วิถีดำเนินไปแบบน้อมลงว่าตนนั้นเป็น ผู้ยังโง่อยู่!


บทต่อยอดความคิดจากท่าน สุญฺญตา ในวิสาสะสนทนา จาก R2R สู่การพัฒนาเนื้อจิตเนื้อใจ...

_____________________________________________________________________________________________

สุญฺญตา

อ้อ ลืมบอกไป เรื่องที่ฝากให้หาข้อมูลเรื่องที่จะไปตรวจเลือด ตรวจสุขภาพก่อน "เข้าคอร์ส" นั้น

ก็รออยู่หลายวัน ตกลงว่าไม่ตง ไม่ตรวจมันและ

เดี๋ยวจะเริ่มเข้าคอร์ส "น้ำมะนาว" วันเสาร์นี้เลย

ทางโน้นท่าทางจะยุ่ง

ก็ลองมันไปอย่างนี้แหละ คงจะมีอนาคตที่ดีกว่า "หนูตะเภา..."

Ka-Poom

ช่วงเวลาที่ผ่านมาคือ หาข้อมูลไปในตัวอยากทราบอย่างแน่ในใจว่าพอมีเหตุมีผล...

วันนี้ได้เรื่องทั้งสองเรื่องเลย ทั้งเรื่อง การตรวจเลือดและเรื่องเมเปิ้ล ไซรัป

สำหรับการตรวจเลือดนั้นนักวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์แนะนำว่า ... ผลเลือดไม่น่าจะมีผลสำหรับคนปกติ จะตรวจก่อนและหลังในคนที่ไม่ได้ป่วยอะไร ค่าผลเลือดก็จะออกมาเป็นปกติอยู่แล้ว... แต่ถ้าหากลองในคนที่ป่วยนี่สิ น่าคิด ... ก็ต้องเลือกตรวจในค่าที่สอดคล้องกับสภาวะที่เขาเจ็บป่วย...

ในส่วนของเรื่อง เมเปิ้ลไซรัป นี่ได้เรื่องเลย ถามต้นตอจากผู้เชี่ยวชาญด้านเภสัชเวทโดยตรงเลย... ท่านบอกว่ามันเป็นมันตาลซูโครสที่ได้มาจากต้นเมเปิ้ล ไม่มีองค์ประกอบอะไรที่จะทำให้เซลล์หายได้ แต่น่าจะให้ในเรื่องของพลังงานมากกว่า เพราะเราใช้ร่วมกับการอดอาหารตั้งสิบสี่วัน... เซลล์ที่หดหายน่าจะมาจากการที่ไม่ได้อาหารมากกว่า ในส่วนที่สิ่งแทนได้ ท่านแนะนำว่าก็ใช้น้ำตาลทรายแทนได้ หรือซูเครน ไซรัปได้(ไม่แน่ใจนะคะฟังไม่ชัด)... ไม่มีอะไรพิสดาล สูตรที่ได้มาหากพิจารณาจากส่วนผสมน่าจะเป็นสูตรที่ได้มาจากแถบอเมริกา...นะ...

สุญฺญตา 

อ้อ เป็นอย่างนั้นนะ...

เราก็อุตส่าห์หวังดีจะทำ R2R ซะหน่อย

งั้นก็ไม่ต้องทำ BAR แล้วก็ไม่ต้องทำ AAR เน๊อะ ทำไปมั่ว ๆ แบบนี้แหละ

เสียดายความรู้ที่กำลังจะเกิด

ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงก็ไม่ต้องรง ต้องรู้อะไร ก็เชื่อ ๆ ทำ ๆ ตามสูตรเขาไป ไม่ต้องไปทดลง ทดลองอะไรมัน

อเมริกา ก็อเมริกา คนไทยนี่ "โง่" กว่าอยู่แล้ว ไม่ต้องไปพิซง พิสูจน์อะไร อาทูอง อาทูอาร์ ก็ไม่ต้องไปทำ

ก็ "สบาย" ดีเหมือนกัน ไปเป็น "กรรมกร" อย่างเดียวก็ได้...

เฮ้อ ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อะไรเลยเน๊อะ แล้วผู้ฉลาด ๆ ทั้งหลายเขาจะเชื่อการกระทำของเราไหมเนี่ย...!

ก็ไม่เป็นไร สงสัยสูตรนี้จะเหมือนกับธรรมะ เพราะจะต้องรู้ได้ด้วย "ตนเอง" เน๊อะ...

Ka-Poom 

มันรู้ได้ตัวมันเองนะ...

คนฉลาดมักคอยที่จะบอกว่า มีสิ่งใดมายืนยัน มีสิ่งใดพิสูจน์ได้...

โห...เราก็ตอบยากเหมือนกัน...

ดำเนินชีวิตตามแนวทางธรรมชาติบำบัดมานี่ก็เข้าปีที่สี่ ไม่เจ็บไม่ป่วย เป็นหวัดก็ไม่เป็นทั้งที่เมื่อก่อนนี้เป็นมือวางอันดับหนึ่งที่มักเจ็บไข้ได้ป่วยก่อนใครๆ... แต่ทุกวันนี้สบายตัวไป ไม่ต้องมาเป็นภาระหรือรับภาระการเจ็บป่วย...

ก่อนหน้านี้ก็ตรวจ Lab เหมือนกัน...ตรวจก็ช่างไม่ตรวจก็ช่าง มีข้อมูลเชิงประจักษ์ให้เห็นอยู่โทนโท่...คนฉลาดเขาก็ไม่เชื่อหรอก เขาเชื่อในยาเขาเชื่อในการรักษาแบบทางด่วน แต่ไม่เชื่อในเรื่องของการป้องกันและการเยียวยา... เราจึงตกเป็นทาสของความเจ็บป่วยอย่างโงหัวไม่ขึ้นทุกวันนี้... ตกเป็นทาสจากความที่คิดว่าตนเองนั้นเป็นผู้ฉลาดแล้ว...

ทุกวันนี้ก็เลยไม่สนใจ...จะพิสูจน์อะไรหรอก ขอแคพิสูจน์ในตัวในตนเท่านั้นเองก็พอแล้ว เพราะคนฉลาดมีเยอะ เขาไม่ค่อยอยากจะฟังเราหรอก แต่เราก็บอกเขาอยู่นะ เช่นมาบอกว่าใน G2K นี่แหละ... ใครได้ไปก็ได้ใครไม่ได้ก็แล้วแต่บารมีเขานะน่ะ

ทานเนื้อสัตว์เราก็ไม่ทาน ... ทานน้อยเข้าว่า ทานพอดำรงตน

ก็ไม่เห็นจะเป็นจะตายอะไรนะ ตายก็ตายเท่านั้นเอง เอาไปเอามากลับกลายเป็นว่าอยู่สุขสบาย แม้อาจจะไปคลุกวงในกับการระบาดของโรคหลายครั้งต่อหลายครั้ง มันก็ไม่เป็นอะไรนะท่าน..มันก็พออยู่ได้ดำรงได้

นั่นน่ะอาจจะเนื่องมาจากการเชื่อและศรัทธาในวิถีแห่งธรรมะ"ชาติ"... นำพาตนดำรงไป อันไหนที่บ่งบอกว่าจะเป็นข้อแสลงข้อขัดต่อกายนี้เราก็ไม่ทำ ธรรมชาติน่ะบอกอะไรเราไว้อย่างมากมายแต่เรานั้นน่ะมักอวดฉลาดอยู่เรื่อยว่าเราอยู่เหนือธรรมชาติ รู้ดีกว่าธรรมชาติ ธรรมชาติจึงได้สอนสั่งเราอยู่ทุกวันนี้นี่ไงให้เผชิญผจญกับความเจ็บความป่วยทั้งกายและใจอันเนื่องมาจากเหตุอันที่เรากระทำต่อตนเองทั้งนั้น...

หมายเลขบันทึก: 304422เขียนเมื่อ 9 ตุลาคม 2009 06:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

555 ตอบในบันทึกนั้น แล้วมาเจอบันทึกนี้ทีหลัง

เอ้า เดี๋ยว copy&past มาลงในบันทึกนี้ก่อน เดี๋ยวจะต่อยอดอีกครั้งหนึ่ง...

อื่ม ตอบยากเหรอ ก็น่าจะตอบยากอยู่ หรือจะตอบง่ายก็ได้...

อยู่ในสังคมที่เขาชอบใช้สมมติกัน ก็ต้องรู้จักใช้สมมติ

อยู่ในสังคมที่เขาชอบใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์กัน ก็ต้องใช้กับเขาหน่อย

กว่าที่ใครจะสักคนศรัทธาอะไรสักอย่างได้ ก็ต้องใช้ "หลักฐานเชิงจริต" ให้ถูกต้อง เหมาะสม

ไอ้เรามันมีศรัทธาอยู่แล้วก็ไม่มีปัญหา แต่คนที่เขายังไม่ศรัทธาก็ต้อง "เสียสละ" ทำให้เขาหน่อย...

ก็ต้องย้อนกลับไปที่คำถามที่ท่าน Kapoom เคยถามว่า ทำอย่างไรที่จะทำให้คนที่เดินทางผิดกลับมาเดินทางถูกได้

ก็ต้องดูว่าเขาเชื่ออะไรอยู่ แล้วก็ต้องให้เขาพิสูจน์ได้ เห็นได้ตามสิ่งที่เขาเชื่อ

หมากเกมส์นี้นี่ไม่ธรรมดานะ ต้องใช้ "วิชา" กันหลายแขนงเลยทีเดียว

ถ้าเราเอาตัวเองสบายได้ก็ดีอยู่ แต่ก็ต้อง "เสียสละ" ทำให้คนอื่นบ้าง โดนด่าบ้าง "โง่" บ้าง

ชีวิตนี้ถึงจะได้เรียกว่าเกิดมาเพื่อทำความดี ใช้จิต ใช้ร่างกายนี้ "เสียสละ..."

เราอยู่รอดได้ก็ดีแล้ว แต่จะปล่อยให้คนอื่นตายไปโดยไร้ "ศรัทธา" เราก็ไม่ปรารถนาให้เป็นอย่างนั้น

ต้องช่วยกัน ช่วยกันตามแรงที่มี

เรารู้ ก็ต้องให้คนอื่นเขารู้ด้วย

ต้องผสม ประสมกันให้ "เนียน" เลยแหละ

เวลาเรารู้คนอื่นไม่รู้ด้วย อันนี้ก็เลยทำให้เกิด "วิกฤตศรัทธา"

เวลาคนอื่นเขาไม่รู้ บอกเราว่า "ไหนหลักฐาน" เขาก็ว่าพวกเรา "โง่" งมงาย...

ที่พูดนี่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องไปสนใจ ใส่ใจคำพูดเขานะ

แต่หน้าที่ก็ต้องเป็น "หน้าที่"

หน้าที่ที่จะต้องทำให้ปุถุชนผู้ไร้ศรัทธา มี "ศรัทธา..."

ดังนั้นเราจึงต้องใช้พลังและ "ปัญญา" สร้างศรัทธาให้เกิด ให้มีในตัวคน...

ครูบาอาจารย์ทำไมท่านต้องเหนื่อยมาสอน มาอบรมเรา ก็เพราะหวังว่าเราจะทำประโยชน์ต่อไปและ "ต่อไป..."

ท่านสอนให้เราใช้พุทธศาสตร์เชิง "วิทยาศาสตร์" ทำอะไรต้องมีเหตุ มีผล มีหลัก มี "ฐาน..."

คำพูดของคนเรานั้นเชื่อกันยาก เมื่อสังคมยังสมมติว่ากระดาษและตัวเลขน่าเชื่อถือ เราก็ต้องรู้จักใช้เพื่อ "ให้" กับสังคม...

เรื่องปล่อยวางนี้ ไม่ใช่ไม่ทำ แต่ให้ทำด้วยการปล่อยการวาง

ตอนทำก็ทำให้ดีที่สุด รอบคอบ และใช้ "ปัญญา" ให้มากที่สุด

ทำครั้งหนึ่งเสร็จแล้วก็ปล่อย ทำจบครั้งหนึ่งแล้วก็วาง

ทำให้เต็มที่ ทำให้เต็มที่...

ทางเรา เราก็จะพยายามเต็มที่ตาม "ศรัทธา" ที่เรามี

ถึงแม้นว่าขณะนี้ "สถานะ" จะไม่เอื้ออำนวยให้ที่จะมีเงิน มีปัจจัย มีพาหนะออกไปตรวจสุขภาพด้วยตนเองได้ ก็ถือว่า "เหตุและปัจจัย" มีแค่ไหนก็แค่นั้น

ด้วยเหตและปัจจัยที่มี ถึงน้อยก็จะทำอย่างเต็มที่

ความรู้ทุกย่างก้าวที่เกิดมีก็ขอ "ปฏิบัติบูชา" แด่พระรัตนตรัย...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท