฯ ซึ่งตอนนี้ทำงานอยู่ที่นั่น(เวียงจันทร์) เป็นนักบำบัดออทิสติค
เมื่อไปเจอเอ๋ที่มารอรับ เราสมัครใจที่จะเดินไปตามเส้นทางต่างๆ ในลาว ชีวิตของเอ๋เรียบง่ายมากจากเมื่อก่อนจะไฮโซโก้หรู แต่การเจอกันในช่วงหลัง ความติดยึดในสุขที่สบายน้อยลง การกลัวความลำบากแม้จะพอเหลือล่องรอยอยู่บ้างแต่ข้าพเจ้าสังเกตว่ามีน้อยลงมาก เพื่อนพาเราเดินท่องราตรี ไปตามถนนหนทางในเวียงจันทร์ เป็นการเดินที่ถือว่าระยะทางไกลพอสมควร แต่ด้วยที่ข้าพเจ้าอยากให้เกิดการเคลื่อนไหวร่างกายบ้าง และได้สัมผัสชีวิตและบรรยากาศของถิ่นที่ไปเยือน หากการนั่งรถนั้นก็อาจจะไม่ต่างจากการนั่งดูภาพเคลื่อนไหว และทำให้เราเร่งรีบเกินไป จะรู้สึกเป็นห่วงก็แต่คุณดิเรกและคุณเอก แต่พอเห็นสไตล์แล้วพอไหว พอไหว เราก็เลยลุยไปด้วยกัน
เดินไป คุยกันไป ชมเมืองไป…
ค่ำคืนที่เวียงจันทร์อาจจะดูพลุกพล่านกว่าเมืองอื่นๆ ในลาว แต่ก็อาจดูเงียบเหงาหากเมื่อเทียบกับเมืองบางเมืองในไทย ข้าพเจ้าพอทราบมาว่าเดี๋ยวนี้ขอทานในลาวมีมากขึ้น ครั้งนี้ดิฉันก็ได้เจอ กำลังจะซื้อนมเย็นให้เด็กขอทานคนหนึ่ง ไม่นานโผล่ตามมาอีกหนึ่ง เอะใจ!!! นึกถึงที่อินเดียที่อาจจะโผล่มาอีกเต็ม ก็เลยชะงักไปยุติการซื้อให้ เพราะเกรงว่าเดี๋ยวจะเกิดเป็นความวุ่นวายจากการให้ทานได้
จากนั้นก็เดินมุ่งหน้าไปทางริมฝั่งน้ำโขง เพื่อไปทานอาหารแถวนั้น ซึ่งหากเปรียบเทียบกับเมืองไทย แล้วโซนที่เราไปนั้นเสมือนตรอกข้าวสารได้ เราแวะแลกเงินบาทเปลี่ยนเป็นเงินกีบ วันที่ไปนั้น 1,000 บาท ข้าพเจ้าแลกได้ 275,000 กีบ จริงๆ แล้วการใช้ชีวิตในลาวเราใช้เงินบาทไทยก็ได้ ซึ่งอาจเสียเปรียบบ้างเล็กน้อยหากไม่คิดมาก ก็ไม่เป็นปัญหา เงินกีบลาวนั้น จะไม่มีหลักหมื่น แต่จะเรียกหนึ่งหมื่นเป็นสิบพันแทน บางครั้งทำเอางงเหมือนกัน เพราะจะติดในเรื่องการตีค่าเป็นเงินบาทไทย อาศัยว่าคุณดิเรกเปรียบเทียบค่าเงินและเขียนใส่กระดาษโน้ตไว้ให้ดูเพื่อความสะดวกที่ไม่ต้องมาคำนวณทีหลัง
การเดิน...ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรมากมายอย่างลึกซึ้ง
ทั้งภายในและภายนอก...
เดินไม่เร่งรีบ...แต่วันนั้นข้าพเจ้ามีอาการปวดที่ข้อเท้าและฝ่าเท้าข้างขวาซึ่งเป็นล่องลอยที่เหลือจากการปั่นจักรยานล้มก่อนหน้านี้ แต่ไม่ได้บอกใคร ขณะที่เดินก็ได้พิจารณาความปวดนี้ไปด้วย ทำให้ไม่เจอตัวปวด แล้วความปวดที่ว่าปวดนั้นก็หายไป เหลือเพียงแต่การเดิน ซึ่งก็คือการเดิน ปราศจากความเมื่อยล้าและความปวด เรื่องความปวดหรือ pain นี้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสบำบัดผู้ป่วยหลายครั้งแต่นั่นไม่ลึกซึ้งมากเท่ากับการเราได้เรียนรู้จากตัวเรา เมื่อเราได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ทำให้เราสามารถค้นพบวิธีการจัดการและการเผชิญหน้าต่อความเจ็บปวดนั้นได้
การเดินในเวียงจันทร์...เราจบลงที่เวลาไม่ดึกเกินไป
กลับเข้าบ้านพักของอาจารย์เอ๋ ที่เช่าไว้ให้เพื่อนๆ ได้ไปพักพิง เพราะหากว่าไปแล้ว อาจารย์เอ๋เธอจะมีที่พักที่เขาจัดไว้ให้อยู่แล้ว การเดินทางครั้งนี้จึงรู้สึกขอบคุณเพื่อนมากที่ให้ที่พักพิงเพื่อรอการเดินทางในช่วงเช้าไปถึงที่หมาย...
....................................................
ทริปละไมไปเบิ่งลาว
Note: อนุเคราะห์ภาพจากคุณเอกและคุณดิเรก เนื่องจากลืมเอากล้องไปด้วย