เรื่องนี้ เป็นเรื่องเล่าของดิฉันเอง ที่ได้นำ KM เข้าไปใช้ในการ ลปรร. ในงานสร้างเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ ตั้งแต่ปี 2549 ค่ะ ซึ่งทำให้เห็นพัฒนาการของชมรมผู้สูงอายุที่ทำกิจกรรม ในเรื่อง สุขภาพช่องปาก ลองฟังเรื่องราวดูกันนะคะ
การส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุนี้ได้ทำมาแล้วเป็นเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2549 เรามีข้อมูลว่า ผู้สูงอายุมีการสูญเสียฟันร้อยละ 92 ประมาณ 4 ล้านคน แต่มีการสูญเสียฟันทั้งปาก ร้อยละ 8 ประมาณ 300,000 คน เป็นมูลเหตุที่ทำให้เกิดโครงการฟันเทียมพระราชทาน ที่มีการใส่ฟันให้กับผู้สูงอายุที่ไม่มีฟันเลยขึ้นมา ร่วมกับมีข้อร้องเรียนจากผู้สูงอายุ ที่มีความต้องการการใส่ฟันเทียมทั้งปาก แต่เราไม่ได้มองแต่เพียงเรื่องการใส่ฟัน เรามองไปถึงเรื่องของผู้สูงอายุที่ยังคงมีฟันอยู่ และมีโรคฟันผุ และโรคปริทันต์ ที่พบว่า ผู้สูงอายุมีโรคฟันผุร้อยละ 96 และโรคเหงือกร้อยละ 62 ด้วย
เรามองที่ว่า แล้วสุขภาพมีจุดดีอะไรบ้าง เพราะว่าสุขภาพช่องปากส่งผลต่อการกิน ภาวะโภชนาการ โรคของระบบทางเดินอาหาร และส่วนของคุณภาพชีวิต เรื่องของความมั่นใจ การเข้าสังคม และความสุข เราจะดึงจุดดีนี้ออกมา เพราะว่าผู้สูงอายุไม่ทุกคนที่ไม่มีฟัน จะมีผู้สูงอายุหลายท่านที่มีสุขภาพ และสุขภาพช่องปากที่ดี เราจะเอาดีตรงนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะมาสร้างบรรยากาศในการดูแลสุขภาพช่องปากให้มากขึ้น
ที่ผ่านมาเราได้แก้ปัญหาสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุใน 2 ด้านก็คือ
และกิจกรรมหนึ่งในโครงการฟันเทียมพระราชทาน ที่เราจะนำเรื่องการจัดการความรู้ไปใช้ นั่นก็คือ เรื่องของการส่งเสริมสุขภาพช่องปาก เพื่อการส่งเสริมป้องกันโรค และทำอย่างไรที่จะไม่ให้ผู้สูงวัยต้องสูญเสียฟันเพิ่มขึ้นด้วย
เรามองว่า เครือข่ายของเราอยู่ที่จังหวัด จะมีตั้งแต่ศูนย์อนามัย (หน่วยงานของกรมอนามัยที่อยู่ส่วนภูมิภาค) มีทั้งสิ้น 12 เขต เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น อุบลฯ นครฯ เป็นต้น ... ศูนย์อนามัยจะเป็นตัวช่วยให้กับเราได้ ในการที่จะไปประสานกับเครือข่ายจังหวัด หน่วยให้บริการที่จังหวัด รวมไปถึงชุมชน ซึ่งจะมีโรงพยาบาลชุมชน หน่วยบริการปฐมภูมิ ไปจนถึงผู้สูงอายุ
ที่เราจะทำคือ จะเน้นที่ การพัฒนากระบวนการ และกิจกรรม เพื่อการสร้างเสริมสุขภาพช่องปาก ผ่านเครือข่ายผู้สูงอายุในโรงพยาบาล และเครือข่ายอื่นๆ ... ซึ่งกิจกรรมนี้ส่วนกลางทำไม่ได้ด้วยตัวเองแน่นอน เราต้องอาศัยโรงพยาบาลชุมชน หน่วยบริการปฐมภูมิ ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้สูงอายุร่วมมือในการทำกิจกรรมด้วย ... แล้วเราจะทำอย่างไรที่จะจูงใจเขาให้ทำกิจกรรมเหล่านี้ ให้เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ ... ซึ่งเป้าหมาย ก็คือ เราต้องการให้เกิดกิจกรรมในผู้สูงอายุ ที่ผู้สูงอายุคิดกันเอง ทำกันเอง ในกระบวนนี้ เราใช้ KM เข้าไปช่วยการขับเคลื่อนให้เกิดกิจกรรมที่เราต้องการ เพื่อให้ผู้สูงอายุ ชมรมผู้สูงอายุ มีการประชุมปรึกษาหารือรูปแบบ และจัดกิจกรรมร่วมกัน
ครั้งแรกเราเริ่มที่ เปิดให้ศูนย์อนามัยสมัครเข้าร่วมกิจกรรม เป็นศูนย์อนามัยนำร่อง ศูนย์ฯ ที่สมัครนำร่อง ได้แก่ ศูนย์ฯ 4 ราชบุรี ศูนย์ฯ 5 นครราชสีมา ศูนย์ฯ 10 เชียงใหม่ ศูนย์ฯ จะไปประสาน หาจังหวัดที่อาสาเข้าร่วมกิจกรรม จังหวัดที่สนใจในครั้งแรก ได้แก่ สุพรรณบุรี เพชรบุรี ราชบุรี บุรีรัมย์ ชัยภูมิ เชียงใหม่ ลำปาง และจังหวัดเป็นผู้ประสานทีมที่มีความต้องการ นำร่องกิจกรรมผู้สูงอายุ ได้ทีมมา 7 จังหวัด 25 ชมรมผู้สูงอายุ
กิจกรรมครั้งแรกสุด
ปีแรก ก็พบว่า ... เขาทำได้ จากการที่ไปลุยทำเลย แบบว่า สไตล์ใคร สไตล์คนนั้น ในเรื่องของชมรมผู้สูงอายุ ที่มีกระบวนการในการทำกิจกรรมต่างๆ
หลังจากนั้น เราก็ตามไปเยี่ยมชมกิจกรรม เรามี 3 ศูนย์ฯ นำร่อง ก็ลงไปเยี่ยม 3 แห่ง ได้แก่ ที่เขต 10 ไปเยี่ยม ห้างฉัตร ลำปาง ที่นี่มีการจัดอบรมในลักษณะของฐานความรู้ เขามีดีตรงที่เขาไปจับมือ กับ อบต. มาร่วมกันทำกิจกรรมให้ความรู้แก่ผู้สูงอายุ จะมีเรื่องของการย้อมสีฟัน เพื่อตรวจคราบจุลินทรีย์ ซึ่งตามมาด้วยกิจกรรมแปรงฟันให้สีที่ย้อมนั้นหมดไป ก็แสดงว่า ฟันสะอาด และพบภูมิปัญญาพื้นบ้านที่คุณลุงท่านหนึ่ง หยิบขึ้นมาแสดง เป็นไม้ขัดฟัน ที่พระใช้เพื่อช่วยทำความสะอาดช่องปาก ในช่วงที่ยังไม่มีแปรงสีฟันใช้
ที่ศูนย์ฯ 4 ไปเยี่ยมที่ ห้วยลึก จ.เพชรบุรี เขามีกระบวนการทำกิจกรรมในผู้สูงอายุ โดยเริ่มจาก ศูนย์ฯ ลงไปให้ความรู้ ... ที่นี่เขาระดมไปให้ความรู้กับชมรมที่คัดเลือกมา เรื่องของความคิดเกี่ยวกับสุขภาพฟันที่ดี เป็นอย่างไร และควรทำอย่างไร
และที่ศูนย์ฯ 5 ไปเยี่ยมที่ บุรีรัมย์ อ.พุทไธสง ที่นี่มีกระบวนการอีกแบบหนึ่ง คือ เขาจะไปใช้วัดเป็นที่ชุมนุมของผู้สูงอายุ ก็จะมีพระมาช่วย มาให้การสนับสนุน ผู้สูงอายุก็จะได้รับการสนับสนุนจากพระด้วย เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ซึ่งพระท่านนำมาแบ่งปันให้ผู้สูงอายุ เป็นการระดมทรัพยากรจากพื้นที่ได้อย่างดีทีเดียว
ครั้งนั้นเป็นผลพวง จากที่เราใช้วิธีโยนลงน้ำ และเกิดกิจกรรมจากการที่เราได้ไปติดตามไปดูงานจริงในพื้นที่
และตามมาด้วยครั้งที่ 2 ตามผลปลายปี 2549 เอากลุ่มที่ทำงานเหล่านี้ จากการดูงาน 3 แห่ง รวมกับจำนวนทั้งหมดที่ทำกิจกรรม คือ 25 ชมรมฯ ที่ยังไม่เห็นว่าที่ไหนทำอะไรกันบ้าง เรานำเขาเหล่านั้นมา ลปรร. กัน ที่เอบีน่าเฮ้าส์ จำนวน 13 PCU เพื่อมุ่งหวังที่จะให้เกิดการ ลปรร. และเกิดกิจกรรมการทำงานต่อไป ในปี 2550 ... กลุ่มนี้จะเน้นเนื้อหาในกระบวนการประชุม ลปรร. ก็คือ
จากการ ลปรร. ครั้งนี้ ก็สามารถทำให้เกิดเรื่องเล่าต่อยอดขึ้นมาอีกมากมาย ซึ่งเราจะมี Knowledge Assets ที่เกิดจากเรื่องเล่าเหล่านี้ นำไปใส่ในคลังความรู้ เป็นขุมความรู้ ที่ลานแลกเปลี่ยนเรียนรู้ กรมอนามัย Gotoknow.org/kmanamai ซึ่งไปใช้บริการของ สคส. ที่สร้าง Gotoknow.org เพื่อเป็นแหล่งเรื่องเล่าที่เผยแพร่ความรู้สู่เพื่อนร่วมวงการ
ว้นนั้นเราได้เรื่องเล่าความสำเร็จจาก 3 ชมรมผู้สูงอายุ ได้แก่
หลังจากการเล่าเรื่องบนเวที เราจัดให้มีการ ลปรร. ในกิจกรรมกลุ่ม ก็ได้รับฟังเรื่องราวของกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพของชมรมฯ หลายรูปแบบ อาทิเช่น
กิจกรรมกลุ่มนั้นเราก็จะเน้น Facilitator และ Note taker เครื่องมือที่ใช้จะเป็น Flipchart ที่เขียนบันทึกเรื่องเล่าด้วยปากกาเมจิก นั่นก็คือ ผู้บันทึกต้องเขียนเก่งสักหน่อย เขียนเก่งแบบที่ไม่จำกัดว่า จะต้องรอสรุปคำพูดเขา แล้วค่อยเอามาเขียน เพราะว่าภายใต้คำพูดของเขาจะมีประกายบางสิ่งบางอย่างซ่อนอยู่ในนั้น ถ้าเราสามารถบันทึกได้ทุกคำพูด จะเห็นว่า มีสาระอะไรๆ ที่ค่อนข้างเยอะ และครั้งนั้น ก็ได้พยายามให้มีการบันทึกด้วยเทป หรือ MP3 แต่ก็ไม่ทุกกลุ่มที่ทำได้
ท้ายของการการประชุม จะมีการนำเสนอเรื่องเล่าของกลุ่มในที่ประชุม
และสุดท้ายคือ AAR เป็นการสรุปบทเรียนหลังจากที่ได้เรียนรู้ ซึ่ง AAR ส่วนใหญ่จะให้พูดในเรื่องของ
ทั้งหมดนี้ จะทำให้เขาได้ตระหนักว่า เขามาเรียนรู้เรื่องอะไร และเขามีความตั้งใจจะไปทำอะไรต่อ
และเรื่องเล่าในครั้งนั้น ดิฉันก็ได้นำขึ้นเวป ของ สคส. ซึ่งผู้สูงอายุจะมี เวปบล็อกอีกอันหนึ่ง ใช้ชื่อว่า ส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ อยู่ที่ http://gotoknow.org/blog/km-dental-nonta เล่าในเรื่องสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุ
ผลที่ได้ในการ ลปรร. ครั้งนี้นั้น ก็พบว่า มีกิจกรรมด้านสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุเกิดขึ้นอย่างมากมาย เช่น ที่ชมรมผู้สูงอายุท่านัด ต.ท่านัด อ.ดำเนินสะดวก ราชบุรี ที่ห้างฉัตร และแจ้ห่ม ลำปาง ที่ชมรมผู้สูงอายุบ้านแฮด พุทไธสง บุรีรัมย์ และที่ชมรมผู้สูงอายุบ้านหลุบโพธิ์ อ.บ้านเขว้า ชัยภูมิ และอื่นๆ จาก 3 ที่ที่เราได้ไปดูมา ... และเห็นว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดกิจกรรมต่างๆ นั้น เกิดจาก
เราจะมีแผนปี 2550 ที่เขาทำต่อ
ในส่วนของปี 2551 เรามีการ ลปรร. ในส่วนของผู้สูงอายุ และบุคลากรสาธารณสุข เราจัด ลปรร. 2 ครั้ง ภาคอีสานที่ขอนแก่น และภาคเหนือที่ลำปาง ก็เพื่อความสะดวกของผู้สูงอายุ ที่จะเดินทางมาเข้าร่วม ลปรร. ใกล้ๆ มีจำนวนผู้เข้าร่วม ลปรร. ทั้งสิ้น 459 คน ทำให้เรามีเครือข่ายผู้สูงอายุ 30 จังหวัด 89 ชมรมฯ จากตั้งต้นที่ 11 จังหวัด 32 ชมรมฯ
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นพัฒนาการของการใช้ การจัดการความรู้ ในงานส่งเสริมสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุ ซึ่งตั้งต้นจากเล็กๆ ไม่มีอะไรเลย ยังมีน้อยคนที่ไปทำกิจกรรมกับผู้สูงอายุ เพราะว่ามีความรู้สึกว่า การทำงานกับผู้สูงอายุนั้นค่อนข้างยุ่งยาก ... แต่ปัจจุบันทำให้เกิดกลุ่มคนที่อยากทำงานกับผู้สูงอายุมากขึ้น มากขึ้น เนื่องจากพลังของเรื่องเล่า พลังของการ ลปรร. ที่ทำให้เกิดความรู้สึกว่า เขาทำได้ เราก็น่าจะทำได้นะ
ตัว KM ที่ดิฉันนำไปนำไปใช้ก็คือ
ในกระบวนการนี้ เราเริ่มกิจกรรมกัน ตั้งแต่เรื่องของเนื้อหาความรู้ จากเอกสาร ตำบล ฐานข้อมูล รวมทั้งความรู้ที่เกิดจากคน (Tacit knowledge) ทำให้เกิดแก่นความรู้ นำไปเผยแพร่ และนำไปปรับให้เหมาะกับการใช้งาน และคงไม่ได้จบแต่เพียงแค่นี้เท่านั้น เพราะว่า กระบวนการนี้คงจะต้องมีการหมุนเวียน ทบทวน ปรับปรุง อีกไม่รู้ว่ากี่ครั้ง จนกว่าที่จะได้องค์ความรู้ที่เหมาะกับพื้นที่นั้นๆ ในที่สุด ซึ่งก็จะแตกต่างกันไปตามบริบทของแต่พื้นที่
ดร.ยุวนุช ได้กรุณาสรุปท้ายเรื่องเล่านี้ว่า
น่าสนใจจริงๆ ค่ะ ... เรื่องของทันตสุขภาพของผู้สูงอายุดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัวนะคะ แต่ที่ฟังวิธีการใช้ KM นี้ ก็ได้แนวคิดหลายข้อ
สิ่งที่คุณหมอพูดและดิฉันสรุปได้มากก็คือ ความสุข ของผู้ที่เข้ามาร่วมทำ KM ทุกคน สิ่งนี้อาจไม่ใช่งานของ วศ. โดยตรง และวิธีคิดนี้ เราเอามาใช้ได้ล้วนๆ เลย
ก็อยากถามจริงๆ ว่า ได้อะไรจากเรื่องเล่านี้ไหมคะ ... นี่ AAR ให้คนพูดนะเนี่ยะ
ไม่มีความเห็น