ปี 2552 ตัวชี้วัด ก.พ.ร. ที่ 15 ระดับความสำเร็จของแผนพัฒนาบุคลากรและการจัดการความรู้ เพื่อพัฒนาบุคลากรของสถาบันอุดมศึกษา
เป็นหัวข้อเรื่องที่เราสมาชิกเครือข่ายการจัดการความรู้ระหว่างมหาวิทยาลัย (UKM) มีนัดหมายภายใน 1 เดือนข้างหน้านี้
เป็นตัวชี้วัดหนึ่งที่ "หิน" ในความคิดของดิฉันที่ว่า "หิน" นั่นคือ แผนพัฒนาบุคลากรของเราแต่ละปีในองค์กรขนาดใหญ่ของดิฉันมาจากคณะกรรมการพัฒนาบุคลากรที่เราออกแบบไว้เป็นการพัฒนาแต่ละด้าน สายวิชาการเน้นเพิ่มพูนศักยภาพด้านการเรียนการสอน
สายสนับสนุน เน้นเพิ่มพูนศักยภาพเพื่อการสนับสนุนการเรียนการสอน เช่น ความคิดริ่เริ่มสร้างสรรค์ การคิดเชิงระบบ การบริหารเอกสารสำนักงาน การบริหารความเสี่ยง เครื่องมือคุณภาพ เป็นต้น
สายบริหาร เน้นการบริหารจัดการ เช่น การสอนงาน การกำกับดูแล จริยธรรมการเป็นต้นแบบ การบริหารเวลา เป็นต้น
หลักสูตรพัฒนาทั้งหมด มาจากคณะกรรมการที่ดูแลการพัฒนาบุคลากรแต่ละด้าน(คนละกลุุ่มกรรมการ) แต่ละกลุ่มกรรมการคิดอยู่บนพื้นฐาน เพิ่มพูนทักษะ เพิ่มพูนความสามารถในการทำงานให้องค์กร
ประกอบกับ ผลการทำงานถูกวัดแบบหลวมๆ ในระบบราชการ การให้ค่าตอบแทน ใชัระบบ PC เป็นขั้นเพิ่มตามอายุการทำงานแบบเท่าๆกัน(ต่างกันไม่กี่บาทในแต่ละคน)
เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ ก็ถูกกำหนดไว้หลวมๆ ไม่มีการเขียนชัดเจนดิฉันเองเข้ามาในระบบ รับรู้ว่าความก้าวหน้าของดิฉันเป็นไปอย่างไรก็จากการ...เห็นรุ่นพี่ๆ เขามีทางเดินกันอย่างนั้นเข้าเรื่อง..การพัฒนาบุคลากร......ในเมื่อค่าตอบแทนไม่ได้ขึ้นตามความสามารถ การวัดความเติบโตขององค์กรไม่ได้ขึ้นอยู่กับผลกำไรที่เป็นเกี่ยวข้อง สืบเนื่อง หรือเป็นผลมาจากการลงทุนในการพัฒนาสมรรถนะของบุคคลให้แตกต่างจากองค์กรคู่แข่งขัน
ผลสืบเนื่องที่สำคัญ.."การพัฒนาบุคลากรจึงไม่ได้ถูกออกแบบเพื่อพัฒนาคนให้เก่ง ให้ดี ให้มีศักยภาพมากที่สุด ไม่ใช่เพื่อแข่งขัน... กลายเป็นการพัฒนาบุคลากรเพื่อเพิ่มพูนสมรรถนะ "แบบปูพรม" หรือพูดให้ง่ายว่า ไม่ได้เป็นเพื่อแนวการวางแผนพัฒนารายบุคคล Individual Development Plan (IDP) "
แล้วยังไง.....
ก็เจ้าตัวชี้วัดที่ 15 ปีปัจจุบัน จุดมุ่งเน้นไปสู่การพัฒนาบุคลากร รายบุคคล Individual Development Plan (หวังผลแค่ข้ามปีรอบ 12 เดือนของการดำเนินการ โดยใช้ Model Competency มาจับ)
ดิฉันรับฟังตัวชี้วัดที่เปลี่ยนใหม่นี้เมื่อ มกราคม 2552 เข้าใจว่าเจตนารมย์ดูเหมือนต้องการจะรื้อระบบการพัฒนาบุคลากรแบบที่จัดพัฒนากันแบบหว่านแบบปูพรม...ที่ไม่้เฉียด..ทฤษฎีการพัฒนารายบุคคลเลยสักนิด ในฐานะที่อยู่ในแวดวง HRD ก็ออกจะดีใจถือเป็นการวางระบบการพัฒนาบุคลกรที่ถูกทิศถูกทาง ออกแบบเพื่อแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ ทั้งที่วันนั้นพอเห็นแนวทางการทำงานเลาๆ ว่าจะต้องเดินทางไหน ตั้งอกตั้งใจทำมันอย่างไร
แผนพัฒนาบุคลกรของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ แต่ละรอบปีงบประมาณ เราดำเนินการเสร็จสิ้นและอนุมัติแผนกันตั้งแต่กันยายน ของแต่ละปี เพิ่งมาทราบแนวทางของ ก.พ.ร. เมื่อ มกราคม 2552 ปีนี้
แค่ ประเด็นที่ 1 สถาบันอุดมศึกษามีการกำหนดหน้าที่รับผิดชอบ และสมรรถนะ (Competencies) ที่ต้องการของบุคลากรของสถาบันอุดมศึกษาแต่ละตำแหน่งที่สอดคล้องกับภารกิจ ลักษณะงานความจำเป็นของสถาบันอุดมศึกษา รวมถึงการจัดทำเส้นทางความก้าวหน้าในสายงานเพื่อการสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของบุคลากร โดยใช้กระบวนการจัดการความรู้เป็นเครื่องมือ ในการประเมินความต้องการจำเป็น (Needs assessment) เพื่อการพัฒนาของบุคลากรฯที่จะช่วยให้บุคลากรฯ สามารถปฏิบัติงานได้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดและมีความก้าวหน้าในวิชาชีพ
ประเด็นที่ 2 สถาบันอุดมศึกษานำข้อมูลตามประเด็นที่ 1 คือความต้องการจำเป็นของบุคลากรฯมาวิเคราะห์ช่องว่างระหว่างสมรรถนะปัจจุบัน เปรียบเทียบกับสมรรถนะเป้าหมายที่สถาบันอุดมศึกษาต้องการ และนำมาจัดทำแผนพัฒนาบุคลากร พร้อมทั้ง ทบทวนกระบวนการจัดการความรู้ที่ได้กำหนดไว้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 มาปรับปรุงให้มีความเหมาะสมสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 โดยเชื่อมโยงการจัดการความรู้กับการพัฒนาบุคลากรฯ ให้สอดคล้องกับสมรรถนะหลัก ค่านิยม และวัฒนธรรมการทำงานของสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งแผนดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากผู้มีอำนาจหรือจากสภามหาวิทยาลัย/สถาบัน แค่ 2 ประเด็นนี้....ยังหืดขึ้นคอเลย
หากจะให้เป็นไปตามที่ต้องการตามประเด็นต่างๆ ที่ระบุไว้ นั่นหมายถึง...
ทางที่ 1 ต้องรอผลในปี 2553 ถึงจะวัดตามประเด็นเหล่านั้นได้ ก็เล่นมาออกประเด็นตัวชี้วัดต่างๆ ตอนที่แผนงานปี 52 อนุมัติเสร็จสรรพไปหมดแล้ว
อีกทาง เราต้องถอยหลังไปทำแผน ปี 2552 ใหม่ ตามประเด็น ก.พ.ร. ในเดือนมกราคม 52
หรืออาจมีสถาบันไหนที่ทำตาม ประเด็นที่ ก.พ.ร.กำหนดไว้แล้วก็ได้ ม.อ. อาจไม่ได้ทำแนวนี้ก็ไม่แน่
ดิฉันขอ ตัดตอน นะคะ เนื่องจากมันยาว...ไปแล้ว....
อ่านตอนที่ 2 ค่ะ
ส่งกำลังใจมาให้คนขยัน ค่อยๆปรับไปค่ะ
งานท้าทาย อาจจะต้องทำแบบลัดขั้นตอนบ้าง ก็คงได้นะคะ
แต่จะหาวิธีลัดอย่างไร
คิดว่าอาจต้องปรับแผนค่ะ
มีคนขยันแบบนี้ ชาติเจริญค่ะ
สวัสดีค่ะ น้องจิ๊บ
รักษาสุขภาพด้วย ครูอ้อยคิดถึงเสมอค่ะ
ขอบคุณค่ะคุณใบบุญ ตามไปอ่านตอนที่ 2 ด้วยนะคะ เพิ่งบันทึกเสร็จเมื่อสักครู่นี่เองเอง
งานยากจัง ขนาดแค่อ่านก็ยังปวดหัว แล้วคนทำจะขนาดไหน
เป็นกำลังใจให้นะคะ