อะนอแร็กเซีย เนอร์โวซา เป็นอาการของคนที่ร่างกายไม่ยอมรับอาหาร คนที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่จะมีสาเหตุเริ่มต้นจากความอยากผอม ไม่ใช่แค่กลัวอ้วน
เป็นตอนต่อจาก เมื่อลูกรักอ๊ะ..(กางหนังสือเลี้ยงลูกจน...เป็นเรื่อง)(1) ค่ะ
|
เลี้ยงลูกไปด้วยพร้อมการกางตำรา เปิดหนังสือดูพฤติกรรมและวีรกรรมแต่ละวัย มีไม่ซ้ำแบบ ลูกใครก็ได้ไปแบบไม่ซ้ำใครด้วยนะคะ สำหรับเด็กหญิงคนนี้ ให้ประสบการณ์การเลี้ยงแก่เราแล้วไม่มีให้แก้ตัวใหม่ เห็นทีต้องรอต่อไปอีกสักสิบปี ยี่สิบปีโน่น ให้ได้ตำแหน่งคุณยายก่อน ข้อสำคัญหากมีคุณยายทวด เห็นทีจะไม่มีโอกาสแก้ตัวนะคะ แต่ให้เป็นเช่นนั้นจริงๆ เถอะค่ะ
เด็กหญิงคนนี้ผิดสังเกตชัดเจน แต่ะเพราะเธอดุกระมังคะ เลยไม่มีใครกล้าเอะอะ ขนาดว่าใจจะสลายไปล่วงหน้า แต่เมื่อถึงทางตัน มันก็ต้องจัดการเอย่างใดอย่างหนึ่งค่ะ
|
พ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อนฝูง เพื่อนของเพื่อน ของพี่ ของน้อง มากันค่ะ มะรุมมะตุ้มสาวน้อย จนได้พบอาจารย์หมอผู้ใจดี คุณหมอเมืองสวนดอกค่ะ แค่เริ่มต้นการนัดหมาย พบท่านที่โฮงยาสวนดอก แผนกที่ใครไม่จำเป็นไม่ควรหลงเข้าไปใกล้ๆ เชียวนะ เดี๋ยวจะโดนเหมาว่าป่วยทางใจ คุณหมอปราณีให้ครอบครัวเราไปที่นี่ครั้งเดียวในชีวิตค่ะ จากนั้นท่านให้ไปพบที่คลินิก...เสมือนพบกันที่โฮงยาสวนดอก เพราะท่านไม่เก็บค่ารักษา มีแต่ค่ายาอย่างเดียว ยาแพงแต่ให้ใบไปเบิกได้ (จุ๊ๆ อย่าเอ็ดไปค่ะ) รักษากับคุณหมอมานาน 1 ปี ได้ลูกสาวกลับคืนในสภาพปกติทั้งกายและจิตใจค่ะ
เอ๊ะ! คุณหมอมีวิธีการอย่างไรคะ
มาค่ะจะเล่าให้ฟัง
การรักษาครั้งนี้ เรารักษาทั้งครอบครัวค่ะ อ้าว เราเองก็ป่วยด้วย แหมน่าชวนคุณปู่คุณย่ามารักษาด้วยนะคะ (ล้อเล่น)
สามสิบนาทีที่คุณหมอคุยกับสาวน้อยในวันนัด แอบถามภายหลัง ท่านขู่จริง(แบบอารมณ์ดี) ค่ะ เรื่องการบำบัด ค้างคืนด้วย ที่แผนกจิตเวชน่ะมี น่ากลัวมาก อยากไปทัวร์ไหม จะพาไป...สองคนหมอกับสาวน้อยตกลงกันเรื่องทำน้ำหนักค่ะ และเรื่องยาอีกเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติ...จากนั้นเป็นคิวพ่อและแม่ ไม่นาน สิบหรือสิบห้านาทีค่ะ ถามว่าตรงนี้อายไหม ไม่นะคะ คุยกับเพื่อนฝูง เรื่องลูกๆ โดยเฉพาะเพื่อนที่ เมืองหลวง อยู่ในสภาวะเดียวกันแต่คนละแบบ รายนั้นอ้วนค่ะ ดุ ซีเรียส เหตุจากความเครียด รักษาตัวเหมือนกัน พ่อแม่ก็ต้องรักษาด้วย แต่สาวน้อยคนนี้ เหตุจาก หนังสือและภาพพี่วัยรุ่นๆ ดารา นางแบบสวยงามขึ้นสมอง
ระหว่างการบำบัดรักษาจิตใจ ไม่ผอมเอาเท่าไร? ดิฉันเจอหนังสือเล่มหนึ่งค่ะ แค่ชื่อเรื่องก็สะดุด "Stick Figure" ชื่อแปลไทย "ยังอ้วนไป ทำไงดีนะ-บันทึกประจำวันเมื่อฉันอยากผอม" โดย ลอรี่ ก็อทท์เลียบ แปลโดย เครือแข โพธิ์ทอง มาแนะนำหนังสือกันค่ะ
|
หนังสือเล่มนี้เป็นอัตชีวประวัติ/สตรีศึกษา ลอรี่ ก็อทท์เลียบ (อ่านเรื่องของเธอที่ http://www.lorigottlieb.com/ ค่ะ) เล่าเรื่องตัวเองเมื่ออายุ 11 ปี (เท่ากับสาวน้อยของเราเลยค่ะ) เป็นเรื่องราวอาการอะนอแร็กเซีย เนอร์โวซา ซึ่งเป็นอาการของคนที่ร่างกายไม่ยอมรับอาหาร คนที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่จะมีสาเหตุเริ่มต้นจากความอยากผอม ไม่ใช่แค่กลัวอ้วน เพราะคนกลัวอ้วนที่ไม่อยากผอมก็มีเยอะแยะมากมาย แต่คนกลุ่มนี้บูชาความผอม และมองเห้นนางแบบบนเวทีแฟชั่นเป็นศาสดา แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำให้ตัวเองผอมสวยอย่างนั้น ด้วยการพยายามบังคับตัวเองให้ทานอาหารน้อยลง และน้อยลงจนถึงขั้นอาการจิตกลัวการรับประทานอาหารไปในที่สุด
ทุกปีมีผู้หญิงทั่วโลกเสียชีวิตด้วยโรคอะนอแร็กเซีย และบูลิเมียจำนวนมาก คนดังที่เสียชีวิตจากโรคนี้ คือ คาเรน คาร์เพนเตอร์ นักร้องวงคาร์เพนเตอร์ ที่เคยกำหัวใจหนุ่มสาวนับล้านมาแล้ว และเจ้าหญิงไดอะน่าแสนสวยก็เคยเป็นโรคนี้เหมือนกัน
|
ลอรี่เธอโชคดีมากที่รอดจากโรคนี้มาได้ เพราะเธอเป็นโรคนี้ตั้งแต่อายุแค่สิบเอ็ดปี ซึ่งเสี่ยงกับการเสียชีวิต หรือการแคระแกรนของร่างกายเอามากๆ แต่เธอก็รอดและเติบโตขึ้นมาเป็นสาวสวยเอาเรื่องเชียว แล้วยังมีโอกาสเอาบทบันทึกขบขันชวนสยองเล่มนี้ออกมาเผยแพร่ให้คนอื่นได้อ่านอีก หนังสือเล่มนี้ไม่ถึงกับมีเรื่องหนักชวนให้ใจหดหู่ เพราะคารมคมคายของลอรี่จะพาคนอ่านหัวเราะ ร้องไห้ ล้มลุกคุกคลานไปพร้อมกับเธอ เนื้อหาหนังสือเป็นภาพสะท้อนสังคมร่วมสมัย ตลกร้าย ที่ไม่ควรจะมองข้ามทั้งผู้ใหญ่ และเด็ก ผู้หญิงหรือผู้ชาย
หนังสือ "Stick Figure ยังอ้วนไป ทำไงดีนะ-บันทึกประจำวันเมื่อฉันอยากผอม" โดย ลอรี่ก็อทท์เลียบ แปลโดย เครือแข โพธิ์ทอง ความหนา 284 หน้า โพเอม่า บุ๊คส์ จัดพิมพ์ เล่มที่ดิฉันมี จัดพิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2546 ราคา 175 บาท ท่านที่สนใจแต่ตามหาหนังสือไม่ได้ ดิฉันยินดีให้ยืมค่ะ
กลับมาเรื่องสาวน้อยเลิกผอมกันค่ะ
เราพบคุณหมอประมาณหนึ่งปี เราก็ได้สาวน้อยที่สดใสกลับมา พร้อมกับการเรียนเป็นปกติระดับมัธยมต้น ฉายา น้องสี่จุด (ตัวไม่ได้ลายค่ะ) แต่สงสัยมีอะไรผิดปกติในสมอง เพราะเรียนเก่งผิดหูผิดตา เอ๊ะยังไง ต้องโทษหนังสืออีกแล้วสิคะ
...แต่งานนี้ไม่ปฏิเสธค่ะ เชิญร่วมยกมือเห็นด้วยนะคะ ว่าหนังสือดีแค่ไหน...
ลูกสาวดิฉันยังคงปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดเรื่องอาหารการกิน ยังคงเน้นผัก (สลัด) และ ปลา ส่วนข้าวสวยมื้อเย็นนานๆ จะปรากฏว่าตกถึงท้อง ลูกสาวดิฉันยังคงอ่านหนังสือนิตยสาร แฟชั่น เครื่องสำอาง อาหารและยา อีกมากมาย และมีหมอผิวหนังเจ๋ง เยี่ยมที่ไหน ก็จะตามไป พร้อมกับเงินโบยบินจากกระเป๋าผู้ปกครอง ถามเธอว่าอนาคตจะเรียนเป็นอะไร เธอบอกว่า เป็นหมอเหมือนคุณตา คุณน้า แต่ถามใหม่เวลาต่อๆ มา เธอเปลี่ยนความคิดใหม่จะเรียนเป็นเภสัชกรด้านเครื่องสำอาง ถามใหม่อยู่เรื่อยๆ แต่ทิ้งระยะห่างการถาม คำตอบเป็นเภสัชกรเครื่องสำอาง ยังไม่เปลี่ยนแปลง คงเพราะเธอรักสวยรักงามอยู่สินะคะ
กลัวอย่างเดียวจะคิดสูตรยาลดความอ้วนเท่านั้น
จบแล้วค่ะ