น้ำที่หล่อเลี้ยงใจ...มากกว่ากฏเกณฑ์ใดใดที่ตายตัว


หัวใจที่แห้งผากของคนทำงาน... "เครียด สาดทุกข์ แก่งแย่ง แข่งขันกันเอาดี ชิงเด่น"

เหล่านี้มาจาก "หัวใจ" ที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว และความขาดหายไปของความรักที่มีต่อตนเอง ... ความอิ่มเอิมใจที่ไม่เคยสัมผัสว่าเป็นเช่นไร... ทำให้ผู้คนต่างดิ้นรนออกจาก "บ่วง" ที่บีบคั้นตนด้วยอารมณ์ ความรู้สึก นึกคิด...ต่างๆ มากมาย...

การกอดอยู่กับ "ลาภ - ยศ - สรรเสริญ" จนลืมที่จะเยียวยาตนเอง และหมั่นรดน้ำพรวนดินให้ "หัวใจ" ตนเองได้พอมีน้ำหล่อเลี้ยงใจ เพื่อให้การที่ยังมีโอกาสหายใจอยู่นี้ พอมีสุข ... สุขแบบเล็กๆ ที่ไม่ต้องยิ่งใหญ่อะไรมากมาย... เป็นสุขที่พอให้หลับ และตื่น อย่างมีพลังที่เหนี่ยวนำให้เราสามารถขลุกอยู่กับปัญหาและอุปสรรคของชีวิตไปได้...

สังเกตไหมคะว่า...

เราหลายคนมักกอด...กฏเกณฑ์และเงื่อนไขต่างๆ มากมายให้กับตนเอง จนลืมความแง่งามอย่างง่ายๆ ของวิถี "ชีวิต" และคอยวิ่งออกไปไขว้คว้าจากภายนอก "กลุ่มชนและผองพื่อน" อย่างกระแทกกระทั้นทางอารมณ์..

ภาระแห่งการงานที่หนัก...เป็นสภาวะที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราสามารถน้อมนำเราให้อยู่กับสภาวะต่างๆ เหล่านี้ได้... ด้วย "ความตั้งใจ" เพื่ออยู่ อยู่อย่างใจเบาเบาด้วยลมหายใจ ค่อยคิด ค่อยค้นหา...สาเหตุแห่งความทุกข์และปัญหาต่างๆ ในการงานนั้นด้วยตนเอง ดึงตนเองออกมาจากอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดทางลบ...

"สัมพันธ์กับสิ่งมีชีวิต" มากขึ้น ไม่ละเลยต่อกัน

แม้ว่าในบางคนเมล็ดพันธุ์...ที่ดี  จะดูเหี่ยวไปหน่อย แต่ให้ช่วยเขาบ่มเพาะหรืออาจแบ่งปันเมล็ดพันธุ์ใหม่ๆ ที่ดีดีที่มีความสุขให้เขาไปบ้าง... อย่างน้อยละ "ไม่โกรธ ไม่ด่า ไม่ต่อว่า ไม่ชิงชันกันและกัน"... ปฏิบัติต่องานอันเป็นบุคคลด้วย "หัวใจ"... มองให้ลึกและซึ้งลงไปในใจเราและเขา...ให้ได้ว่า "เขามีความแง่งามอะไรบ้าง" อย่างน้อยความแง่งามที่เขามีก็พอช่วยหล่อเลี้ยงหัวใจเราได้บ้าง...แม้ว่า ความแง่งามของเขาจะเคยมีมานานแสนนานก็ตาม

เมื่อไรก็ตามที่เรานำพาเรา...ไปตามมรรควิธีนี้แล้ว..ล่ะก็

ความเบื่อหน่าย และทุกข์ท้อจาก..การงานจะเบาบางลง ...

เมื่อไร เมื่อไร เราก็สามารถก้าวเข้าไปสู่...สถานที่ทำงานของเราได้ด้วยใจที่เบิกบาน ด้วยลมหายใจเบาเบาที่เรามีอยู่อย่างรู้ตัว...ตลอดเวลา  ละวางกฏเกณฑ์ที่ว่าต้องเลิศและสมบูรณ์แบบลงไปบ้าง หายใจเขาลึกๆ ยาวๆ ... สักพักและปล่อยลมหายใจนี้ให้เป็นไปตามธรรมชาติอย่างรู้ตัว... พาตนเองไปสู่อิสระอันรัดตรึงใจที่มีมานาน...ให้คลายลง

เติมและชะโลมน้ำ...แห่งความสุข สุขแบบเล็กๆ นี้หล่อเลี้ยงใจเราไป...

อย่างน้อยเวลาที่มีและดำรงอยู่...จะเปี่ยมไปด้วยคุณค่ามากยิ่งขึ้น

 

ต้นไม้ใหญ่ที่ดูเหมือนแห้งผาก แต่ยังพอมีใบเขียวแซมอยู่บ้างเล็กน้อย

แม้อยู่ใกล้น้ำ ... แต่ก็ยังเลี่ยงไม่ได้ต่อสภาวะบีบคั้นทาง "ธรรมชาติ"

แต่ต้นไม้นี้ก็ไม่ได้ยอมแพ้...ยังพอพยุง "ตน"

เพียงเพื่อดำรงอยู่และหล่อเลี้ยงตน

ต่อ "การให้ชีวิต"  ณ ปัจจุบัน

 

----------------------------

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 245594เขียนเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2009 23:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

เข้าใจเปรียบเทียบต้นไม้กับคน

คนต้องใช้ใจที่เข้มแข้ง เป็นพื้นฐานในการต่อสู้ปัญหาค่ะ

ทุนทางใจก็เปรียบเหมือนปุ๋ยที่หล่อเลี้ยงต้นไม้

ต้นไม้...เป็นหนึ่งในสรรพสิ่งของ "ความมีชีวิต"...ดังเฉกเช่นคนเรา..

ต่างกันเพียงรูป...และปัญญา...

แต่มี "ชีวิต" เพื่อดำรงอยู่อย่างไม่ต่างกัน...เผชิญหน้ากับความบีบคั้น(ทุกข์) พอกัน รูปแห่งการบีบคั้นอาจแตกต่างออกไปจากคน..

แต่ "ต้นไม้"...ก็ยังคงต้องพยุงอยู่ให้ได้...ดั่งเช่นสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในโลกนี้

ขอบคุณ คุณ berger0123  นะคะที่แวะมาคุยกันในตอนค่ำคืนนี้

(^___^)

การดำรงอยู่ในวิถีแห่งการงาน

ต้องผ่าน ต้องเผชิญ หลายสิ่งที่ควบคุมไม่ได้

เป็นบทเรียนที่ต้องตั้งใจเรียนรู้

แม้ว่าบางครา ใจจะดูแห้งแล้งประดุจต้นไม้ผลัดใบ

แต่เมื่อใดที่มีความอดทนมากพอ

สักวันใบ ก็จะค่อย ๆ แย้ม เริ่มต้นความสดใส

การดำรงอยู่ มันเป็นเช่นนี้ตลอดค่ะ

แต่หนูจะอดทน ^__^

เป็นประเด็นที่พี่กะปุ๋มคุยกับพี่อ้อมเมื่อวานนี้เหมือนกัน...ที่ว่า

"ต้นไม้" ที่ผลัดใบไปก่อน...เพื่อการพยุงอยู่ด้วยความอดทน

สภาวะที่มากระทบ คือ ความแห้งแล้ง... หรือสภาวะที่บีบคั้น แต่นั่นเพื่อการดำรงอยู่ ก็ต้องดำรงอยู่...ให้ได้มากเท่าศักยภาพที่พอมีพอทน t_tiw ทำให้พี่นึกถึงเรื่อง "คนกำลังจะจมน้ำ" แต่เราได้ผ่านพ้นฝั่งไปแล้ว... เราไม่อาจที่จะละเฉยปล่อยให้คนนั้นจมน้ำไปต่อหน้าต่อตาไปได้ เราจึงเลือกที่จะย้อนกลับไปช่วย...เพื่อว่าการช่วยนั้นเราอาจต้องออกแรงมากจน...บางครั้ง เราอาจต้องเสียอะไรอีกมากมาย..

แต่.. เราก็เลือกที่จะช่วย เท่าเพื่อการดำรงอยู่...

บันทึกนี้..สบายๆ..บาๆดีจังค่ะ..

ขอบคุณนะคะ..^^

สวัสดีค่ะ.... คุณครูแอ๊ว

ดีใจที่ครูอ่านแล้วรู้สึกสบายๆ...เบาเบาที่ใจค่ะ

วันนี้กะปุ๋มได้ป่นจักรยานไปตามซอกซอย ตามถนนหนทางที่มีในเมืองเล็กๆ นี่ช่างวิเศษที่เราได้หาให้แก่ตัวเราได้ ... เดิมทีตั้งใจจะไปวิ่ง แต่คว้าจักรยานได้..ปั่นซะจน "จิต" รื่นรมย์เลยค่ะ

(^___^)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท